ลองสังเกต “ความว่าง” ในทุกๆขณะให้ดีๆ
มนุษย์ส่วนใหญ่เราจะสัมผัสได้เฉพาะสิ่งที่อายตนะเข้าใจได้ถึงได้ ซึ่งอยู่อย่างจำกัด...แต่ถ้าเรามานั่งลงสังเกตุให้ดี เราจะเห็นสิ่งที่เราไม่ให้ความสำคัญที่สุด และ
มันเงียบเชียบที่สุด แต่ประโยชน์ของมันเป็นอนันต์ไร้ขอบเขตจำกัด นั่นคือ “ความว่าง”
ความว่างอยู่ในทุกๆหนทุกแห่งลองสังเกตุดีๆ ตั้งแต่ภายนอกทุกสรรพสิ่งมีขึ้นจากความว่าง เราจึงสามรถเข้าไปใช้ประโยชน์จากมันได้ มนุษย์มีสายตาคับแคบตีค่าสิ่งต่างๆ แต่หารู้ไม่ความว่างที่ดูเหมือน ไร้ประโยชน์นั่นล่ะกลับเป็นจุดตั้งต้นให้ทุกๆสิ่งมีขึ้นมาได้ ...
ทุกสิ่งเกิดจากความว่างที่ไม่มี ไปสู่ความมีขึ้น นี่คือ “ความยิ่งใหญ่ของความว่าง”
แม้แต่เรื่องสัจธรรมก็ไม่มีเรื่องอะไรที่เข้าใจยากเลย เพียงแค่เราขจัดสิ่งที่รกรุงรังภายในตัวเราออกไปให้หมด ที่เป็นระบบที่ถูกวางขึ้นในจิตของเราภายใน แล้วไปอาศัยอยู่กับความว่างสิ่งเดียวที่เป็นต้นกำเนิดของทุกๆสิ่ง...
ในพุทธเราอาจเรียกว่า สุญตา หรือเรียกว่า เต๋า หรือ พระเจ้าที่แท้จริง
“ความว่าง” คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ความว่างอยู่ในทุกๆหนทุกแห่งลองสังเกตุดีๆ ตั้งแต่ภายนอกทุกสรรพสิ่งมีขึ้นจากความว่าง เราจึงสามรถเข้าไปใช้ประโยชน์จากมันได้ มนุษย์มีสายตาคับแคบตีค่าสิ่งต่างๆ แต่หารู้ไม่ความว่างที่ดูเหมือน ไร้ประโยชน์นั่นล่ะกลับเป็นจุดตั้งต้นให้ทุกๆสิ่งมีขึ้นมาได้ ... ทุกสิ่งเกิดจากความว่างที่ไม่มี ไปสู่ความมีขึ้น นี่คือ “ความยิ่งใหญ่ของความว่าง”
แม้แต่เรื่องสัจธรรมก็ไม่มีเรื่องอะไรที่เข้าใจยากเลย เพียงแค่เราขจัดสิ่งที่รกรุงรังภายในตัวเราออกไปให้หมด ที่เป็นระบบที่ถูกวางขึ้นในจิตของเราภายใน แล้วไปอาศัยอยู่กับความว่างสิ่งเดียวที่เป็นต้นกำเนิดของทุกๆสิ่ง...ในพุทธเราอาจเรียกว่า สุญตา หรือเรียกว่า เต๋า หรือ พระเจ้าที่แท้จริง