จริง ๆ ไม่มีอะไร เห็นตอนนี้งาน Motor Expo เลยอยากแชร์วิธีคิดเรื่องการเลือกซื้อรถและบ้าน จากประสบการณ์ตัวเอง
1. ดูเรื่องเงินก่อน
อย่ามั่นใจในตัวเองมากว่าน่าจะผ่อนไหว เอาที่ไหวจริง ๆ ผ่อนมาโดนยึดมันเสียดาย
สิ่งที่สำคัญพอ ๆ กับ รายรับ รายจ่าย คือกระแสเงินสด
หมั่นสำรวจกระแสเงินสดรายเดือนของตัวเองว่ามีเท่าไหร่ เป็นบวกอยู่เท่าไหร่
หักความเสี่ยงต่าง ๆแล้วเหลือเท่าไหร่ (เจ็บป่วย อุบัติเหตุ ของพัง ฯลฯ)
หักแล้วค่อยเหลือว่าผ่อนไหวที่เดือนละเท่าไหร่ และต้องดาวน์เท่าไหร่
2. ซื้อรถให้ซื้อแบบผ่อนไหว แต่ซื้อบ้านให้ฝืนนิดนึง
เวลาซื้อรถ พอเรารู้ว่าเราผ่อนไหวที่เท่าไหร่ ให้หักลบอีกซัก 20% ค่อยเป็นอัตราที่ไหวจริงๆ เพราะพอซื้อรถแล้ว มันจะมีค่าซ่อม ค่าเข้าศูนย์ ค่าประกัน รายปีเข้ามาอีก เพราะฉะนั้น ต้องเผื่อไว้หน่อย และรถเป็นสินค้าที่ราคาตกเรื่อย ๆ ไม่รู้จะฝืนซื้อแพงไปทำไม อีก 5 ปี เดี๋ยวรุ่นใหม่ก็ออกมาและเราก็เปลี่ยนรถอยู่ดี
แต่ถ้าซื้อบ้าน อาจจะยอมตึงมือซัก 3-5 ปีแรก ด้วยสาเหตุว่า บ้านพออยู่ ๆ ไปครอบครัวเราจะขยาย ของเราจะเยอะ และเราต้องอยู่ไป 20-30 ปี เพราะฉะนั้นอยากแนะนำให้ช่วงแรก ๆ อาจจะยอมตึงมือนิดนึง แต่พอเวลาผ่านไป เราทำงานได้มากขึ้น รายได้มากขึ้น ก็จะสบายขึ้น สบายทั้งเรื่องเงิน ในขณะที่บ้านก็ไม่เล็กเกินไป ถ้าเราเลือกที่ผ่อนสบายแต่แรก พอเวลาผ่านไป บ้านจะคับแคบ ในขณะที่เรามีรายได้ที่จะผ่อนได้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
3. โฟกัสที่ดอกเบี้ย เพราะนั่นคือขาดทุนของเรา
รถโปะไม่ได้ก็ไม่ได้ต้องโปะ แต่จ่ายให้ตรงเวลาอย่าให้โดยปรับ ส่วนบ้านให้โปะเรื่อย ๆ เท่าที่ไหว จะได้ลดดอกเบี้ยระยะยาวยาวลง แต่เน้นอีกที กระแสเงินสดรายเดือนสำคัญกว่าขาดทุนดอกเบี้ย ถ้าโปะแล้วเงินขาดมืออย่าเพิ่งโปะ บางครั้งต้องยอมอยู่กับปัจจุบันนิดนึง
คร่าว ๆ ประมาณนี้นะครับ เผื่อเป็นประโยชน์
คำแนะนำในการเลือกรถและบ้าน สำหรับมือใหม่ (จากประสบการณ์ตัวเอง)
1. ดูเรื่องเงินก่อน
อย่ามั่นใจในตัวเองมากว่าน่าจะผ่อนไหว เอาที่ไหวจริง ๆ ผ่อนมาโดนยึดมันเสียดาย
สิ่งที่สำคัญพอ ๆ กับ รายรับ รายจ่าย คือกระแสเงินสด
หมั่นสำรวจกระแสเงินสดรายเดือนของตัวเองว่ามีเท่าไหร่ เป็นบวกอยู่เท่าไหร่
หักความเสี่ยงต่าง ๆแล้วเหลือเท่าไหร่ (เจ็บป่วย อุบัติเหตุ ของพัง ฯลฯ)
หักแล้วค่อยเหลือว่าผ่อนไหวที่เดือนละเท่าไหร่ และต้องดาวน์เท่าไหร่
2. ซื้อรถให้ซื้อแบบผ่อนไหว แต่ซื้อบ้านให้ฝืนนิดนึง
เวลาซื้อรถ พอเรารู้ว่าเราผ่อนไหวที่เท่าไหร่ ให้หักลบอีกซัก 20% ค่อยเป็นอัตราที่ไหวจริงๆ เพราะพอซื้อรถแล้ว มันจะมีค่าซ่อม ค่าเข้าศูนย์ ค่าประกัน รายปีเข้ามาอีก เพราะฉะนั้น ต้องเผื่อไว้หน่อย และรถเป็นสินค้าที่ราคาตกเรื่อย ๆ ไม่รู้จะฝืนซื้อแพงไปทำไม อีก 5 ปี เดี๋ยวรุ่นใหม่ก็ออกมาและเราก็เปลี่ยนรถอยู่ดี
แต่ถ้าซื้อบ้าน อาจจะยอมตึงมือซัก 3-5 ปีแรก ด้วยสาเหตุว่า บ้านพออยู่ ๆ ไปครอบครัวเราจะขยาย ของเราจะเยอะ และเราต้องอยู่ไป 20-30 ปี เพราะฉะนั้นอยากแนะนำให้ช่วงแรก ๆ อาจจะยอมตึงมือนิดนึง แต่พอเวลาผ่านไป เราทำงานได้มากขึ้น รายได้มากขึ้น ก็จะสบายขึ้น สบายทั้งเรื่องเงิน ในขณะที่บ้านก็ไม่เล็กเกินไป ถ้าเราเลือกที่ผ่อนสบายแต่แรก พอเวลาผ่านไป บ้านจะคับแคบ ในขณะที่เรามีรายได้ที่จะผ่อนได้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
3. โฟกัสที่ดอกเบี้ย เพราะนั่นคือขาดทุนของเรา
รถโปะไม่ได้ก็ไม่ได้ต้องโปะ แต่จ่ายให้ตรงเวลาอย่าให้โดยปรับ ส่วนบ้านให้โปะเรื่อย ๆ เท่าที่ไหว จะได้ลดดอกเบี้ยระยะยาวยาวลง แต่เน้นอีกที กระแสเงินสดรายเดือนสำคัญกว่าขาดทุนดอกเบี้ย ถ้าโปะแล้วเงินขาดมืออย่าเพิ่งโปะ บางครั้งต้องยอมอยู่กับปัจจุบันนิดนึง
คร่าว ๆ ประมาณนี้นะครับ เผื่อเป็นประโยชน์