ตามหัวข้อกระทู้เลยนะครับ
ค่าสินสอด ยังจำเป็นต้องมีอยู่ไหมในปี2020 ที่ทั้งฝ่ายชายและหญิงอ้างถึงความเท่าเทียมกัน ?
ขอเกริ่นก่อนเลยนะครับว่า
ค่าสินสอดที่เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยโบราณนั้นถูกกำหนดขึ้นมาเพราะ สมัยก่อนฝ่ายชายจะมีสิทธิ์ทุกอย่าง รับราชการ ทำงาน คือมีสิทธิ์เหนือผู้หญิงทุกอย่าง ค่าสินสอดจึงถูกกำหนดขึ้นมาเพราะ ฝ่ายหญิงต้องแต่งงานเข้าบ้านฝ่ายชาย ดูแลผู้ชาย พ่อแม่ผู้ชาย ฝ่ายชายจึงต้องจ่ายค่าสินสอดเพื่อเป็นค่าตอบแทน หรือค่าตัวนั่นเอง ให้กับพ่อแม่ฝ่ายหญิงที่เราเรียกกันว่าค่าน้ำนมนั่นแหละ เพื่อเป็นเงินเอาไว้ดูแลตัวเอง เพราะลูกต้องไปอยู่บ้านผู้ชาย
แต่มันก็มีอีกว่า ฝ่ายหญิงจะมีค่าตัวหรือค่าสินสอดได้ก็คือต้องเป็นผู้หญิงซิง ไม่เคยผ่านการแต่งงาน คนไหนเคยมีสามี หรือไม่ซิง ก็กลายเป็นของฟรี ไม่มีค่าตัวไปเลย
แต่ ณ ปัจจุบัน สังคมก็ยังยอมให้ฝ่ายหญิงที่ไม่ซิงแล้วยังมีค่าตัวได้ บางคนมีสามี มีลูกมาแล้ว ก็ยังมีค่าตัวได้
ปัจจุบัน ปี2020 ยุคแห่งความเสรีและเท่าเทียม ไม่ใช่ยุคศักดินาที่ผู้ชายเป็นใหญ่ฝ่ายเดียว หรือรับราชการได้ฝ่ายเดียวอีกแล้ว ยุคนี้ผู้หญิง ทำงานได้เหมือนผู้ชาย มีสิทธิเท่าเทียมผู้ชาย รับราชการได้เหมือนผู้ชายทุกอย่าง
ผู้หญิงเรียกร้องสิทธิทุกอย่างจนได้เท่าเทียมฝ่ายชาย
ผู้หญิงมีสิทธิ์ที่จะใช้ความเสรีทางด้านร่างกาย ว่าจะให้...กับใครก็ได้หากพึงพอใจ เหมือนกับที่ผู้ชายทำได้
แต่ทำไมเรื่องค่าสินสอดถึงยังคงอยู่ ในขณะที่ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป เพราะค่าสินสอด มันไม่ได้แสดงถึงความเท่าเทียมเลย มันกลายเป็นการเอาเปรียบกันด้วยซ้ำ
ฝ่ายหญิงเสียเปรียบจุดไหนคือต้องได้ความเท่าเทียม แต่พอจุดไหนตัวเองได้เปรียบก็คือให้ได้เปรียบต่อไปอย่างนั้นหรือ
ขนาดเพื่อนฝรั่งผมยังบอก นี่คนไทยจะแต่งงานกัน ผู้ชายต้องจ่ายเงินเหมือนซื้อบริการทางเพศ หรือซื้อบริการสินค้าแบบนี้เลยหรอ ประเทศเขาไม่มี ประเทศเสรีในโลกนี้ไม่มีค่าสินสอด คนจะแต่งงานกันขึ้นอยู่ที่ความรักไม่ใช่เงิน
มาถึงจุดที่อยากจะพูดแล้วนะครับ นี่ปี2020 ผู้หญิง หรือผู้ชาย จะนอนกับใครก็ได้ ตามความพึงพอใจ ถ้าไม่ไปผิดผัวผิดเมียใคร
ซึ่งใช่ครับทำได้ มันคือความเท่าเทียมกันอย่างที่บอก
ประโยคเด็ดมันอยู่ตรงนี้
" คนก่อนหน้าได้...ฟรีๆ หลายปี ไม่ต้องเสียเงินสักบาท โดยเฉพาะวัยเรียนมหาลัย อยู่กินกันฉันผัวเมีย ยับเยินยู่ยี่ไปหมด
แต่พอเจอผู้ชายดีๆสักคน ที่เขาจริงจังจะแต่งด้วย ดันให้เขาต้องจ่ายเงินค่าสินสอด ผมว่ามันดูไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ชายคนสุดท้ายนะ " คือถ้าจะให้ดี ให้คนก่อนหน้ามาช่วยออกค่าสินสอดด้วยได้ไหม เพราะเขาสอดไปฟรีๆหลายทีแล้ว ไม่แฟร์
ผู้หญิงบางคนชอบพูดความเท่าเทียม แต่สิ่งที่ตัวเองได้เปรียบฝ่ายชาย เขามักจะไม่ยอมเสมอ
ผมไม่ได้เหยียดผู้หญิงหรือใครนะ ผมพูดในฐานะความเท่าเทียม เพราะนี่ปี2020 จะ2021 แล้ว
ผมจึงมองว่า ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเสรี ต่างมีสิทธิเท่าเทียมกัน ทำไมจึงต้องเอาค่าสินสอดมากำหนดเรื่องความรักหรือการแต่งงานด้วย
หลายๆคู่เลิกกันเพราะไม่มีค่าสินสอดไปขอฝ่ายหญิง
หลายคู่ค่าสินสอดเป็นล้านอยู่กินกันได้ไม่กี่เดือนเลิกแล้ว
คือมันวัดค่าความรักด้วยสินสอดไม่ได้เลยนะครับ
ผมเองก็เลิกกับแฟนเมื่อ2ปีก่อน เพราะผมไม่มีเงินไปขอแฟนแต่งงานนี่ละครับ ไม่ใช่ขี้แพ้นะ แต่มันตัองมองความเป็นจริงด้วย
ข้าวก็ต้องเลี้ยงแฟน หนังก็ต้องเลี้ยงแฟน
รถก็ต้องผ่อน บ้านค่าเช่าผมก็ออก
คือแฟนผมอยู่ฟรีๆเลยก็ว่าได้ แต่พอผมอยากจะแต่งงานกับเขา เขาเรียกค่าสินสอดผม1ล้านบาท พร้อมกับทอง 10บาท คือแค่สร้างตัว สร้างอนาคตก็แย่แล้ว จะต้องให้ผมไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อมาจ่ายค่าสินสอด ค่าจัดงาน ให้เป็นหนี้เพิ่มไปอีกหรอ แล้วชาติไหนจะตั้งตัวได้ครับ ชาติไหนจะมีอนาคตดีๆ
สรุปเลยนะครับ ผมเห็นควรว่ามันควรปรับให้เข้ากับยุคสมัยได้แล้ว เพราะค่าสินสอด ณ ปัจจุบันนี้ มันดูล้าหลัง เต่าล้านปีไปมากๆ
คุณผู้หญิงจะด่าหรือว่าผมอะไรก็แล้วแต่นะครับ แต่ขอให้อ่านที่ผมพิมพ์ให้จบก่อนแล้วคิด วิเคราะห์ แยกแยะ เลิกอคติกับสิ่งที่ผมพิมพ์ แล้วค่อยด่าครับถ้าไม่สมเหตุสมผล ใช้สมองเยอะๆนะครับ โดยเฉพาะผู้หญิงบางคน ย้ำนะครับบางคน ไม่ใช่ทุกคน เพราะเพื่อนผู่หญิงผมที่ดีๆมีเยอะ แล้วเขาก็เห็นพ้องต้องกันในสิ่งที่ผมพิมพ์มาทั้งหมดนี้ แต่จริงๆมันมีอีกเยอะนะครับ สิ่งที่อยากพิมพ์ แต่พอพิมพ์เยอะๆแล้วก็ลืมบางช่วงบางตอนไป ผิดถูกขออภัยครับ
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ หวังว่ากระทู้นี้จะทำให้ผู้หญิงหลายๆคนเข้าใจโลกยุคใหม่นี้บ้าง
ตรงไหนตกหล่น ผิดพลาด แย้งได้เลยนะครับ แล้วเรามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแบบปัญญาชน และสุภาพชนกัน
#สุดท้ายถ้าแท็กผิดห้องขออภัยครับ
ค่าสินสอด ยังจำเป็นต้องมีอยู่ไหมในปี2020 ที่ทั้งฝ่ายชายและหญิงอ้างถึงความเท่าเทียมกัน ?
ค่าสินสอด ยังจำเป็นต้องมีอยู่ไหมในปี2020 ที่ทั้งฝ่ายชายและหญิงอ้างถึงความเท่าเทียมกัน ?
ขอเกริ่นก่อนเลยนะครับว่า
ค่าสินสอดที่เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยโบราณนั้นถูกกำหนดขึ้นมาเพราะ สมัยก่อนฝ่ายชายจะมีสิทธิ์ทุกอย่าง รับราชการ ทำงาน คือมีสิทธิ์เหนือผู้หญิงทุกอย่าง ค่าสินสอดจึงถูกกำหนดขึ้นมาเพราะ ฝ่ายหญิงต้องแต่งงานเข้าบ้านฝ่ายชาย ดูแลผู้ชาย พ่อแม่ผู้ชาย ฝ่ายชายจึงต้องจ่ายค่าสินสอดเพื่อเป็นค่าตอบแทน หรือค่าตัวนั่นเอง ให้กับพ่อแม่ฝ่ายหญิงที่เราเรียกกันว่าค่าน้ำนมนั่นแหละ เพื่อเป็นเงินเอาไว้ดูแลตัวเอง เพราะลูกต้องไปอยู่บ้านผู้ชาย
แต่มันก็มีอีกว่า ฝ่ายหญิงจะมีค่าตัวหรือค่าสินสอดได้ก็คือต้องเป็นผู้หญิงซิง ไม่เคยผ่านการแต่งงาน คนไหนเคยมีสามี หรือไม่ซิง ก็กลายเป็นของฟรี ไม่มีค่าตัวไปเลย
แต่ ณ ปัจจุบัน สังคมก็ยังยอมให้ฝ่ายหญิงที่ไม่ซิงแล้วยังมีค่าตัวได้ บางคนมีสามี มีลูกมาแล้ว ก็ยังมีค่าตัวได้
ปัจจุบัน ปี2020 ยุคแห่งความเสรีและเท่าเทียม ไม่ใช่ยุคศักดินาที่ผู้ชายเป็นใหญ่ฝ่ายเดียว หรือรับราชการได้ฝ่ายเดียวอีกแล้ว ยุคนี้ผู้หญิง ทำงานได้เหมือนผู้ชาย มีสิทธิเท่าเทียมผู้ชาย รับราชการได้เหมือนผู้ชายทุกอย่าง
ผู้หญิงเรียกร้องสิทธิทุกอย่างจนได้เท่าเทียมฝ่ายชาย
ผู้หญิงมีสิทธิ์ที่จะใช้ความเสรีทางด้านร่างกาย ว่าจะให้...กับใครก็ได้หากพึงพอใจ เหมือนกับที่ผู้ชายทำได้
แต่ทำไมเรื่องค่าสินสอดถึงยังคงอยู่ ในขณะที่ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป เพราะค่าสินสอด มันไม่ได้แสดงถึงความเท่าเทียมเลย มันกลายเป็นการเอาเปรียบกันด้วยซ้ำ
ฝ่ายหญิงเสียเปรียบจุดไหนคือต้องได้ความเท่าเทียม แต่พอจุดไหนตัวเองได้เปรียบก็คือให้ได้เปรียบต่อไปอย่างนั้นหรือ
ขนาดเพื่อนฝรั่งผมยังบอก นี่คนไทยจะแต่งงานกัน ผู้ชายต้องจ่ายเงินเหมือนซื้อบริการทางเพศ หรือซื้อบริการสินค้าแบบนี้เลยหรอ ประเทศเขาไม่มี ประเทศเสรีในโลกนี้ไม่มีค่าสินสอด คนจะแต่งงานกันขึ้นอยู่ที่ความรักไม่ใช่เงิน
มาถึงจุดที่อยากจะพูดแล้วนะครับ นี่ปี2020 ผู้หญิง หรือผู้ชาย จะนอนกับใครก็ได้ ตามความพึงพอใจ ถ้าไม่ไปผิดผัวผิดเมียใคร
ซึ่งใช่ครับทำได้ มันคือความเท่าเทียมกันอย่างที่บอก
ประโยคเด็ดมันอยู่ตรงนี้
" คนก่อนหน้าได้...ฟรีๆ หลายปี ไม่ต้องเสียเงินสักบาท โดยเฉพาะวัยเรียนมหาลัย อยู่กินกันฉันผัวเมีย ยับเยินยู่ยี่ไปหมด
แต่พอเจอผู้ชายดีๆสักคน ที่เขาจริงจังจะแต่งด้วย ดันให้เขาต้องจ่ายเงินค่าสินสอด ผมว่ามันดูไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ชายคนสุดท้ายนะ " คือถ้าจะให้ดี ให้คนก่อนหน้ามาช่วยออกค่าสินสอดด้วยได้ไหม เพราะเขาสอดไปฟรีๆหลายทีแล้ว ไม่แฟร์
ผู้หญิงบางคนชอบพูดความเท่าเทียม แต่สิ่งที่ตัวเองได้เปรียบฝ่ายชาย เขามักจะไม่ยอมเสมอ
ผมไม่ได้เหยียดผู้หญิงหรือใครนะ ผมพูดในฐานะความเท่าเทียม เพราะนี่ปี2020 จะ2021 แล้ว
ผมจึงมองว่า ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเสรี ต่างมีสิทธิเท่าเทียมกัน ทำไมจึงต้องเอาค่าสินสอดมากำหนดเรื่องความรักหรือการแต่งงานด้วย
หลายๆคู่เลิกกันเพราะไม่มีค่าสินสอดไปขอฝ่ายหญิง
หลายคู่ค่าสินสอดเป็นล้านอยู่กินกันได้ไม่กี่เดือนเลิกแล้ว
คือมันวัดค่าความรักด้วยสินสอดไม่ได้เลยนะครับ
ผมเองก็เลิกกับแฟนเมื่อ2ปีก่อน เพราะผมไม่มีเงินไปขอแฟนแต่งงานนี่ละครับ ไม่ใช่ขี้แพ้นะ แต่มันตัองมองความเป็นจริงด้วย
ข้าวก็ต้องเลี้ยงแฟน หนังก็ต้องเลี้ยงแฟน
รถก็ต้องผ่อน บ้านค่าเช่าผมก็ออก
คือแฟนผมอยู่ฟรีๆเลยก็ว่าได้ แต่พอผมอยากจะแต่งงานกับเขา เขาเรียกค่าสินสอดผม1ล้านบาท พร้อมกับทอง 10บาท คือแค่สร้างตัว สร้างอนาคตก็แย่แล้ว จะต้องให้ผมไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อมาจ่ายค่าสินสอด ค่าจัดงาน ให้เป็นหนี้เพิ่มไปอีกหรอ แล้วชาติไหนจะตั้งตัวได้ครับ ชาติไหนจะมีอนาคตดีๆ
สรุปเลยนะครับ ผมเห็นควรว่ามันควรปรับให้เข้ากับยุคสมัยได้แล้ว เพราะค่าสินสอด ณ ปัจจุบันนี้ มันดูล้าหลัง เต่าล้านปีไปมากๆ
คุณผู้หญิงจะด่าหรือว่าผมอะไรก็แล้วแต่นะครับ แต่ขอให้อ่านที่ผมพิมพ์ให้จบก่อนแล้วคิด วิเคราะห์ แยกแยะ เลิกอคติกับสิ่งที่ผมพิมพ์ แล้วค่อยด่าครับถ้าไม่สมเหตุสมผล ใช้สมองเยอะๆนะครับ โดยเฉพาะผู้หญิงบางคน ย้ำนะครับบางคน ไม่ใช่ทุกคน เพราะเพื่อนผู่หญิงผมที่ดีๆมีเยอะ แล้วเขาก็เห็นพ้องต้องกันในสิ่งที่ผมพิมพ์มาทั้งหมดนี้ แต่จริงๆมันมีอีกเยอะนะครับ สิ่งที่อยากพิมพ์ แต่พอพิมพ์เยอะๆแล้วก็ลืมบางช่วงบางตอนไป ผิดถูกขออภัยครับ
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ หวังว่ากระทู้นี้จะทำให้ผู้หญิงหลายๆคนเข้าใจโลกยุคใหม่นี้บ้าง
ตรงไหนตกหล่น ผิดพลาด แย้งได้เลยนะครับ แล้วเรามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแบบปัญญาชน และสุภาพชนกัน
#สุดท้ายถ้าแท็กผิดห้องขออภัยครับ