ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 4 ประจำสัปดาห์ที่ 11 ครับ ^^
เรื่องนี้ บรรยากาศดราม่ามาคุ แผ่ออกมาให้รู้สึกได้อย่างชัดเจน เรื่องของเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งซึ่งมีปมด้อย ถูก "บูลลี่" โดยเพื่อนร่วมชั้นร่วมห้องอยู่ร่ำไปและเจ้าตัวก็จำทน ในขณะที่เพื่อนๆ มีความสุข สนุกสนานกัน เขากลับเศร้าสร้อย
จนวันหนึ่ง มีคุณครูสาวคนใหม่มาสอน และพบเห็นเด็กชายผู้มีปัญหาคนนี้
คุณครูคนใหม่อยากช่วยเหลือเด็กชายคนนี้ เธอจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน ???
ตามไปดูเธอ และเด็กชายผู้มีปมด้อยคนนี้กันครับ
.........
"ไอ้หยิกตัวดำ ไอ้ดำหัวหยิก ไอ้ตัวยุกยิก ไอ้หยิกตัวดำ"
เสียงล้อเลียนของเด็กหลายคนขณะรุมล้อมเด็กผู้ชายผอมเกร็งผิวดำผมหยิกหน้าตาเหมือนชาวแอฟริกันคนหนึ่ง พร้อมกับมือน้อย ๆ หลายมือเอื้อมไปดึงผมหยิกฟูเพื่อกลั่นแกล้ง
"ไข่เจียว ไข่เจียวดำ ๆ ไอ้คนตัวดำ น่าขำมาขยำไข่เจียว" เสียงล้อเลียนเสียดสีของเด็ก ๆ ยังดังไม่หยุด บางคนทำท่าเดินขากะเผลกล้อเลียนในขณะที่ผู้ถูกล้อเอามือกุมหัวก้มหน้าเดินงุด ๆ ตรงดิ่งเข้าห้องเรียน
"นักเรียนหยุดเดี๋ยวนี้นะ ใครแกล้งบุญทิ้งอีกคุณครูจะทำโทษ" เสียงตวาดอย่างมีเมตตาดังออกมาจากระเบียงหน้าห้องเรียน คุณครูเพ็ญศรีต้องปรามเด็กเกเรกลุ่มนี้เป็นประจำแทบทุกเช้า เด็กชายบุญทิ้งเป็นเป้าล้อเลียนด้วยความคะนองของเพื่อน ๆ ในโรงเรียนตลอดมา เขามีเพื่อนน้อยมาก และไม่มีใครสนิทด้วยเพราะความแตกต่างของผิวพรรณฐานะทางบ้านและปูมหลัง เด็กผู้หญิงหลายคนสงสารอยากเป็นเพื่อนแต่ก็ไม่อยากถูกกลุ่มเด็กเกเรล้อเลียนจึงได้แต่ชำเลืองดูห่าง ๆ
บุญทิ้งปลดกระเป๋าเป้สะพายลงพื้นแล้วทรุดตัวลงบนเก้าอี้ในห้องเรียนอย่างเศร้าหมอง เขาก้มหน้ามองชายกางเกงหลุดลุ่ยแล้วคลำไปที่ก้น มันมีก้อนเหนอะ ๆ ติดอยู่ระหว่างกางเกงกับเก้าอี้
"หมากฝรั่งอีกแล้ว ทำไมต้องแกล้งกันไม่ยอมเลิก" น้ำตาใส ๆ ซึมออกมาแล้วหลั่งรดลงบนแก้มดำมอมแมมคู่นั้นอย่างไม่อาจกลั้น แต่ไม่มีเสียงร้องสะอื้นใด ๆ บุญทิ้งค่อย ๆ เอามือแซะหมากฝรั่งออกจากกางเกงด้วยความระมัดระวัง กางเกงตัวนี้มันเปื่อยมากแล้ว รอยปะที่คุณยายพยายามซ่อมให้ก็ไม่ถาวรนัก เขาเกรงว่ามันจะขาดเป็นช่องจนเป็นเหตุให้เพื่อนร่วมชั้นล้อเลียนอีก
กางเกงสีกากีตัวนี้ทั้งเก่าทั้งขาดแต่มีก็ย่อมดีกว่าไม่มี มันเป็นกางเกงมือสองที่หลวมโพรกต้องรัดเข็มขัดแน่น ๆ ไว้มิฉะนั้นอาจจะหลุดได้ รอยปะชุนหลายแห่งเป็นริ้วรอยที่คุณยายได้แสดงถึงความรักความอาทรต่อเขา บุญทิ้งใช้เวลาขณะเพื่อน ๆ วิ่งเล่นกันจัดการกับกางเกงและเก้าอี้อย่างระมัดระวัง เพราะไม่รู้ว่าจะมีภัยมาถึงตัวอีกเมื่อใด
ด้วยแขนลีบ ๆ และมือเล็ก ๆ ดำคล้ำนั้น เขาจัดการทำความสะอาดกางเกงและเก้าอี้จนเรียบร้อย จากนั้นเปิดกระเป๋าเป้หยิบสมุดการบ้านขึ้นมาดู ลายมือตัวบรรจงงดงามสมวัยเด็กนักเรียนชั้นประถมปีที่สี่แต่หน้ากระดาษเปื้อนคราบน้ำมันจาง ๆ เขามองคราบนั้นด้วยความเสียใจไม่อยากให้คุณครูต้องผิดหวัง แต่คงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วจึงทบทวนคำตอบอีกครั้งหนึ่งก่อนหยิบมันไปส่งบนโต๊ะของคุณครู เขาซุกกล่องอาการกลางวันที่เอามาเสริมนอกเหนือจากอาหารของทางโรงเรียน มันคือไข่เจียวที่ทำเองจนไหม้เกรียมบางส่วน จากนั้นหยิบกล่องบรรจุเครื่องเขียนขึ้นสนิมขึ้นมาวางบนโต๊ะเพื่อเตรียมตัวศึกษาด้วยจิตใจห่อเหี่ยวหมองเศร้า
เดิมวันนี้บุญทิ้งตื่นเต้นดีใจแต่เช้าเพราะจะมีคุณครูคนใหม่มาสอน เมื่อวานนี้คุณครูเพ็ญศรีบอกว่าคุณครูที่จะมาดูแลนักเรียนในเดือนนี้เป็นคุณครูฝึกสอนใจดี ขอให้นักเรียนทุกคนต้อนรับ และเชื่อฟังอย่าทำให้คุณครูคนใหม่ต้องลำบากใจ บุญทิ้งนั่งรอในห้องเพื่อหลบภัยจากเพื่อน ๆ จนเสียงกริ่งดังขึ้นจึงจะออกไปเคารพธงชาติที่หน้าเสาธง
หลังเสียงกริ่งบุญทิ้งทะยานไปสวมรองเท้าหน้าห้องเรียน แล้ววิ่งตรงไปยังสนามฟุตบอลด้วยขาที่ลีบเล็กเหมือนตะเกียบ โดยไม่สนใจนิ้วหัวแม่โป้งเท้าซึ่งโผล่ออกมาจากรูทะลุของรองเท้าผ้าใบเก่าคร่ำคร่าแต่อย่างใด ผมหยิกฟูสยายไปตามลมขณะร่างผ่ายผอมนั้นถลาไปถึงตำแหน่งประจำในการยืนเคารพธงชาติ
แสงแดดตัดกับท้องนาเขียวขจีสะท้อนเสาธงชาติของโรงเรียนให้แสงแวววับ โรงเรียนประจำตำบลแห่งนี้ต้องลงจากถนนใหญ่ลึกเข้าไปรวมระยะทางจากตัวอำเภอแล้วก็ราวยี่สิบกิโลเมตร เป็นโรงเรียนขนาดเล็กเปิดสอนถึงชั้นประถมปีที่หกโดยมีทั้งหมดหกห้องเรียน แม้ว่าจะอัตคัดทรัพยากรแต่คุณครูไม่กี่ท่านที่นี่ก็สอนลูกศิษย์ด้วยใจ สมกับหน้าที่แม่พิมพ์ของชาติอย่างแท้จริง
คุณครูเพ็ญศรีนำเด็ก ๆ เคารพธงชาติอย่างเป็นระเบียบ เด็กชายหญิงซึ่งเป็นผู้เชิญธงชาติแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักเรียนที่สะอาดสะอ้านงดงาม ในขณะที่บุญทิ้งสวมเสื้อขาวสีหม่นคับติ้วกางเกงหลวมผิดขนาด และถุงเท้าหย่อนยานจนต้องเอายางยืดรัดไว้ บุญทิ้งยืนอยู่แถวหน้าสุดเพราะมีความสูงน้อยกว่าใครเพื่อนในชั้นเรียน แต่เมื่อเริ่มเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสากลับเป็นบุญทิ้งที่ร้องเพลงชาติได้ดังและชัดถ้อยชัดคำที่สุด เพราะนี่แทบเป็นเพียงโอกาสเดียวในโรงเรียนที่เขาจะได้แสดงออกอย่างทัดเทียมกับผู้อื่นด้วยความภาคภูมิใจ
หลังพิธีการหน้าเสาธงเสร็จสิ้นนักเรียนต่างแยกย้ายเข้าสู่ห้องเรียนอย่างเป็นระเบียบ เวลาแห่งความยากลำบากในโรงเรียนของบุญทิ้งเกิดขึ้นอีกครั้ง เขามักจะทำอะไรผิดหรือตอบคำถามของคุณครูไม่ค่อยได้ บางครั้งเขียนอ่านผิด ๆ ถูก ๆ จนโดนเพื่อนในห้องนำไปล้อเลียน
วันนี้มีคุณครูฝึกสอนมาใหม่ คุณครูสาวน้อยร่างเล็กใบหน้าไม่ได้งามโดดเด่นแต่ยิ้มแย้มแจ่มใสท่าทางใจดีพูดจาไพเราะ บุญทิ้งรู้สึกประทับใจในตัวคุณครูตั้งแต่ต้นชั่วโมง
“นักเรียนทุกคนคุณครูขอแนะนำตัวก่อน คุณครูชื่อรัชนี คุณครูจะมาประจำชั้นนักเรียนช่วงหนึ่งแทนคุณครูเพ็ญศรี ขอให้นักเรียนทุกคนร่วมมือกันรักษาระเบียบและเชื่อฟังคุณครูนะคะ เราจะได้เรียนรู้ไปด้วยกัน” คุณครูรัชนีพูดจาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้ามีเมตตาของคุณครูคนใหม่ดึงดูดสายตาของนักเรียนทุกคนโดยเฉพาะบุญทิ้ง การที่มารดาทำงานอยู่ต่างจังหวัดหลาย ๆ เดือนถึงจะมาเยี่ยมเขาสักครั้งด้วยเวลาเพียงช่วงสั้น ๆ ทำให้เขาโหยหาความรักความเอาใจใส่จากผู้มีน้ำใจที่หยิบยื่นให้อยู่เสมอ
“วันนี้เราจะเริ่มชั่วโมงด้วยการแนะนำตัวเองสั้น ๆ ให้คุณครูรู้จัก และบอกสิ่งที่ภาคภูมิใจในชีวิตรวมถึงอาชีพที่อยากจะเป็นในอนาคตให้เพื่อน ๆ ฟัง ใครจะเริ่มก่อนดีเอ่ย”
เสียงจอแจดังขึ้นลั่นห้องส่วนใหญ่แย่งกันขอพูดก่อน การศึกษาในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย เด็ก ๆ มีความกระตือรือร้นที่จะแสดงออกมากขึ้น น่าจะเป็นผลดีต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต
“เอาอย่างนี้นะ คุณครูให้แถวขวาของคุณครูเป็นคนพูดก่อนตามลำดับจากหน้าห้องไปจนถึงหลังห้อง แล้วเลื่อนมาเป็นแถวถัดไปนะคะ นักเรียนเข้าใจไหมคะ” คุณครูรัชนีอธิบายถึงระเบียบในการเรียงคิวอย่างแยบยล
“ผมชื่อ ด.ช.ชัยวัฒนา เพ็ญเจริญอิทธิพลกุล ครับ ความภูมิใจของผมก็คือคุณพ่อของผมเป็นกำนัน ที่บ้านมีรถบรรทุกหกคัน รถกระบะหนึ่งคัน รถเก๋งหนึ่งคัน โตขึ้นผมอยากเป็นกำนัน และมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างเหมือนคุณพ่อครับ”
“หนูชื่อ ด.ญ.วิภาวดี มีจริตงดงามดี ค่ะ หนูภูมิใจที่มีคุณแม่เป็นครู ท่านสอนให้รู้จักเสียสละ หนูโตขึ้นอยากเป็นพยาบาลเพราะจะได้ช่วยเหลือคนไข้ค่ะ”
“หนูชื่อ ด.ญ.สุดาวดี ยังเที่ยงสัตย์ซื่อตรง หนูภูมิใจที่คุณพ่อเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล คุณพ่อสอนให้หนูซื่อสัตย์ โตขึ้นหนูอยากจะเป็นผู้พิพากษาค่ะ”
“ผมชื่อ ด.ช.สุขสันต์ ชาติสุชัยวุฒิอนันต์ ผมภูมิใจที่สอบได้ที่หนึ่งทุกปี คุณพ่อคุณแม่ทำโรงสีข้าวและลานมันสำปะหลัง โตขึ้นผมจะเป็นหมอเพราะได้ช่วยชีวิตคนครับ”
การแนะนำตัวดำเนินไปอย่างราบรื่นในบรรยากาศเป็นกันเอง นักเรียนหลายคนต่างมีสิ่งที่ตนเองภูมิใจ และมีเป้าหมายในชีวิตตั้งแต่เด็ก คุณครูรัชนีคอยพูดแนะนำเสริมให้เด็กแต่ละคนได้คิดและจินตนาการกว้างไกลออกไปจากเดิมอีก มันเป็นวิธีการที่ทำให้เด็ก ๆ เรียนรู้อย่างไม่ปิดกั้นความคิด หากเด็กคนใดสงสัยก็จะตอบคำถามปลายเปิดให้เก็บเอาไปคิดฝันต่ออย่างเป็นเหตุเป็นผล
ขณะที่เพื่อน ๆ แนะนำตนเอง และเล่าความใฝ่ฝันไปอย่างร่าเริงนั้น บุญทิ้งกลับมีสีหน้าสลดลงใบหน้าดำคล้านั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวล จนการแนะนำตนเองเวียนมาถึงรอบของเขา
บุญทิ้งลุกขึ้นยืนก้มหน้าไม่พูดไม่จา นัยน์ตารื้นเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ จนคุณครูรัชนีต้องกระตุ้นเตือนให้พูด เสียงหัวเราะดังครืนไปทั่วทั้งห้อง นั่นเป็นเหตุให้น้ำตาของเขาไหลพรากลงอาบสองแก้มอย่างมิอาจกลั้น แล้วนั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะนักเรียนร่ำไห้สะอึกสะอื้น
คุณครูรัชนีรีบปราดเข้าไปปลอบบุญทิ้งทันที เธอตกใจมากที่บุญทิ้งร่ำไห้ การที่มีเด็กร้องไห้ตั้งแต่ชั่วโมงแรกของการเป็นครูฝึกสอนเป็นเรื่องใหญ่มาก มันอาจเป็นสาเหตุให้เธอต้องถูกสอบสวนหรือเขียนรายงานอันหมายถึงผลการสอนที่ย่ำแย่ คุณครูรัชนีเอามือลูบศีรษะที่มีผมหยองฟูแล้วเปลี่ยนใจไปลูบหลังอย่างละมุนละไมแทน
“โอ๋ อย่าร้องไห้เลยนะลูก ลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งไว้นะคะ มีอะไรไม่สบายใจบอกคุณครูได้เลย คุณครูจะปกป้องดูแลหนูให้เอง คุณครูสัญญาค่ะ” คุณครูรัชนีปลอบโยนบุญทิ้งด้วยน้ำเสียงปรานีเหมือนแม่ให้กำลังใจลูก
เธอไม่เข้าใจถึงสาเหตุของการร้องไห้ได้แต่ปรามนักเรียนที่หัวเราะให้หยุด นอกจากความเงียบในห้องเรียนมีเพียงเสียงสะอื้นของบุญทิ้งเท่านั้น รอจนปลอบบุญทิ้งหยุดร้องแล้วกิจกรรมแนะนำตัวภายในห้องเรียนและการสอนจึงดำเนินต่อไปจนสิ้นสุดชั่วโมงโดยปราศจากการแนะนำตัวของบุญทิ้งแต่อย่างใด
หมดชั่วโมงสอนคุณครูรัชนีรีบไปพบคุณครูเพ็ญศรีซึ่งเป็นครูพี่เลี้ยงด้วยความกังวลใจเรื่องของเด็กชายบุญทิ้ง เธอขอคำปรึกษาทั้งในด้านของการสอนและปัญหาส่วนตัวของเด็ก มันอาจเกินความสามารถของเธอที่จะแก้ไข และเกรงว่าจะมีผลต่อการฝึกสอนที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้น ก้าวแรกของความเป็นครูถูกท้าทายอย่างน่าหวาดหวั่นเพราะมันบั่นทอนความมั่นใจของเธอไปไม่น้อย
คุณครูเพ็ญศรีให้คำแนะนำว่าเธอควรไปเยี่ยมบุญทิ้งที่บ้านเพื่อจะได้เข้าใจถึงปัญหาที่เด็กเผชิญอยู่ และเป็นการทำหน้าที่ของความเป็นครูให้สมบูรณ์ คุณครูรัชนีเชื่อว่านี่เป็นวิถีของความเป็นครูที่พึงกระทำอย่างยิ่ง เธอจึงตัดสินใจว่าในวันหยุดจะไปพบปะกับครอบครัวของบุญทิ้งที่บ้านแล้วทำเป็นบันทึกรายงานการสอน
คุณครูรัชนีขี่รถจักรยานยนต์ไปตามทางลูกรังลึกเข้าไปจากถนนหลัก เธอได้รับคำเตือนจากภารโรงว่าเส้นทางไปบ้านของบุญทิ้งต้องระวังหลุมบ่อ ทางจากถนนใหญ่มาถึงโรงเรียนเป็นทางราดยางมะตอยก็จริง แต่ช่วงจากโรงเรียนไปยังบ้านของบุญทิ้งเป็นถนนลูกรังราวสองกิโลเมตรเศษ สาเหตุเกิดจากระเบียบราชการที่ขัดข้องเพราะทางองค์การบริหารส่วนตำบลมีงบประมาณเพียงพอ แต่ถนนช่วงนี้อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งไม่ได้จัดทำงบประมาณ ดังนั้นถนนจึงทรุดโทรมโดยไม่มีการซ่อมบำรุงอย่างจริงจัง บริเวณใดมีหลุมลึกก็จะปักไม้ไว้เป็นที่สังเกต
ขณะเธอขี่รถจักรยานยนต์ก็คำนึงถึงการเดินทางไปโรงเรียนของเด็กที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นไปด้วย ช่วงฤดูฝนนี้มีความยากลำบากไม่น้อยหากเด็ก ๆ ต้องเดินเท้าลุยโคลนราวสองกิโลเมตรเศษเพื่อไปโรงเรียน
(มีต่อครับ)
🌻🌾🌿👨🏾 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#34 สัปดาห์ที่ 11 : 8-11 ก.ย. "ปมด้อย" - ถุงมือ ข้าวนอกนา 👨🏾🌿🌾🌻
เรื่องนี้ บรรยากาศดราม่ามาคุ แผ่ออกมาให้รู้สึกได้อย่างชัดเจน เรื่องของเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งซึ่งมีปมด้อย ถูก "บูลลี่" โดยเพื่อนร่วมชั้นร่วมห้องอยู่ร่ำไปและเจ้าตัวก็จำทน ในขณะที่เพื่อนๆ มีความสุข สนุกสนานกัน เขากลับเศร้าสร้อย
จนวันหนึ่ง มีคุณครูสาวคนใหม่มาสอน และพบเห็นเด็กชายผู้มีปัญหาคนนี้
คุณครูคนใหม่อยากช่วยเหลือเด็กชายคนนี้ เธอจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน ???
ตามไปดูเธอ และเด็กชายผู้มีปมด้อยคนนี้กันครับ
........."ไอ้หยิกตัวดำ ไอ้ดำหัวหยิก ไอ้ตัวยุกยิก ไอ้หยิกตัวดำ"
เสียงล้อเลียนของเด็กหลายคนขณะรุมล้อมเด็กผู้ชายผอมเกร็งผิวดำผมหยิกหน้าตาเหมือนชาวแอฟริกันคนหนึ่ง พร้อมกับมือน้อย ๆ หลายมือเอื้อมไปดึงผมหยิกฟูเพื่อกลั่นแกล้ง
"ไข่เจียว ไข่เจียวดำ ๆ ไอ้คนตัวดำ น่าขำมาขยำไข่เจียว" เสียงล้อเลียนเสียดสีของเด็ก ๆ ยังดังไม่หยุด บางคนทำท่าเดินขากะเผลกล้อเลียนในขณะที่ผู้ถูกล้อเอามือกุมหัวก้มหน้าเดินงุด ๆ ตรงดิ่งเข้าห้องเรียน
"นักเรียนหยุดเดี๋ยวนี้นะ ใครแกล้งบุญทิ้งอีกคุณครูจะทำโทษ" เสียงตวาดอย่างมีเมตตาดังออกมาจากระเบียงหน้าห้องเรียน คุณครูเพ็ญศรีต้องปรามเด็กเกเรกลุ่มนี้เป็นประจำแทบทุกเช้า เด็กชายบุญทิ้งเป็นเป้าล้อเลียนด้วยความคะนองของเพื่อน ๆ ในโรงเรียนตลอดมา เขามีเพื่อนน้อยมาก และไม่มีใครสนิทด้วยเพราะความแตกต่างของผิวพรรณฐานะทางบ้านและปูมหลัง เด็กผู้หญิงหลายคนสงสารอยากเป็นเพื่อนแต่ก็ไม่อยากถูกกลุ่มเด็กเกเรล้อเลียนจึงได้แต่ชำเลืองดูห่าง ๆ
บุญทิ้งปลดกระเป๋าเป้สะพายลงพื้นแล้วทรุดตัวลงบนเก้าอี้ในห้องเรียนอย่างเศร้าหมอง เขาก้มหน้ามองชายกางเกงหลุดลุ่ยแล้วคลำไปที่ก้น มันมีก้อนเหนอะ ๆ ติดอยู่ระหว่างกางเกงกับเก้าอี้
"หมากฝรั่งอีกแล้ว ทำไมต้องแกล้งกันไม่ยอมเลิก" น้ำตาใส ๆ ซึมออกมาแล้วหลั่งรดลงบนแก้มดำมอมแมมคู่นั้นอย่างไม่อาจกลั้น แต่ไม่มีเสียงร้องสะอื้นใด ๆ บุญทิ้งค่อย ๆ เอามือแซะหมากฝรั่งออกจากกางเกงด้วยความระมัดระวัง กางเกงตัวนี้มันเปื่อยมากแล้ว รอยปะที่คุณยายพยายามซ่อมให้ก็ไม่ถาวรนัก เขาเกรงว่ามันจะขาดเป็นช่องจนเป็นเหตุให้เพื่อนร่วมชั้นล้อเลียนอีก
กางเกงสีกากีตัวนี้ทั้งเก่าทั้งขาดแต่มีก็ย่อมดีกว่าไม่มี มันเป็นกางเกงมือสองที่หลวมโพรกต้องรัดเข็มขัดแน่น ๆ ไว้มิฉะนั้นอาจจะหลุดได้ รอยปะชุนหลายแห่งเป็นริ้วรอยที่คุณยายได้แสดงถึงความรักความอาทรต่อเขา บุญทิ้งใช้เวลาขณะเพื่อน ๆ วิ่งเล่นกันจัดการกับกางเกงและเก้าอี้อย่างระมัดระวัง เพราะไม่รู้ว่าจะมีภัยมาถึงตัวอีกเมื่อใด
ด้วยแขนลีบ ๆ และมือเล็ก ๆ ดำคล้ำนั้น เขาจัดการทำความสะอาดกางเกงและเก้าอี้จนเรียบร้อย จากนั้นเปิดกระเป๋าเป้หยิบสมุดการบ้านขึ้นมาดู ลายมือตัวบรรจงงดงามสมวัยเด็กนักเรียนชั้นประถมปีที่สี่แต่หน้ากระดาษเปื้อนคราบน้ำมันจาง ๆ เขามองคราบนั้นด้วยความเสียใจไม่อยากให้คุณครูต้องผิดหวัง แต่คงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วจึงทบทวนคำตอบอีกครั้งหนึ่งก่อนหยิบมันไปส่งบนโต๊ะของคุณครู เขาซุกกล่องอาการกลางวันที่เอามาเสริมนอกเหนือจากอาหารของทางโรงเรียน มันคือไข่เจียวที่ทำเองจนไหม้เกรียมบางส่วน จากนั้นหยิบกล่องบรรจุเครื่องเขียนขึ้นสนิมขึ้นมาวางบนโต๊ะเพื่อเตรียมตัวศึกษาด้วยจิตใจห่อเหี่ยวหมองเศร้า
เดิมวันนี้บุญทิ้งตื่นเต้นดีใจแต่เช้าเพราะจะมีคุณครูคนใหม่มาสอน เมื่อวานนี้คุณครูเพ็ญศรีบอกว่าคุณครูที่จะมาดูแลนักเรียนในเดือนนี้เป็นคุณครูฝึกสอนใจดี ขอให้นักเรียนทุกคนต้อนรับ และเชื่อฟังอย่าทำให้คุณครูคนใหม่ต้องลำบากใจ บุญทิ้งนั่งรอในห้องเพื่อหลบภัยจากเพื่อน ๆ จนเสียงกริ่งดังขึ้นจึงจะออกไปเคารพธงชาติที่หน้าเสาธง
หลังเสียงกริ่งบุญทิ้งทะยานไปสวมรองเท้าหน้าห้องเรียน แล้ววิ่งตรงไปยังสนามฟุตบอลด้วยขาที่ลีบเล็กเหมือนตะเกียบ โดยไม่สนใจนิ้วหัวแม่โป้งเท้าซึ่งโผล่ออกมาจากรูทะลุของรองเท้าผ้าใบเก่าคร่ำคร่าแต่อย่างใด ผมหยิกฟูสยายไปตามลมขณะร่างผ่ายผอมนั้นถลาไปถึงตำแหน่งประจำในการยืนเคารพธงชาติ
แสงแดดตัดกับท้องนาเขียวขจีสะท้อนเสาธงชาติของโรงเรียนให้แสงแวววับ โรงเรียนประจำตำบลแห่งนี้ต้องลงจากถนนใหญ่ลึกเข้าไปรวมระยะทางจากตัวอำเภอแล้วก็ราวยี่สิบกิโลเมตร เป็นโรงเรียนขนาดเล็กเปิดสอนถึงชั้นประถมปีที่หกโดยมีทั้งหมดหกห้องเรียน แม้ว่าจะอัตคัดทรัพยากรแต่คุณครูไม่กี่ท่านที่นี่ก็สอนลูกศิษย์ด้วยใจ สมกับหน้าที่แม่พิมพ์ของชาติอย่างแท้จริง
คุณครูเพ็ญศรีนำเด็ก ๆ เคารพธงชาติอย่างเป็นระเบียบ เด็กชายหญิงซึ่งเป็นผู้เชิญธงชาติแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักเรียนที่สะอาดสะอ้านงดงาม ในขณะที่บุญทิ้งสวมเสื้อขาวสีหม่นคับติ้วกางเกงหลวมผิดขนาด และถุงเท้าหย่อนยานจนต้องเอายางยืดรัดไว้ บุญทิ้งยืนอยู่แถวหน้าสุดเพราะมีความสูงน้อยกว่าใครเพื่อนในชั้นเรียน แต่เมื่อเริ่มเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสากลับเป็นบุญทิ้งที่ร้องเพลงชาติได้ดังและชัดถ้อยชัดคำที่สุด เพราะนี่แทบเป็นเพียงโอกาสเดียวในโรงเรียนที่เขาจะได้แสดงออกอย่างทัดเทียมกับผู้อื่นด้วยความภาคภูมิใจ
หลังพิธีการหน้าเสาธงเสร็จสิ้นนักเรียนต่างแยกย้ายเข้าสู่ห้องเรียนอย่างเป็นระเบียบ เวลาแห่งความยากลำบากในโรงเรียนของบุญทิ้งเกิดขึ้นอีกครั้ง เขามักจะทำอะไรผิดหรือตอบคำถามของคุณครูไม่ค่อยได้ บางครั้งเขียนอ่านผิด ๆ ถูก ๆ จนโดนเพื่อนในห้องนำไปล้อเลียน
วันนี้มีคุณครูฝึกสอนมาใหม่ คุณครูสาวน้อยร่างเล็กใบหน้าไม่ได้งามโดดเด่นแต่ยิ้มแย้มแจ่มใสท่าทางใจดีพูดจาไพเราะ บุญทิ้งรู้สึกประทับใจในตัวคุณครูตั้งแต่ต้นชั่วโมง
“นักเรียนทุกคนคุณครูขอแนะนำตัวก่อน คุณครูชื่อรัชนี คุณครูจะมาประจำชั้นนักเรียนช่วงหนึ่งแทนคุณครูเพ็ญศรี ขอให้นักเรียนทุกคนร่วมมือกันรักษาระเบียบและเชื่อฟังคุณครูนะคะ เราจะได้เรียนรู้ไปด้วยกัน” คุณครูรัชนีพูดจาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้ามีเมตตาของคุณครูคนใหม่ดึงดูดสายตาของนักเรียนทุกคนโดยเฉพาะบุญทิ้ง การที่มารดาทำงานอยู่ต่างจังหวัดหลาย ๆ เดือนถึงจะมาเยี่ยมเขาสักครั้งด้วยเวลาเพียงช่วงสั้น ๆ ทำให้เขาโหยหาความรักความเอาใจใส่จากผู้มีน้ำใจที่หยิบยื่นให้อยู่เสมอ
“วันนี้เราจะเริ่มชั่วโมงด้วยการแนะนำตัวเองสั้น ๆ ให้คุณครูรู้จัก และบอกสิ่งที่ภาคภูมิใจในชีวิตรวมถึงอาชีพที่อยากจะเป็นในอนาคตให้เพื่อน ๆ ฟัง ใครจะเริ่มก่อนดีเอ่ย”
เสียงจอแจดังขึ้นลั่นห้องส่วนใหญ่แย่งกันขอพูดก่อน การศึกษาในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย เด็ก ๆ มีความกระตือรือร้นที่จะแสดงออกมากขึ้น น่าจะเป็นผลดีต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต
“เอาอย่างนี้นะ คุณครูให้แถวขวาของคุณครูเป็นคนพูดก่อนตามลำดับจากหน้าห้องไปจนถึงหลังห้อง แล้วเลื่อนมาเป็นแถวถัดไปนะคะ นักเรียนเข้าใจไหมคะ” คุณครูรัชนีอธิบายถึงระเบียบในการเรียงคิวอย่างแยบยล
“ผมชื่อ ด.ช.ชัยวัฒนา เพ็ญเจริญอิทธิพลกุล ครับ ความภูมิใจของผมก็คือคุณพ่อของผมเป็นกำนัน ที่บ้านมีรถบรรทุกหกคัน รถกระบะหนึ่งคัน รถเก๋งหนึ่งคัน โตขึ้นผมอยากเป็นกำนัน และมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างเหมือนคุณพ่อครับ”
“หนูชื่อ ด.ญ.วิภาวดี มีจริตงดงามดี ค่ะ หนูภูมิใจที่มีคุณแม่เป็นครู ท่านสอนให้รู้จักเสียสละ หนูโตขึ้นอยากเป็นพยาบาลเพราะจะได้ช่วยเหลือคนไข้ค่ะ”
“หนูชื่อ ด.ญ.สุดาวดี ยังเที่ยงสัตย์ซื่อตรง หนูภูมิใจที่คุณพ่อเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล คุณพ่อสอนให้หนูซื่อสัตย์ โตขึ้นหนูอยากจะเป็นผู้พิพากษาค่ะ”
“ผมชื่อ ด.ช.สุขสันต์ ชาติสุชัยวุฒิอนันต์ ผมภูมิใจที่สอบได้ที่หนึ่งทุกปี คุณพ่อคุณแม่ทำโรงสีข้าวและลานมันสำปะหลัง โตขึ้นผมจะเป็นหมอเพราะได้ช่วยชีวิตคนครับ”
การแนะนำตัวดำเนินไปอย่างราบรื่นในบรรยากาศเป็นกันเอง นักเรียนหลายคนต่างมีสิ่งที่ตนเองภูมิใจ และมีเป้าหมายในชีวิตตั้งแต่เด็ก คุณครูรัชนีคอยพูดแนะนำเสริมให้เด็กแต่ละคนได้คิดและจินตนาการกว้างไกลออกไปจากเดิมอีก มันเป็นวิธีการที่ทำให้เด็ก ๆ เรียนรู้อย่างไม่ปิดกั้นความคิด หากเด็กคนใดสงสัยก็จะตอบคำถามปลายเปิดให้เก็บเอาไปคิดฝันต่ออย่างเป็นเหตุเป็นผล
ขณะที่เพื่อน ๆ แนะนำตนเอง และเล่าความใฝ่ฝันไปอย่างร่าเริงนั้น บุญทิ้งกลับมีสีหน้าสลดลงใบหน้าดำคล้านั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวล จนการแนะนำตนเองเวียนมาถึงรอบของเขา
บุญทิ้งลุกขึ้นยืนก้มหน้าไม่พูดไม่จา นัยน์ตารื้นเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ จนคุณครูรัชนีต้องกระตุ้นเตือนให้พูด เสียงหัวเราะดังครืนไปทั่วทั้งห้อง นั่นเป็นเหตุให้น้ำตาของเขาไหลพรากลงอาบสองแก้มอย่างมิอาจกลั้น แล้วนั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะนักเรียนร่ำไห้สะอึกสะอื้น
คุณครูรัชนีรีบปราดเข้าไปปลอบบุญทิ้งทันที เธอตกใจมากที่บุญทิ้งร่ำไห้ การที่มีเด็กร้องไห้ตั้งแต่ชั่วโมงแรกของการเป็นครูฝึกสอนเป็นเรื่องใหญ่มาก มันอาจเป็นสาเหตุให้เธอต้องถูกสอบสวนหรือเขียนรายงานอันหมายถึงผลการสอนที่ย่ำแย่ คุณครูรัชนีเอามือลูบศีรษะที่มีผมหยองฟูแล้วเปลี่ยนใจไปลูบหลังอย่างละมุนละไมแทน
“โอ๋ อย่าร้องไห้เลยนะลูก ลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งไว้นะคะ มีอะไรไม่สบายใจบอกคุณครูได้เลย คุณครูจะปกป้องดูแลหนูให้เอง คุณครูสัญญาค่ะ” คุณครูรัชนีปลอบโยนบุญทิ้งด้วยน้ำเสียงปรานีเหมือนแม่ให้กำลังใจลูก
เธอไม่เข้าใจถึงสาเหตุของการร้องไห้ได้แต่ปรามนักเรียนที่หัวเราะให้หยุด นอกจากความเงียบในห้องเรียนมีเพียงเสียงสะอื้นของบุญทิ้งเท่านั้น รอจนปลอบบุญทิ้งหยุดร้องแล้วกิจกรรมแนะนำตัวภายในห้องเรียนและการสอนจึงดำเนินต่อไปจนสิ้นสุดชั่วโมงโดยปราศจากการแนะนำตัวของบุญทิ้งแต่อย่างใด
หมดชั่วโมงสอนคุณครูรัชนีรีบไปพบคุณครูเพ็ญศรีซึ่งเป็นครูพี่เลี้ยงด้วยความกังวลใจเรื่องของเด็กชายบุญทิ้ง เธอขอคำปรึกษาทั้งในด้านของการสอนและปัญหาส่วนตัวของเด็ก มันอาจเกินความสามารถของเธอที่จะแก้ไข และเกรงว่าจะมีผลต่อการฝึกสอนที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้น ก้าวแรกของความเป็นครูถูกท้าทายอย่างน่าหวาดหวั่นเพราะมันบั่นทอนความมั่นใจของเธอไปไม่น้อย
คุณครูเพ็ญศรีให้คำแนะนำว่าเธอควรไปเยี่ยมบุญทิ้งที่บ้านเพื่อจะได้เข้าใจถึงปัญหาที่เด็กเผชิญอยู่ และเป็นการทำหน้าที่ของความเป็นครูให้สมบูรณ์ คุณครูรัชนีเชื่อว่านี่เป็นวิถีของความเป็นครูที่พึงกระทำอย่างยิ่ง เธอจึงตัดสินใจว่าในวันหยุดจะไปพบปะกับครอบครัวของบุญทิ้งที่บ้านแล้วทำเป็นบันทึกรายงานการสอน
คุณครูรัชนีขี่รถจักรยานยนต์ไปตามทางลูกรังลึกเข้าไปจากถนนหลัก เธอได้รับคำเตือนจากภารโรงว่าเส้นทางไปบ้านของบุญทิ้งต้องระวังหลุมบ่อ ทางจากถนนใหญ่มาถึงโรงเรียนเป็นทางราดยางมะตอยก็จริง แต่ช่วงจากโรงเรียนไปยังบ้านของบุญทิ้งเป็นถนนลูกรังราวสองกิโลเมตรเศษ สาเหตุเกิดจากระเบียบราชการที่ขัดข้องเพราะทางองค์การบริหารส่วนตำบลมีงบประมาณเพียงพอ แต่ถนนช่วงนี้อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งไม่ได้จัดทำงบประมาณ ดังนั้นถนนจึงทรุดโทรมโดยไม่มีการซ่อมบำรุงอย่างจริงจัง บริเวณใดมีหลุมลึกก็จะปักไม้ไว้เป็นที่สังเกต
ขณะเธอขี่รถจักรยานยนต์ก็คำนึงถึงการเดินทางไปโรงเรียนของเด็กที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นไปด้วย ช่วงฤดูฝนนี้มีความยากลำบากไม่น้อยหากเด็ก ๆ ต้องเดินเท้าลุยโคลนราวสองกิโลเมตรเศษเพื่อไปโรงเรียน
(มีต่อครับ)