โพรงกระต่ายในยุคกลางของอังกฤษ

1.
Pillow mounds in Dartmoor. Photo: www.dartmoorcam.co.uk
.
ในอังกฤษ ช่วงยุคกลางกระต่ายไม่ได้เลี้ยงดูในกรงขัง
แต่อาศัยอยู่ในโพรงดินที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ
ที่เรียกว่า Warrens โพรงกระต่าย Coneygarths หรือ กองหมอน
ลักษณะเป็นกองดินที่มีห้องด้านในหลายห้อง
สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป
เพื่อให้พวกกระต่ายผสมพันธุ์เกิดลูกและเลี้ยงดูกันภายในนั้น
เนินดินคล้ายหมอนมักสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
และบางครั้งก็เชื่อมต่อกันด้วยอุโมงค์หินเรียงราย
เพื่อป้องกันไม่ให้กระต่ายหนีออกไปจากพื้นที่เลี้ยง
จึงล้อมรอบด้วยคูน้ำ หรือคูคลองเติมน้ำให้เต็ม
รั้วธรรมชาตินี้ยังปกป้องจากนักล่าภายนอก
Warrens หลายแห่งมีการสร้างบ้านพักและหอสังเกตการณ์
มีไว้สำหรับคนงานที่มีหน้าที่ดูแลพื้นที่เลี้ยงกระต่าย

ตลอดยุคกลางสิทธิ์ในการล่า/ฆ่าสัตว์ร้ายเป็นเกมกีฬาอย่างหนึ่ง
ถือเป็นสิทธิพิเศษที่กษัตริย์มอบให้บางคนเท่านั้น
การล่าสัตว์ทั้งหมดจึงถูกควบคุมและจำกัดอย่างรอบคอบ
การล่าสัตว์ในป่าหลวงอันกว้างขวาง
เป็นสิทธิพิเศษของกษัตริย์เพียงผู้เดียว
แต่นอกจากพื้นที่เหล่านี้  กษัตริย์  ได้เตรียมไว้
เพื่อที่จะขายสิทธิพิเศษในการล่าสัตว์
โดยใช้กฎบัตร Free-warren

ผู้ได้รับสิทธิ์นี้มีสิทธิ์ล่าสัตว์ในพื้นที่ป่าดังกล่าว
เช่น ไก่ฟ้า นกกระทา กระต่ายป่า และกระต่ายเลี้ยง
ดังนั้นสิทธิ์ในการล่าสัตว์เก็บของป่าและฆ่ากระต่าย
จึงเป็นสิทธิพิเศษเฉพาะของเจ้าของ Free Warren
ใครที่ละเมิดลักลอบเข้าไปล่าสัตว์/เก็บของป่า
จะถือว่าผิดกฎหมายมีบทลงโทษที่รุนแรง

แต่ก็ยังมีชาวบ้านลักลอบล่ากระต่าย
เพราะสินค้าดีมีราคาเป็นที่ต้องการมาก
จนเกิดข้อพิพาทอย่างรุนแรง
ระหว่างชาวบ้านกับเจ้วของ Free Warren
ที่ถือว่าสิทธิดังกล่าวเป็นของพวกศักดินา
ชาวบ้านไม่มีสิทธิ์แต่อย่างใด
จนเกิดการประท้วงอย่างแพร่หลาย
เพื่อให้ชาวบ้านมีสิทธิ์ที่จะล่าสัตว์/เก็บของป่าได้

แต่ในปัจจุบัน  พวกกระต่ายกลายเป็นสัตว์ที่ทำลายล้าง
และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่มากนัก
แตกต่างจากในสมัยยุคกลางที่ถือว่า
กระต่ายเป็นสัตว์ที่มีคุณค่าและมีราคาแพง
เนื้อกระต่ายเป็นอาหารอันโอชะ
และขนของพวกมันเป็นทางเลือกที่ถูกกว่า
ขนของ Ermine  ที่มีราคาแพงกว่ามาก
2.
.
กระต่ายในยุโรปเดิม พบเฉพาะในยุโรปตะวันตกเฉียงใต้
ได้แก่ สเปน โปรตุเกส และฝรั่งเศสตะวันตก
สายพันธุ์กระต่ายที่รุกรานถูกนำเข้าไปในเกาะอังกฤษ
โดยชาวโรมันหลังจากการรุกรานอังกฤษใน ปีค.ศ.43

อย่างไรก็ตามจนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 11
กระต่ายได้แพร่พันธุ์จำนวนมากมายขึ้น
ทำให้นักวิชาการหลายคนเชื่อว่า
น่าจะเป็นฝีมือของชาว Normans
ที่นำเอากระต่ายเข้ามาในอังกฤษเป็นจำนวนมาก

ในช่วงแรกสภาพอากาศในอังกฤษไม่เอื้ออำนวย
และต้องการการเลี้ยงดูพวกกระต่ายอย่างระมัดระวัง
ในช่วงห้าศตวรรษต่อมา
พวกกระต่ายเกือบทั้งหมดในอังกฤษ
ได้รับการเลี้ยงดูด้วยการสร้าง Warrens

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 14 ในอังกฤษ
เมื่อเกิดภาวะอดอยากครั้งใหญ่
การปลูกพืชผลเกษตรล้มเหลวอย่างมากทั่วทั้งยุโรป
กระต่ายเหล่านี้กลายเป็นอาหารเลี้ยงดูผู้คนให้รอดตายได้
 
จนกระทั่งศตวรรษที่ 18 
กระต่ายเริ่มกลายเป็นอาหารของคนจน
เพราะในตอนนั้น กระต่ายได้แพร่พันธุ์ในป่าแล้ว
ทั้งนี้เพราะกระต่ายรุ่นหลัง ๆ ปรับตัวกับภูมิอากาศได้

Warrens  กลายเป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัย
และโครงสร้างส่วนใหญ่เหล่านี้สูญหายไปนานแล้ว
แต่ก็ยังคงหลงเหลืออยู่อีกหลายร้อยแห่ง
ที่กระจัดกระจายไปทั่วเกาะอังกฤษ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่แห้งแล้ง
เช่น Brecklands และ Dartmoor
ซึ่งดินไม่ดีสำหรับการเพาะปลูก
แต่เหมาะสำหรับการขุดทำ Warrens เลี่ยงกระต่าบ
เพราะป็นพื้นที่ที่มีทุ่งหญ้าเป็นลูกคลื่น ฝนตกน้อย
และทรายลึกที่มีรูพรุน  เหมาะสำหรับกระต่ายอยู่อาศัย
 
ในปัจจุบัน Warrens บางแห่ง
ได้รับการคุ้มครองโดย English Heritage

เรียบเรียง/ที่มา

https://bit.ly/31TlJRq
https://bit.ly/2QPRzIu
https://bit.ly/2EW3mSS
https://bit.ly/32PnGxD
https://bit.ly/34VfSwW
https://bit.ly/3lHokps
 


3.

4.

5.

6.

7.

8.

9.-10.

11.-12.

13.

14.

.

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Japan: Woman Chased by Stampeding Herd of Rabbits


เพราะชาวบ้านที่เลี้ยงผูกพันกับพวกมันมาก
จนไม่ยอมฆ่าเพื่อนำมากินเป็นอาหาร

15.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่