ผ่านมาเป็นปีแล้ว แต่เรายังรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เราเจอครั้งแรกในชีวิตมันไม่เคยหลุดออกจากเราไปไหนเลย
เหตุการณ์มันเกิดเมื่อปีที่แล้ว..ช่วงที่เราเรียนจบ ม.6 ใหม่ๆเราได้เข้ามาสอบใน กทม. แล้วอาศัยอยู่กับป้า มาเรียน ปวส.ต่อแล้วก็ได้หางานทำไปด้วยระหว่างเรียน (คือเราเรียนเสาร์-อาทิตย์) รู้ว่ามันต้องมีอะไรทำ จนป้าได้เข้ามาคุยด้วยเรื่องหางานให้ ป้าได้ฝากงานเราในโรงพยาบาลหนึ่งแถวลาดกระบัง เราก็ได้งานนั้นคือเป็นผู้ช่วยเหลือคนไข้ ตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรเพราะเราได้เข้าเป็นรายวันได้อยู่แต่ตอนกลางวัน เลยพอจะทำได้ แล้วพอถึงเวลาเขาเรียกตัวไปทำงานเราก็ใส่ชุดนักศึกษาแล้วไปเพื่อเริ่มงานปกติ ทุกอย่างดูไม่ยากแล้วก็ไม่ได้ง่ายเกินไป เราใช้เวลาทำงานอยู่หลายสัปดาห์ จนมีวันหนึ่งที่เราจะต้องได้อยู่เวรกับพยาบาลคนที่เราคอยติดตาม เวรเข้า3ทุ่มออกเวรคือเช้าเลยค่ะ พอวันนั้นเราเลิกงานช่วง16.30เราก็กลับไปอาบน้ำทำไรให้เสร็จ ก็กลับมาเข้างานตอน3ทุ่ม พอมาถึงเราก็ขึ้นไปชั้นที่เราพักคือชั้น13 เราก็ขึ้นลิฟไปปกติ กดไปที่13 แต่ลิฟมันมาเปิดที่ชั้น9เรามองออกไปก็ไม่มีใครก็ปิดลิฟไปในใจคงมีคนมากดค้างไว้ แต่ลิปมันได้เปิดอีกครั้ง1มีพยาบาลเข็นศพขึ้นมาเราก็ตกใจทำไมเข็นเข้ามาทั้งๆที่ลิฟขึ้น พยาบาลก็กดชั้นGไป แต่ลิฟมันก็ดันลงสิค่ะ เราเลยงง ว่าทำไมมันไม่ขึ้นไปชั้น13 ทำไมมันลงไปชั้นG เราก็เลยใจหวิวๆเลยเลือกที่จะออกจากลิฟไปพร้อมกับพยาบาลคนนั้น เราเลยเดินไปซื้อน้ำแล้วนั่งตั้งสติสักพัก พี่ออยที่เราต้องเข้าเวรด้วยกันโทรมาถามว่าอยู่ไหนพี่อยู่ห้องพักแล้ว เราเลยรู้สึกถอดใจไม่กล้าขึ้นลิฟในตอนนั้น แต่เราก็ร่วมรวมความกล้า กดลิฟตัวแรกขึ้นไป แต่ลิฟที่เรากดมันได้ลงมาจากชั้น9 แต่พอลิฟเปิดคือในลิฟมันกลับไม่มีใคร เราก็ไม่ได้คิดอะไรนะเพราะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับลิฟมาก เราก็ขึ้นไปกด13 แล้วลิฟก็เงียบมาก แล้วชิฟก็เปิดที่ชั้น9เหมือนเดิมเราก็เดินออกไปดูแต่ไม่มีคนก็เลยกลัวมันจะกลับลงไปชั้นล่างอีก เลยเลือกขึ้นบันไดหนีไปจากชั้น9ไป13
พอถึง13 ประตูมันถูกล็อคจากด้านนอก ตอนนั้นคิดอย่างเดียวคือโทรหาพี่ออยให้มาเปิด แต่พี่ออยจากสายบอกให้เราลงไปชั้น9 ความกลัวของเราจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะมองลงไปมันมีเหมือนคนใส่ชุดผู้ป่วยกำลังเดินขึ้นมา เราเลยรีบขึ้นไปชั้น14เพื่อจะตามเปิดประตูว่าเปิดได้รึป่าว แล้วสายจากพี่ออยก็โทรมาว่า มาตั้งแต่เมื่อไรพี่เห็นนั่งอยู่ในห้องถ้าทำธุระเสร็จตามพี่มาห้องคนไข้ชื่อ....ด้วย แต่เรายังไม่ทันได้พูดอะไรสายก็ตัดไป เลยโทรกลับไปหาพี่ออย โทรหาพี่ๆที่ทำงานด้วย แต่ทุกคนคือสายหลุดหมดเลยไม่ทันได้พูดอะไร ตอนนั้นร้องไห้แล้วเดินขึ้นไป15เลยก้มดูชั้นล่างที่เห็นคนเดินขึ้น แต่ก้มมองไปครั้งนี้ก็ได้เจอกับคนกำลังหันขึ้นมามองเราเหมือนกันมองได้สักพักก็เหมือนคนนั้นจะวิ่งขึ้นมาอย่างไว ด้วยความตกใจเราเลยเปิดชั้น15 แต่มันก็เปิดได้ เราวิ่งไม่คิดชีวิตเลยตอนนั้นขอแค่เจอใครสักคนพอเจอพยาบาลที่สวนมา ก็เลยบอกพยาบาลไป เขาให้เราตั้งสติ แล้วเอาน้ำให้กิน1แก้ว พอใจเย็นลงเลยเล่าให้พยาบาลคนนั้นฟัง ทุกอย่างที่เกิดขึ้น แล้วพี่ออยก็มาหา ทุกคนดูตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเราเพราะทุกคนก็เคยเจอแบบเดียวกันจนหมด แล้วมารู้ว่าชั้น9ไม่มีการเสียชีวิตของคนไข้ ไม่มีประวัติว่านำศพลงมาจากชั้น9ในวันนั้น มันยิ่งทำให้เราช็อคนักเพราะสิ่งที่เราเห็นในลิฟกับทุกๆอย่างที่เราเห็น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือความจริง เป็นเหตุการณ์ที่เราไม่เคยลืมตลอดไป
เคยเจอเหตุการณ์หลอนๆกันไหมคะ
เหตุการณ์มันเกิดเมื่อปีที่แล้ว..ช่วงที่เราเรียนจบ ม.6 ใหม่ๆเราได้เข้ามาสอบใน กทม. แล้วอาศัยอยู่กับป้า มาเรียน ปวส.ต่อแล้วก็ได้หางานทำไปด้วยระหว่างเรียน (คือเราเรียนเสาร์-อาทิตย์) รู้ว่ามันต้องมีอะไรทำ จนป้าได้เข้ามาคุยด้วยเรื่องหางานให้ ป้าได้ฝากงานเราในโรงพยาบาลหนึ่งแถวลาดกระบัง เราก็ได้งานนั้นคือเป็นผู้ช่วยเหลือคนไข้ ตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรเพราะเราได้เข้าเป็นรายวันได้อยู่แต่ตอนกลางวัน เลยพอจะทำได้ แล้วพอถึงเวลาเขาเรียกตัวไปทำงานเราก็ใส่ชุดนักศึกษาแล้วไปเพื่อเริ่มงานปกติ ทุกอย่างดูไม่ยากแล้วก็ไม่ได้ง่ายเกินไป เราใช้เวลาทำงานอยู่หลายสัปดาห์ จนมีวันหนึ่งที่เราจะต้องได้อยู่เวรกับพยาบาลคนที่เราคอยติดตาม เวรเข้า3ทุ่มออกเวรคือเช้าเลยค่ะ พอวันนั้นเราเลิกงานช่วง16.30เราก็กลับไปอาบน้ำทำไรให้เสร็จ ก็กลับมาเข้างานตอน3ทุ่ม พอมาถึงเราก็ขึ้นไปชั้นที่เราพักคือชั้น13 เราก็ขึ้นลิฟไปปกติ กดไปที่13 แต่ลิฟมันมาเปิดที่ชั้น9เรามองออกไปก็ไม่มีใครก็ปิดลิฟไปในใจคงมีคนมากดค้างไว้ แต่ลิปมันได้เปิดอีกครั้ง1มีพยาบาลเข็นศพขึ้นมาเราก็ตกใจทำไมเข็นเข้ามาทั้งๆที่ลิฟขึ้น พยาบาลก็กดชั้นGไป แต่ลิฟมันก็ดันลงสิค่ะ เราเลยงง ว่าทำไมมันไม่ขึ้นไปชั้น13 ทำไมมันลงไปชั้นG เราก็เลยใจหวิวๆเลยเลือกที่จะออกจากลิฟไปพร้อมกับพยาบาลคนนั้น เราเลยเดินไปซื้อน้ำแล้วนั่งตั้งสติสักพัก พี่ออยที่เราต้องเข้าเวรด้วยกันโทรมาถามว่าอยู่ไหนพี่อยู่ห้องพักแล้ว เราเลยรู้สึกถอดใจไม่กล้าขึ้นลิฟในตอนนั้น แต่เราก็ร่วมรวมความกล้า กดลิฟตัวแรกขึ้นไป แต่ลิฟที่เรากดมันได้ลงมาจากชั้น9 แต่พอลิฟเปิดคือในลิฟมันกลับไม่มีใคร เราก็ไม่ได้คิดอะไรนะเพราะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับลิฟมาก เราก็ขึ้นไปกด13 แล้วลิฟก็เงียบมาก แล้วชิฟก็เปิดที่ชั้น9เหมือนเดิมเราก็เดินออกไปดูแต่ไม่มีคนก็เลยกลัวมันจะกลับลงไปชั้นล่างอีก เลยเลือกขึ้นบันไดหนีไปจากชั้น9ไป13
พอถึง13 ประตูมันถูกล็อคจากด้านนอก ตอนนั้นคิดอย่างเดียวคือโทรหาพี่ออยให้มาเปิด แต่พี่ออยจากสายบอกให้เราลงไปชั้น9 ความกลัวของเราจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะมองลงไปมันมีเหมือนคนใส่ชุดผู้ป่วยกำลังเดินขึ้นมา เราเลยรีบขึ้นไปชั้น14เพื่อจะตามเปิดประตูว่าเปิดได้รึป่าว แล้วสายจากพี่ออยก็โทรมาว่า มาตั้งแต่เมื่อไรพี่เห็นนั่งอยู่ในห้องถ้าทำธุระเสร็จตามพี่มาห้องคนไข้ชื่อ....ด้วย แต่เรายังไม่ทันได้พูดอะไรสายก็ตัดไป เลยโทรกลับไปหาพี่ออย โทรหาพี่ๆที่ทำงานด้วย แต่ทุกคนคือสายหลุดหมดเลยไม่ทันได้พูดอะไร ตอนนั้นร้องไห้แล้วเดินขึ้นไป15เลยก้มดูชั้นล่างที่เห็นคนเดินขึ้น แต่ก้มมองไปครั้งนี้ก็ได้เจอกับคนกำลังหันขึ้นมามองเราเหมือนกันมองได้สักพักก็เหมือนคนนั้นจะวิ่งขึ้นมาอย่างไว ด้วยความตกใจเราเลยเปิดชั้น15 แต่มันก็เปิดได้ เราวิ่งไม่คิดชีวิตเลยตอนนั้นขอแค่เจอใครสักคนพอเจอพยาบาลที่สวนมา ก็เลยบอกพยาบาลไป เขาให้เราตั้งสติ แล้วเอาน้ำให้กิน1แก้ว พอใจเย็นลงเลยเล่าให้พยาบาลคนนั้นฟัง ทุกอย่างที่เกิดขึ้น แล้วพี่ออยก็มาหา ทุกคนดูตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเราเพราะทุกคนก็เคยเจอแบบเดียวกันจนหมด แล้วมารู้ว่าชั้น9ไม่มีการเสียชีวิตของคนไข้ ไม่มีประวัติว่านำศพลงมาจากชั้น9ในวันนั้น มันยิ่งทำให้เราช็อคนักเพราะสิ่งที่เราเห็นในลิฟกับทุกๆอย่างที่เราเห็น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือความจริง เป็นเหตุการณ์ที่เราไม่เคยลืมตลอดไป