ศรีนวลมีหนาว! ศาลยกคำร้อง "ส.ส.เพื่อไทย" ถวายเงินพระ ทวงคืนเก้าอี้ผู้แทน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5009674
“สุรพล เกียรติไชยากร” เฮ!! ศาลเลือกตั้ง ยกคำร้อง คดีใส่ซองทำบุญ ช่วงเลือกตั้ง เรียกร้องค่าเสียหาย กกต. 70 ล้านขู่คืนสิทธิจาก "ศรีนวล" คืนมา
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 ก.ย. ที่รัฐสภา นาย
สุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 8 จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำพิพากษายกคำร้องกรณีที่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบส้มหรือเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้เป็นการชั่วคราว 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.2562
หลัง กกต. กล่าวหาว่าการใส่ซองทำบุญให้กับพระสงฆ์ จำนวน 2,000 บาท มีมูลความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (2)
ฐานให้เงิน หรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม แก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใดในช่วงที่มีการเลือกตั้ง
ซึ่งตนได้ยื่นคัดค้านไปแล้วก่อนหน้านี้ และในช่วงเช้าวันนี้ (29ก.ย.) ศาลฯได้พิพากษาคืนความยุติธรรมให้แก่ตน โดยได้ยกคำร้องข้อกล่าวหาเนื่องจากศาลเห็นว่า เงินดังกล่าวเป็นค่าเทียนสะเดาะเคราะห์ และในวันที่ไปทำบุญนั้น
นาย
สุรพล ไม่ได้พูดหาเสียง เพียงแต่ทักทายกับประชาชนเท่านั้น ไม่ได้ฝากเนื้อฝากตัวกับชาวบ้านจึงยังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่า เป็นการบริจาคเงินทำบุญให้กับวัดเพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเอง และไม่จำเป็นต้องชดใช้ค่าเลือกตั้งซ่อมตามคำร้อง
นาย
สุรพล กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีแรกที่ส.ส. ฟ้อง กกต. ได้รับชัยชนะ และใช้เวลาต่อสู้มา1 ปี 5 เดือน 5 วัน และตนคือว่าเป็นการยัดเยียดความผิดให้ วันนี้จึงเป็นวันที่ภาคภูมิใจในเกียรติยศ ที่ได้รับความยุติธรรมจากศาลฎีกาและได้คืนสิทธิและอำนาจในคะแนนจากประชาชนที่ได้ลงคะแนนให้ตน กว่า 5.4 หมื่นคะแนน ซึ่งเป็นคะแนนบริสุทธิ์
“วันนี้ประชาชนจึงอยากให้ประชาชนเขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ได้รับทราบว่า ทุกคนได้คืนศักดิ์ศรีเกียรติยศและผมได้รับความเป็นธรรมทุกอย่างถูกต้องไม่มีความผิด” นาย
สุรพล กล่าว
ด้าน นาย
ปกป้อง กลับวิเศษ ทนายความ นาย
สุรพล เกียรติไชยากร ชี้แจงเพิ่มเติมว่า สมาชิกภาพ ส.ส.ของนาย
สุรพล ถือว่าเป็น ส.ส.โดยพฤตินัย เมื่อได้ทราบผลคะแนนชนะการเลือกตั้งแล้ว แต่ กกต. ได้มอบใบส้มให้นาย
สุรพล ซึ่งเป็นมาตรการชั่วคราวในการเพิกถอนสิทธิ 1 ปี
แต่หลังจากนั้น กกต. ได้นำข้อกล่าวหาดังกล่าวไปฟ้องร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อขอเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี และเมื่อศาลไต่สวนวินิจฉัยตามข้อเท็จจริง ซึ่งไม่มีมูลแล้ว จึงยกคำร้อง ดังนั้น ทีมทนาย จะติดตามความชัดเจนจาก กกต.ว่า
จะทำอย่างไรต่อคะแนนการเลือกตั้งกว่า 50,000 คะแนน ที่นาย
สุรพลได้รับ ซึ่งเป็นคะแนนบริสุทธิ์ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ถือเป็นเรื่องใหม่ และนางสาว
ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคภูมิใจไทย ที่ชนะการเลือกตั้งซ่อม จะยังมีสถานะหรือไม่ หรือจะให้นาย
สุรพล กลับมาเป็น ส.ส.ตามคะแนนที่ได้รับโดยชอบ
นาย
ปกป้อง ยังเปิดเผยด้วยว่า เบื้องต้น ทีมทนาย ได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จากการที่ไม่ได้ทำหน้าที่ ส.ส.จาก กกต. แล้ว จำนวน 70 ล้านบาท ฐานให้ใบส้มโดยมิชอบ ใช้อำนาหน้าที่โดยละเมิด แต่ยังไม่ได้มีการฟ้องร้องเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งหาก กกต. ยังไม่คืนสิทธิ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พท.เชื่อครบ 30 วัน คว่ำญัตติแก้รธน.กลางสภาฯ
https://www.dailynews.co.th/politics/798199
“สมคิด”แขวะ“บิ๊กตู่” ไม่เอาเลือกตั้ง เพราะชอบลากตั้ง เชื่อกมธ.ถกครบ 30 วัน คว่ำญัตติแก้รธน.กลางสภาฯ แน่
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. นาย
สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยว่า กรณีที่ที่ประชุมรัฐสภามีมติเสียงข้างมากให้ตั้งคณะกรรมาธิการ 3 ฝ่ายพิจารณาก่อนรับหลักการร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดเวลาศึกษา 30 วันก่อนที่จะนำกลับเข้ามาสู่ ที่ประชุมสภาฯ ในเดือนพ.ย. เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาทั้ง 750 คนมีมติว่าจะรับหลักการหรือไม่รับหลักการในญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญนั้น
ที่น่าสนใจคือ แม้ส.ส.ทั้ง 500 คนจะมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ก็ไม่สามารถจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะต้องใช้เสียงส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 คนเห็นชอบด้วยถึงจะดำเนินการได้ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนบังคับไว้
ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก และมีความเป็นไปได้ว่าญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคฝ่ายค้านคงถูกตีตก หรือคว่ำญัตตินี้ในที่ประชุมรัฐสภาในสมัยประชุมหน้า แม้ส.ว.บางส่วนอภิปรายว่าเห็นด้วยที่จะแก้ แต่พอลงมติเสียงส.ว.ไม่แตกแถว อาจจะมีผู้มีอำนาจสั่งการให้ส.ว.ลงมติไปในทิศทางเดียวกันก็ได้
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ไม่ต้องการผู้แทนที่มาจากประชาชน ต้องการได้ผู้แทนที่มาจากการแต่งตั้ง ดังนั้นผลที่ตามมาคือ ประเทศจะวุ่นวายต่อไปไม่รู้จบ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ต้องการนักการเมืองที่มาจากการลากตั้ง เพราะคุมง่าย และสั่งได้ตามใจ ไม่สนใจนักการเมืองที่มาจากเสียงของประชาชน” นายสมคิดกล่าว
JJNY : ศรีนวลมีหนาว!ศาลยกคำร้องส.ส.พท./พท.เชื่อครบ30วัน คว่ำญัตติแก้รธน./คุณหญิงต้นเจอปรับ/"ดร.กนก"แนะรัฐหยุดเหลื่อมล้ำ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5009674
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 ก.ย. ที่รัฐสภา นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 8 จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำพิพากษายกคำร้องกรณีที่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบส้มหรือเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้เป็นการชั่วคราว 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.2562
หลัง กกต. กล่าวหาว่าการใส่ซองทำบุญให้กับพระสงฆ์ จำนวน 2,000 บาท มีมูลความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (2) ฐานให้เงิน หรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม แก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใดในช่วงที่มีการเลือกตั้ง
ซึ่งตนได้ยื่นคัดค้านไปแล้วก่อนหน้านี้ และในช่วงเช้าวันนี้ (29ก.ย.) ศาลฯได้พิพากษาคืนความยุติธรรมให้แก่ตน โดยได้ยกคำร้องข้อกล่าวหาเนื่องจากศาลเห็นว่า เงินดังกล่าวเป็นค่าเทียนสะเดาะเคราะห์ และในวันที่ไปทำบุญนั้น
นายสุรพล ไม่ได้พูดหาเสียง เพียงแต่ทักทายกับประชาชนเท่านั้น ไม่ได้ฝากเนื้อฝากตัวกับชาวบ้านจึงยังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่า เป็นการบริจาคเงินทำบุญให้กับวัดเพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเอง และไม่จำเป็นต้องชดใช้ค่าเลือกตั้งซ่อมตามคำร้อง
นายสุรพล กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีแรกที่ส.ส. ฟ้อง กกต. ได้รับชัยชนะ และใช้เวลาต่อสู้มา1 ปี 5 เดือน 5 วัน และตนคือว่าเป็นการยัดเยียดความผิดให้ วันนี้จึงเป็นวันที่ภาคภูมิใจในเกียรติยศ ที่ได้รับความยุติธรรมจากศาลฎีกาและได้คืนสิทธิและอำนาจในคะแนนจากประชาชนที่ได้ลงคะแนนให้ตน กว่า 5.4 หมื่นคะแนน ซึ่งเป็นคะแนนบริสุทธิ์
“วันนี้ประชาชนจึงอยากให้ประชาชนเขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ได้รับทราบว่า ทุกคนได้คืนศักดิ์ศรีเกียรติยศและผมได้รับความเป็นธรรมทุกอย่างถูกต้องไม่มีความผิด” นายสุรพล กล่าว
ด้าน นายปกป้อง กลับวิเศษ ทนายความ นายสุรพล เกียรติไชยากร ชี้แจงเพิ่มเติมว่า สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายสุรพล ถือว่าเป็น ส.ส.โดยพฤตินัย เมื่อได้ทราบผลคะแนนชนะการเลือกตั้งแล้ว แต่ กกต. ได้มอบใบส้มให้นายสุรพล ซึ่งเป็นมาตรการชั่วคราวในการเพิกถอนสิทธิ 1 ปี
แต่หลังจากนั้น กกต. ได้นำข้อกล่าวหาดังกล่าวไปฟ้องร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อขอเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี และเมื่อศาลไต่สวนวินิจฉัยตามข้อเท็จจริง ซึ่งไม่มีมูลแล้ว จึงยกคำร้อง ดังนั้น ทีมทนาย จะติดตามความชัดเจนจาก กกต.ว่า
จะทำอย่างไรต่อคะแนนการเลือกตั้งกว่า 50,000 คะแนน ที่นายสุรพลได้รับ ซึ่งเป็นคะแนนบริสุทธิ์ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ถือเป็นเรื่องใหม่ และนางสาวศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคภูมิใจไทย ที่ชนะการเลือกตั้งซ่อม จะยังมีสถานะหรือไม่ หรือจะให้นายสุรพล กลับมาเป็น ส.ส.ตามคะแนนที่ได้รับโดยชอบ
นายปกป้อง ยังเปิดเผยด้วยว่า เบื้องต้น ทีมทนาย ได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จากการที่ไม่ได้ทำหน้าที่ ส.ส.จาก กกต. แล้ว จำนวน 70 ล้านบาท ฐานให้ใบส้มโดยมิชอบ ใช้อำนาหน้าที่โดยละเมิด แต่ยังไม่ได้มีการฟ้องร้องเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งหาก กกต. ยังไม่คืนสิทธิ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พท.เชื่อครบ 30 วัน คว่ำญัตติแก้รธน.กลางสภาฯ
https://www.dailynews.co.th/politics/798199
“สมคิด”แขวะ“บิ๊กตู่” ไม่เอาเลือกตั้ง เพราะชอบลากตั้ง เชื่อกมธ.ถกครบ 30 วัน คว่ำญัตติแก้รธน.กลางสภาฯ แน่
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยว่า กรณีที่ที่ประชุมรัฐสภามีมติเสียงข้างมากให้ตั้งคณะกรรมาธิการ 3 ฝ่ายพิจารณาก่อนรับหลักการร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดเวลาศึกษา 30 วันก่อนที่จะนำกลับเข้ามาสู่ ที่ประชุมสภาฯ ในเดือนพ.ย. เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาทั้ง 750 คนมีมติว่าจะรับหลักการหรือไม่รับหลักการในญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญนั้น
ที่น่าสนใจคือ แม้ส.ส.ทั้ง 500 คนจะมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ก็ไม่สามารถจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะต้องใช้เสียงส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 คนเห็นชอบด้วยถึงจะดำเนินการได้ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนบังคับไว้
ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก และมีความเป็นไปได้ว่าญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคฝ่ายค้านคงถูกตีตก หรือคว่ำญัตตินี้ในที่ประชุมรัฐสภาในสมัยประชุมหน้า แม้ส.ว.บางส่วนอภิปรายว่าเห็นด้วยที่จะแก้ แต่พอลงมติเสียงส.ว.ไม่แตกแถว อาจจะมีผู้มีอำนาจสั่งการให้ส.ว.ลงมติไปในทิศทางเดียวกันก็ได้
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ไม่ต้องการผู้แทนที่มาจากประชาชน ต้องการได้ผู้แทนที่มาจากการแต่งตั้ง ดังนั้นผลที่ตามมาคือ ประเทศจะวุ่นวายต่อไปไม่รู้จบ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ต้องการนักการเมืองที่มาจากการลากตั้ง เพราะคุมง่าย และสั่งได้ตามใจ ไม่สนใจนักการเมืองที่มาจากเสียงของประชาชน” นายสมคิดกล่าว