Stock Vitamins - วิตามินหุ้น :                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                           ช่วงนี้กระแสหุ้น IPO ร้อนแรง หลายบริษัทเข้าตลาดวันแรกบวกเป็น 100% และเชื่อแน่ว่าหลายคนต่างรอคอยหุ้นตัวนี้ที่มีขื่อว่า “SCGP”
..
  หุ้นตัวนี้เปิดตัวอย่างอลังการ มีข่าวสารข้อมูลให้อ่านเต็มไปหมด ซึ่งวันนี้สิ่งที่ผมอยากหยิบมาเล่าให้ฟัง คือ เรื่องที่หลายๆ คนไม่ได้พูดถึงกัน แต่เราควรต้องรู้เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ถ้าพร้อมแล้วตามวิตามินหุ้นมาได้เลยครับ
..
  ผมต้องเกริ่นแบบนี้ก่อนเพื่อกันความเข้าใจผิด SCGP เป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจ ทั้งในตัวธุรกิจที่อิงกับอุตสาหกรรมที่จำเป็นและเป็นเทรนด์ของการเติบโตทั้งอาหาร เครื่องดื่ม e-commerce, delivery ตัวพื้นฐานของบริษัทก็มีความแข็งแกร่งอย่างมาก รายได้และกำไรเติบโตมาตลอด เพียงแต่ว่ามีบางประเด็นที่เราควรรู้อยู่ นั่นก็คือ
.
  อยู่ในธุรกิจที่แข่งขันสูง
.
ถึงแม้ว่า SCGP จะเป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในอาเซียนด้วยส่วนแบ่งการตลาด 36% และมี 40 โรงงาน ใน 5 ประเทศ แต่ก็ต้องบอกว่า ตลาดนี้ยังมีผู้เล่นอื่นๆ อีกมากมายทั้งรายเล็กรายใหญ่ ทำให้การแข่งขันสูง มีการตัดราคากันได้ ทำให้ราคาขายลดลง
.
ยกตัวอย่าง เช่น กระดาษกล่องลูกฟูก กระดาษ A4 กล่องใส่อาหารทั่วไป ลูกค้าบางเจ้าที่อาจจะไม่ได้ใหญ่มากนักก็เลือกกล่องที่ใช้งานได้ แต่ราคาถูกหน่อย เพราะเอาเข้าจริงๆ ผู้บริโภคก็ไม่ได้มานั่งดูว่าเป็นของแบรนด์อะไร เจ้าไหนผลิต แต่สนใจที่สินค้าข้างในที่ซื้อมากกว่า และอาจเป็นด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ SCGP หันมาเน้นทางด้านดีไซน์และนวัตกรรมเพื่อให้เกิดความแตกต่างมากขึ้น
..
  รายได้เติบโต แต่ไม่ใช่ทุกธุรกิจ
.
ที่เห็นว่า รายได้ครึ่งปีแรก 2563 โต 10.5%
  84% ของรายได้คือ บรรจุภัณฑ์กระดาษครบวงจร เติบโต 19.6%
  16% ของรายได้คือ เยื่อและกระดาษ ลดลง 20.5%
..
แปลว่า ที่โตได้มาจาก กลุ่มแรก ซึ่งดี เพราะเป็นสินค้าหลัก มาร์จิ้นดีกว่า ขณะที่สินค้ากลุ่มเยื่อและกระดาษ ลดลงทั้งปริมาณและราคาขาย ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจาก COVID ที่ปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัย การ work from home ก็ทำให้การใช้กระดาษลดลง
..
  รายได้เติบโต เพราะซื้อกิจการที่อินโดนีเซีย
..
ที่เราเห็นว่ารายได้ครึ่งปีแรก 2563 โต 10.5% นั้น ถ้าเราแยกออกมาดูเป็นรายประเทศจะพบว่า
.
  52% มาจากเมืองไทย การเติบโต -9%
  14% มาจากอินโดนีเซีย การเติบโต +647% ซื้อบริษัทผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ Fajar เมื่อมิถุนายน 2562
  11% มาจากเวียดนาม การเติบโต -8%
  3% มาจากฟิลิปปินส์ การเติบโต -23%
..
ทีนี้ถ้าเราไม่นับ Fajar Indonesia และอีกบริษัทที่ซื้อกันยายน 2562 ชื่อว่า Visy Packaging Thailand รายได้ของ SCGP จะติดลบ 11% เนื่องมาจากราคาขายของทั้งกระดาษบรรจุภัณฑ์และเยื่อกระดาษลดลงตามการแข่งขันที่สูง
..
นั่นแปลว่า การเติบโตมาจาก inorganic มากกว่า organic ถ้าไม่มีดีลซื้อกิจการอาจกระทบยอดขายได้
..
  ซื้อ SOVI เวียดนาม Q4’63 ช่วยแค่ไหน
.
บริษัทถัดไปที่ SCGP จะซื้อ คือ SOVI เป็นผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ลำดับที่ 6 ในประเทศเวียดนาม ถามว่ายอดขาย กำไร เข้ามาช่วยได้มากแค่ไหน
.
  ปี 2562 รายได้ 2,229 ล้านบาท กำไรสุทธิ 185 ล้านบาท
  ครึ่งปีแรก 2563 รายได้ 946 ล้านบาท กำไรสุทธิ 82 ล้านบาท
..
ถ้าเทียบกับ SCGP ในปัจจุบัน รายได้ปีนึงเกือบ 90,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 6,000 ล้านบาท ก็ต้องบอกว่า SOVI อาจจะเข้ามาช่วยได้ไม่เยอะ
..
แต่ SCGP ก็ยังมีแผนการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการเข้าไปซื้อกิจการอื่นเพิ่มเติม เช่น กิจการบรรจุภัณฑ์แบบคงรูป ภาชนะบรรจุอาหารที่เวียดนาม และกิจการผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูก (Corrugated Containers) ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งถ้ามาเร็วและมีขนาดใหญ่ก็จะช่วยเพิ่มยอดขายและกำไรได้ ต้องติดตามครับว่าจะมาเมื่อไหร่
..
  เพิ่มกำลังการผลิตในปี 2564
.
ในระหว่างที่ยังไม่มีดีลใหญ่ของการซื้อกิจการ SCGP เลยทุ่มงบ 8,200 ล้านบาท ไปกับการขยายกำลังการผลิตในประเทศต่างๆ คือ
.
  เวียดนาม ขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว เพิ่ม 84 ล้านตารางเมตรต่อปี คิดเป็น +26% เสร็จ Q3’2563
.
  ไทย ขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว เพิ่ม 53 ล้านตารางเมตรต่อปี คิดเป็น +18% เสร็จ Q2’2564
.
  อินโดนีเซีย ขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ลูกฟูก และ กระดาษกล่องเคลือบขาว เพิ่ม 400,000 ตันต่อปี คิดเป็น +29% เสร็จ Q1’2564
.
  ฟิลิปปินส์ ขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ลูกฟูก เพิ่ม 220,000 ตันต่อปี คิดเป็น +96% เสร็จ Q2’2564
..
เราจะเห็นได้ว่าปีหน้า 2564 กำลังการผลิตเพิ่มเยอะ น่าจะช่วยเพิ่มยอดขายและกำไรได้ แต่จะเพิ่มมากแค่ไหน ต้องไปดูอีกทีว่าออเดอร์ลูกค้าจะเข้ามาเท่ากับกำลังการผลิตหรือเปล่า และมีค่าเสื่อมของเครื่องจักรที่ต้องเสียมากน้อยแค่ไหน
.
======================
.
  กำไรเพิ่มเยอะ เพราะต้นทุนเพิ่มไม่มาก มีรายการพิเศษ และภาษีเข้ามาช่วย
.
รายได้โต 10.5% แต่กำไรสุทธิโต 45.6% ดูไม่ค่อยสอดคล้องกันเท่าไหร่ ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้กำไรโตเยอะคือ
.
  ปี 2562 มีค่าสำรองพนักงานเกษียณ 527 ล้านบาท ทำให้กำไรน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
.
  ต้นทุนขายเพิ่มแค่ 7% คือ ส่วนหนึ่งเพราะขายกระดาษบรรจุภัณฑ์มากกว่าเยื่อ ซึ่งมาร์จิ้นดีกว่า และอีกส่วนคือ การที่เมืองจีนมีการจำกัดการนำเข้าเศษกระดาษเก่า ให้มีการปนเปื้อนแค่ 0.5% ทำให้โรงงานที่จีนปิดไปเยอะ supply เศษกระดาษล้น ราคาต้นทุนก็ลดลงมา (อีกด้านนึงคือ จีนนำเข้ากระดาษลูกฟูกจากไทยเข้าไปเพิ่ม ราคาขายก็สูงขึ้นเช่นกัน) เรื่องนี้เราจะเห็นผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับหุ้น UTP ที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน
.
  ภาษีเงินได้นิติบุคคลที่อินโดปี 2563 ลดจาก 25% เหลือ 22% และในปี 2565 จะลดเหลือ 20%
…
แปลว่า SCGP ดูจะได้ประโยชน์ต่อเนื่องทางฝั่งต้นทุน และภาษี ซึ่งก็ได้ผลดีต่อเนื่อง แต่ก็ต้องติดตามมาตรการของทั้งจีนและอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรหรือไม่ในอนาคต
.
  SCGP เป็นหุ้นปันผลดีมั้ย
.
ถ้าให้เดาจากนโยบายการจ่ายปันผลที่บอกว่าไม่ต่ำกว่า 20% และดูจากการที่บริษัทมีแผนการลงทุนต่อเนื่อง ก็คาดว่าไม่น่าจะจ่ายปันผลสูง ยกเว้นปีไหนทำกำไรได้ดีกว่าปกติ หรือถ้าเราดู SCC บริษัทแม่เป็นตัวอย่าง ก็จะพบว่า ให้ผลตอบแทนปันผลประมาณ 3-4% ซึ่งก็ไม่ได้สูงมากมายนัก
..
  SCGP เป็นหุ้น Growth Stock หรือเปล่า
.
ถ้าอย่างงั้น เป็นหุ้น Growth Stock ใช่มั้ย ก็อาจจะพูดไม่ได้เต็มปากนัก ในรอบ 4 ปี ที่ผ่านมา การเติบโตเฉลี่ยของรายได้ +6% กำไร +15% แต่อย่างที่บอก ต้องดูว่าแต่ละปีมีการขยายกำลังการผลิต หรือซื้อกิจการเข้ามาเพิ่มเติมมั้ย ถ้าเข้ามาต่อเนื่อง และขนาดใหญ่ ก็อาจจะเติบโตได้ แต่ถ้าไม่ก็อาจโตไปเรื่อยๆ
..
  SCGP คือหุ้นแบบไหน
.
ถ้าในมุมมองผม อาจจะมองได้ว่า SCGP เป็นหุ้น Value Stock ขนาดใหญ่ ที่น่าจะอยู่ใน SET50 เป็นหุ้นที่อยู่ในลิสต์ของกองทุน นักลงทุนรายใหญ่ ที่มองหาหุ้นพื้นฐานดี มั่นคง มีการเติบโตได้
..
  SCGP # SPCG
.
ชื่อคล้ายกัน อย่าสับสนจนซื้อผิดตัว SPCG คือ หุ้นพลังงานทดแทน มีโรงไฟฟ้า แต่ adder เริ่มทยอยหมดสัญญา ส่วน SCGP ให้จำว่า มาจากบริษัทแม่ SCG บวกกับ P-Packaging กลายเป็น SCGP ชอบบริษัทไหน เลือกให้ถูกตัวครับ
..
  และนี่ก็คือ 10 ข้อ ที่น่าจะเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับคนที่สนใจ SCGP ลองพิจารณาดูครับว่าเป็นอย่างไร อย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง วิตามินหุ้นเพียงให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ โปรดศึกษาข้อมูลด้วยความรอบคอบทุกครั้งก่อนลงทุน
..
#SCGP #วิตามินหุ้น https://www.facebook.com/stock.vitamins/