สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ผ่าคัดไส้ติ่ง เริ่มจากวันที่ 15 มุนายน รู้สึกปวดท้อง แต่ปวดแบบทั่วท้อง ไอ้เราก็นึกว่าปวดท้องกระเพาะแบบที่เคยปวดมาปกติ วันนั้นก็ปวดแบบเป็นๆ หายๆ กลับบ้านกินข้านอนได้ปกติทนปวดได้ พอเช้าวันรุ่งขึ้นไปทำงานรู้สึกปวดอีก แต่ครั้งนี้ปวดหนักขึ้น แต่ก็ยังปวดทั่วท้องแบบเดิม นั่งทำงานก็บ่นกับเพื่อนไปว่าปวดท้อง เพื่อนถามไปหาหมอไหม เรายังตอบเพื่อนว่าไหวอยู่ พอเที่ยง ปกติเป็นคนกินข้าวเยอะ แต่มาวันนี้กินไม่ลง กินไปนิดเดียว ตัดสินใจไปนอนพักห้องพยาบาลตอนพักเที่ยง พยาบาลดูอาการเบื้องต้น ถามเราว่าปวดตรงไหน เราก็ตอบว่าปวดทั่วท้อง พยาบาลบองกดท้องก็รู้สึกปวดแต่ไม่เจ็บ จนกดมาถึงท้องด้านขวา ทีนี้แหละทั้งเจ็บทั้งปวดเลย พยาบาลบอกว่าอาจจะเป็นไส้ติ่ง เราตอบกลับพยาบาลทันที ไม่เป็นไส้ติ่งหรอก (นึกว่าตัวเองเป็นหมอเอง วินิจฉัยโลกเองได้) นอนพักสักพักดีขึ้นจ้า ถึงเวลาทำงาน เราก็กลับมาทำงาน เวลาผ่านไปสักพัก อ้าวปวดอีกแล้ว เราก็ทนนะปวดนั่งทำงานไปเรื่อยๆ(เราก็อึดเหมือนกันนะเนี่ย) จนถึงเวลาเลิกงาน 5โมงเย็นก่อนกลับบ้านแวะหาหมอหน่อย
เดินเข้าโรงพยาบาลตัวนี้งอเลย บุรุษพยบาลถามว่าเอารถเข็นไหม เราตอบไปอย่างมั่นใจเลยจ้า ว่าไม่เอา (มั่นใจในร่างกายตัวเองมาก) พอเข้ามาก็เหมือนคนไข้ปกติทั่วไป ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน พยาบาลซักประวัติ ถึงเวลาหมอเรียก หมอก็ทำการถามว่าเป็นอะไรปวดตรงไหน เราก็บอกว่าปวดท้องทั่วท้อง หมอให้ขึ้นเขียง เอ้ยขึ้นเตียง แล้วกดท้อง กดมาถึงท้องด้านขวา เจ็บปวดตามเคย หมอคิดอะไรในใจไม่พูดต่อ บอกแค่ว่า เดียวไปเจาะเลือดนะ เราก็เดินไปเจาะเลือด เดินแบบตัวงอเลยแหละ จนถึงหน้าห้องเจาะเลือด พยาบาลก็เจาะเลือดตามหน้าที่ เจาะเสร็จบอกให้เรารอหน้าห้อง เห็นเราเดินตัวงอ พยาบาลถามเอารถเข็นไหม เร่ก็ตอบอย่างเดิม มั่นใจมากว่า ไม่เอาค่ะ ไหวอยู่ พยาบตอบกลับมาว่า พี่ว่าหนูไม่ไหวนะ พี่เรียกรถเข็นให้ เดี๋ยวให้เค้าเข็นไปพบคุณหมอ เราก็ยิ้มแฮร่ๆ ก็ได้ค่ะ รอเข็นมาไปพบหมอคนเดิม ทีนี้ หมอไม่ได้ตรวจเราในห้องตรวจโรคประจำห้องคุณหมอ แต่ให้เราเข้าไปนอนบนเตียงในห้องฉุกเฉินแทน แถมด้วยตามอาจารย์หมอมาดูด้วย เรานี้เห็นใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยแหละ (อะไรกันนี้เกิดอะไรขึ้นกับฉัน) สักพักหมอดูผล บอกพยาบาลต่อว่าส่งไปห้องเอ็กซเรย์เลย เอาแล้วเอาแล้วไง มันดูวุ่นวายไปหมด พอเอ็กซเรย์เสร็จมาอยู่ให้ห้องฉุกเฉิน อาจารย์หมอเดินมาพร้อมผล บอกเราว่ามีไข้นะ และเป็นไส้ติ่งอักเสบ เดี๋ยวผ่าตัดเลย อึ้งไป หูดับทันที แล้วหมอก็ถามต่อว่ากินข้าวมาล่าสุดตอนกี่โมง เราก็บอกว่าตอนเที่ยง แล้วหมอก็เดินจากไป อ้าวทีนี้ไงต่อ พยาบาลมาจากไหนไม่รู้ เดินตรงมาถามเหมือนหมอเลย แต่ที่ถามเพิ่มเติมคือ มีญาติมาด้วยไหม เราเลยตอบไปว่า ไม่ได้คิดว่าวันนี้จะมาผ่าตัด พยาบาลมองหน้ากันแล้วขำ เวลาตอนนั้นประมาณ ทุ่มครึ่งได้ พยาบาลเอาเอกสารให้เซ็นต์ แล้วเอาชุดให้เปลี่ยนเพื่อที่จะเข้าห้องผ่าตัดตอน2ทุ่ม พยาบาลมายืนกดดันสุดๆที่ปลายเตียง บอกให้เราฝากของมีค่าต่างๆไว้ที่ห้องฝากของ เราเลยบอกว่าขอโทรหาญาติแปป เราก็โทรบอกที่บ้านว่าเราจะเข้าห้องผ่าตัดไส้ติ่ง ให้รีบมาหาก่อนเข้าห้องผ่าตัด แล้วก็วางสายไป เวฃาผ่านไปสักพักพยาบาลถามต่อญาติมาไหม เราก็เลยขอโทรหาญาติอีกครั้ง สรุปคือญาติยังไม่ออกจากบ้านมาหาเราที่โรงพยาบาลเลยจ้า เราเลยตอบพยาบาลไปว่าญาติไม่มา หลังจากนั้นโดนให้ฝากของทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สิน
แล้วก็เข็นเราห้องผ่าตัด เข้าไปแบบเหมือนในหนังเลย ไฟสว่างไปหมด แต่ในใจโคตรกลัวเลย เข้าไปเค้าก็เราย้ายไปนอนที่เตียงผ่านตัด แล้วหมอเอาอะไรมาติดที่ตัวเราเต็มไปหมดเลย แล้วเอาอ็อกซิเยนเสียบเข้าจมูกเรา ความรู้สึกเราคือเย็นในรูจมูกไปหมด สักพักหมอบอกว่าจะบล็อคหลังนะ บล็อคเหมือนตอนคลอดลูก เราก็เลยตอบหมอไปว่าไม่มีแฟนค่ะ เลยยังไม่มีลูก หมอขำ แล้วก็ทำการบล็อคหลังเลยจ้า หลังจากบล็อคหลังเสร็จ ทีนี้ไม่รู้สึกอะไรเลย หมอเอาไรมาจิ้มที่ตัวเราไม่รู้ รู้แต่ว่ามันแหลมๆ หมอถามเจ็บไหม เราก็อกไปว่าไม่เจ็บ หมอบอกว่าบล็อคหลังจะรู้สึกตัวชา ไม่รู้สึกเจ็บเท่าไหร่ เราก็พยักหน้ากับคุณหมอรับทราบ ระหว่าคุยกับหมอ ตัวเรานี้สั่นไปทั่งตัว ทั้งๆที่ไม่รู้สึกตัวเองว่าหนาวเลยนะ หมอเลยเอาผ้าห่มอุ่มมาห่มให้ เออห่มแล้วหายสั่นเลย ทีนี้ถึงเวลาผ่าตัด หมอบอกว่าเราจะรู้สึกว่ามีคนทำอะไรกับหน้าท้องเรานะ แล้วหมอก็ลงมือผ่าตัดทันที เรารู้สึกตัวตลอดเลยว่าหมอทำอะไรที่ท้องเรา เสียงดังมากเหมือนหน้าท้องเราเหนียวตัดไม่ออก ปนะมาณนั้น แต่ไม่รู้สึกเจ็บเลยนะ ผ่านไปไวเหมือนโกหก เสร็จแล้วจ้า ผ่าเสร็จ 22.30 น. (เราผ่าแบบเปิดหน้าท้องนะ) ความรู้สึกหลังผ่าตัดเสร็จ ไม่เจ็บเลย แต่ขยับตัวไม่ได้ เพราะยาชาที่บล็อคหลัง หมอมาบอกว่า เราจะเริ่มรู้สึกขยับตัวได้ประมาณ8ชั่วโมง โอ้เรานอนเหมือนผัก ขยับไม่ได้เลย หมอย้ายเราออกจากห้องผ่าตัดไปห้องพักฟื้น ระหว่าย้ายเราคนเข็นเตียงถามเราว่ามีญาติมาไหม เราตอบอย่างมั่นใจ ว่าไม่มี ขนเข็นถามต่ออ่าวที่รอน้าห้องผ่าตัดไม่ใช่ญาติหรอ เราก็ตอบไปเลย ว่าไม่ใช่ คือยังไม่เห็นหน้าว่าใครอยู่หน้าห้อง สักพักกำลังจะเข็นเราเข้าลิฟ ญาติเราเดินมาจ้า หมอถามไหนไม่ใช่ญาติไง เราก็ยิ้มแฮร่(ก็ก่อนเข้าผ่าตัด ไม่มีญาตินิ) หมอพูดต่อว่า ก็ว่าอยู่ว่าคนอะไรไม่มีญาติ ยิ้มทำให้เรายิ้มแฮร่กว่าเดิม พาเราเข็นไปส่งห้องพักฟื้นแล้ว ป้ายติดที่ห้องว่า ห้ามเยี่ยม ห้ามเฝ้า เพราะโควิด เรานี้ต้องอยู่คนเดียวหรอ พยาบที่ดูแลเดินเข้ามาบอกญาติว่ามาส่งเข้าห้องก็กลับได้เลยค่ะ ไม่อนุญาตให้เยี่ยมหรือเฝ้า มาอีกทีวันกลับบ้านได้เลย เรานี้มองหน้าญาติ โอ้!ไม่นะ ฉันต้องอยู่ลำพังหรอเนี่ย ก่อนญาติกลับขอยืมมือถือโทรหาพี่ที่ทำงาน บอกว่าเราผ่าตัดคงหยุดหลายวัน หมอว่าห้ามเยี่ยม ห้ามเฝ้าทั้งสิ้น อีกทั้งยังติดต่อเราไม่ได้นะ เพราะโทรศัพท์ฝากห้องเก็บของของโรงพยาบาลไว้ ต้องรอเช้าเพราะคนดูแลเลิกงานกลับบ้านไปแล้ว จากนั้นญาติกลับบ้าน เราอยู่อย่างเหงาๆ ขยับตัวไม่ได้ พยาบาลเดินเข้ามา มาตรวจร่างกายเราเป็นระยะ ทั้งคืน เราได้แต่นอนแน่นิ่ง (อ่อ!ลืมบอกว่าก่อนออกจากห้องผ่าตัด หมอบอกว่าหลังยาหมดฤทธิ์ ให้ขยับตัวบ่อยๆ เดินๆ) จนเวลาผ่านไปถึงเช้าเวลาตี 5 ยาหมดฤทธิ์ เราทำตามที่หมอบอกทุกอย่างเลย ขยับตัวทันที ลงเดินเข้าห้องน้ำเองทันที (อายพยาบาล ถ้าพยาบาลทำให้) อาหารยังโดนงดอยู่ เราก็เดิน เดิน เดินวนในห้องแหละ ไม่กล้าเดินออกข้างนอก เพราะโควิด จนเวลาผ่านไป9โมงเช้าหมอมาตรวจ และอนุมัติให้กินข้าวได้ เรานี้ยิ้มเลย ฉันหิว ฉันอยากกินข้าว หลังกินเสร็จ เดินต่อ เดินอีกแหละ เดินสลับนั่งอย่างนี้จนถึง 4โมงเย็น หมอมาตรวจ หมอได้บอกว่าดี ดีมากเลย เราตอบหมออย่าภูมิใจว่า ทำตามที่หมอสั่งทุกอย่างเลยนะ แวหมอก็ยิ้ม เราเลยถามต่อว่า วันนี้กลับบ้านได้เลยไหมหมอ หมอมองหน้าเรา เราก็ยิ้มแฮร่ แล้วบอกหมอว่าอยากกลับบ้าน หมอตอบสวนทันทีว่าปกติเค้านอนดูอาการที่โรงพยาบาลกัน 3วันนะ เราก็มองหน้าหมอด้วยแววตาอ้อนวอน แล้วหมอก็เดินจากไป เราก็ได้แต่ถอนหายใจ แล้วหมอแรง สักพักพยาบาลเดินมาบอกเราว่าเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อรอเลยนะค่ะ แล้วรอยากลับบ้านสักครู่ เรานี้หันไปหาพยาบาล แล้วถาว่าหนูได้กลับบ้านแล้วหรอค่ะ พยาบาลบอกว่าหมออนุญาติให้กลับได้ หมอยังชมต่อว่าอาการดีขึ้นเร็วมาก นึกว่าผ่าส่องกล้องเสียอีก เราก็ยิ้มแบบภูมิใจ แล้วตอบกลับพยาบาลว่า หนูทำตามทีทหมอบอกทุกอย่างเลย พยาบาลบอกว่าดีมากๆ หลังจากนั้นพยาบาลไปเบิกยาเรานี้ขอโทรศัพท์โทรบอกที่บ้านเลย ให้มารับได้ ไม่ค่อยอยากกลับบ้านเลย พยาบาลบอกปุ๊บ เปลี่ยนเสื้อผ้าแบบเร็วมาก นั่งรอยาจนพยาบาลเอามาให้ เรานี้เปิดดูใบรับรองแพทย์ก่อนเลยว่าหมอให้หยุดกี่วัน หมอให้หยุดทั้งหมด 15วัน เรานี้หน้าเอ๋อเลย หยุด15วันห่วงงานสุดๆ พอได้ใบแพทย์ปุ๊บ ส่งไลน์แจ้ง ผจก.เลยจ้า เราหยุดพักตามหมอบอก แต่หยุดแค่ 5วัน แล้วก็ไปทำงานเลยจ้า (มานั่งคิดทุกอย่างมีผลต่อโบนัสปลายปี ปรับเงินเดือน ถ้าไปไหว ไปดีกว่า) เราก็ไปทำงานปกติ จนตอนนี้จะได้2เดือนแล้วที่ผ่าตัด ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว นั่งทำงานสลับเดินบ้าง ทำตามที่หมอบอกทุกอย่างเลยจ้า
ยาวหน่อย แต่อยากเล่าสู่กันฟัง
แชร์ประสบการณ์ผ่าตัดไส้ติ่ง
เดินเข้าโรงพยาบาลตัวนี้งอเลย บุรุษพยบาลถามว่าเอารถเข็นไหม เราตอบไปอย่างมั่นใจเลยจ้า ว่าไม่เอา (มั่นใจในร่างกายตัวเองมาก) พอเข้ามาก็เหมือนคนไข้ปกติทั่วไป ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน พยาบาลซักประวัติ ถึงเวลาหมอเรียก หมอก็ทำการถามว่าเป็นอะไรปวดตรงไหน เราก็บอกว่าปวดท้องทั่วท้อง หมอให้ขึ้นเขียง เอ้ยขึ้นเตียง แล้วกดท้อง กดมาถึงท้องด้านขวา เจ็บปวดตามเคย หมอคิดอะไรในใจไม่พูดต่อ บอกแค่ว่า เดียวไปเจาะเลือดนะ เราก็เดินไปเจาะเลือด เดินแบบตัวงอเลยแหละ จนถึงหน้าห้องเจาะเลือด พยาบาลก็เจาะเลือดตามหน้าที่ เจาะเสร็จบอกให้เรารอหน้าห้อง เห็นเราเดินตัวงอ พยาบาลถามเอารถเข็นไหม เร่ก็ตอบอย่างเดิม มั่นใจมากว่า ไม่เอาค่ะ ไหวอยู่ พยาบตอบกลับมาว่า พี่ว่าหนูไม่ไหวนะ พี่เรียกรถเข็นให้ เดี๋ยวให้เค้าเข็นไปพบคุณหมอ เราก็ยิ้มแฮร่ๆ ก็ได้ค่ะ รอเข็นมาไปพบหมอคนเดิม ทีนี้ หมอไม่ได้ตรวจเราในห้องตรวจโรคประจำห้องคุณหมอ แต่ให้เราเข้าไปนอนบนเตียงในห้องฉุกเฉินแทน แถมด้วยตามอาจารย์หมอมาดูด้วย เรานี้เห็นใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยแหละ (อะไรกันนี้เกิดอะไรขึ้นกับฉัน) สักพักหมอดูผล บอกพยาบาลต่อว่าส่งไปห้องเอ็กซเรย์เลย เอาแล้วเอาแล้วไง มันดูวุ่นวายไปหมด พอเอ็กซเรย์เสร็จมาอยู่ให้ห้องฉุกเฉิน อาจารย์หมอเดินมาพร้อมผล บอกเราว่ามีไข้นะ และเป็นไส้ติ่งอักเสบ เดี๋ยวผ่าตัดเลย อึ้งไป หูดับทันที แล้วหมอก็ถามต่อว่ากินข้าวมาล่าสุดตอนกี่โมง เราก็บอกว่าตอนเที่ยง แล้วหมอก็เดินจากไป อ้าวทีนี้ไงต่อ พยาบาลมาจากไหนไม่รู้ เดินตรงมาถามเหมือนหมอเลย แต่ที่ถามเพิ่มเติมคือ มีญาติมาด้วยไหม เราเลยตอบไปว่า ไม่ได้คิดว่าวันนี้จะมาผ่าตัด พยาบาลมองหน้ากันแล้วขำ เวลาตอนนั้นประมาณ ทุ่มครึ่งได้ พยาบาลเอาเอกสารให้เซ็นต์ แล้วเอาชุดให้เปลี่ยนเพื่อที่จะเข้าห้องผ่าตัดตอน2ทุ่ม พยาบาลมายืนกดดันสุดๆที่ปลายเตียง บอกให้เราฝากของมีค่าต่างๆไว้ที่ห้องฝากของ เราเลยบอกว่าขอโทรหาญาติแปป เราก็โทรบอกที่บ้านว่าเราจะเข้าห้องผ่าตัดไส้ติ่ง ให้รีบมาหาก่อนเข้าห้องผ่าตัด แล้วก็วางสายไป เวฃาผ่านไปสักพักพยาบาลถามต่อญาติมาไหม เราก็เลยขอโทรหาญาติอีกครั้ง สรุปคือญาติยังไม่ออกจากบ้านมาหาเราที่โรงพยาบาลเลยจ้า เราเลยตอบพยาบาลไปว่าญาติไม่มา หลังจากนั้นโดนให้ฝากของทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สิน
แล้วก็เข็นเราห้องผ่าตัด เข้าไปแบบเหมือนในหนังเลย ไฟสว่างไปหมด แต่ในใจโคตรกลัวเลย เข้าไปเค้าก็เราย้ายไปนอนที่เตียงผ่านตัด แล้วหมอเอาอะไรมาติดที่ตัวเราเต็มไปหมดเลย แล้วเอาอ็อกซิเยนเสียบเข้าจมูกเรา ความรู้สึกเราคือเย็นในรูจมูกไปหมด สักพักหมอบอกว่าจะบล็อคหลังนะ บล็อคเหมือนตอนคลอดลูก เราก็เลยตอบหมอไปว่าไม่มีแฟนค่ะ เลยยังไม่มีลูก หมอขำ แล้วก็ทำการบล็อคหลังเลยจ้า หลังจากบล็อคหลังเสร็จ ทีนี้ไม่รู้สึกอะไรเลย หมอเอาไรมาจิ้มที่ตัวเราไม่รู้ รู้แต่ว่ามันแหลมๆ หมอถามเจ็บไหม เราก็อกไปว่าไม่เจ็บ หมอบอกว่าบล็อคหลังจะรู้สึกตัวชา ไม่รู้สึกเจ็บเท่าไหร่ เราก็พยักหน้ากับคุณหมอรับทราบ ระหว่าคุยกับหมอ ตัวเรานี้สั่นไปทั่งตัว ทั้งๆที่ไม่รู้สึกตัวเองว่าหนาวเลยนะ หมอเลยเอาผ้าห่มอุ่มมาห่มให้ เออห่มแล้วหายสั่นเลย ทีนี้ถึงเวลาผ่าตัด หมอบอกว่าเราจะรู้สึกว่ามีคนทำอะไรกับหน้าท้องเรานะ แล้วหมอก็ลงมือผ่าตัดทันที เรารู้สึกตัวตลอดเลยว่าหมอทำอะไรที่ท้องเรา เสียงดังมากเหมือนหน้าท้องเราเหนียวตัดไม่ออก ปนะมาณนั้น แต่ไม่รู้สึกเจ็บเลยนะ ผ่านไปไวเหมือนโกหก เสร็จแล้วจ้า ผ่าเสร็จ 22.30 น. (เราผ่าแบบเปิดหน้าท้องนะ) ความรู้สึกหลังผ่าตัดเสร็จ ไม่เจ็บเลย แต่ขยับตัวไม่ได้ เพราะยาชาที่บล็อคหลัง หมอมาบอกว่า เราจะเริ่มรู้สึกขยับตัวได้ประมาณ8ชั่วโมง โอ้เรานอนเหมือนผัก ขยับไม่ได้เลย หมอย้ายเราออกจากห้องผ่าตัดไปห้องพักฟื้น ระหว่าย้ายเราคนเข็นเตียงถามเราว่ามีญาติมาไหม เราตอบอย่างมั่นใจ ว่าไม่มี ขนเข็นถามต่ออ่าวที่รอน้าห้องผ่าตัดไม่ใช่ญาติหรอ เราก็ตอบไปเลย ว่าไม่ใช่ คือยังไม่เห็นหน้าว่าใครอยู่หน้าห้อง สักพักกำลังจะเข็นเราเข้าลิฟ ญาติเราเดินมาจ้า หมอถามไหนไม่ใช่ญาติไง เราก็ยิ้มแฮร่(ก็ก่อนเข้าผ่าตัด ไม่มีญาตินิ) หมอพูดต่อว่า ก็ว่าอยู่ว่าคนอะไรไม่มีญาติ ยิ้มทำให้เรายิ้มแฮร่กว่าเดิม พาเราเข็นไปส่งห้องพักฟื้นแล้ว ป้ายติดที่ห้องว่า ห้ามเยี่ยม ห้ามเฝ้า เพราะโควิด เรานี้ต้องอยู่คนเดียวหรอ พยาบที่ดูแลเดินเข้ามาบอกญาติว่ามาส่งเข้าห้องก็กลับได้เลยค่ะ ไม่อนุญาตให้เยี่ยมหรือเฝ้า มาอีกทีวันกลับบ้านได้เลย เรานี้มองหน้าญาติ โอ้!ไม่นะ ฉันต้องอยู่ลำพังหรอเนี่ย ก่อนญาติกลับขอยืมมือถือโทรหาพี่ที่ทำงาน บอกว่าเราผ่าตัดคงหยุดหลายวัน หมอว่าห้ามเยี่ยม ห้ามเฝ้าทั้งสิ้น อีกทั้งยังติดต่อเราไม่ได้นะ เพราะโทรศัพท์ฝากห้องเก็บของของโรงพยาบาลไว้ ต้องรอเช้าเพราะคนดูแลเลิกงานกลับบ้านไปแล้ว จากนั้นญาติกลับบ้าน เราอยู่อย่างเหงาๆ ขยับตัวไม่ได้ พยาบาลเดินเข้ามา มาตรวจร่างกายเราเป็นระยะ ทั้งคืน เราได้แต่นอนแน่นิ่ง (อ่อ!ลืมบอกว่าก่อนออกจากห้องผ่าตัด หมอบอกว่าหลังยาหมดฤทธิ์ ให้ขยับตัวบ่อยๆ เดินๆ) จนเวลาผ่านไปถึงเช้าเวลาตี 5 ยาหมดฤทธิ์ เราทำตามที่หมอบอกทุกอย่างเลย ขยับตัวทันที ลงเดินเข้าห้องน้ำเองทันที (อายพยาบาล ถ้าพยาบาลทำให้) อาหารยังโดนงดอยู่ เราก็เดิน เดิน เดินวนในห้องแหละ ไม่กล้าเดินออกข้างนอก เพราะโควิด จนเวลาผ่านไป9โมงเช้าหมอมาตรวจ และอนุมัติให้กินข้าวได้ เรานี้ยิ้มเลย ฉันหิว ฉันอยากกินข้าว หลังกินเสร็จ เดินต่อ เดินอีกแหละ เดินสลับนั่งอย่างนี้จนถึง 4โมงเย็น หมอมาตรวจ หมอได้บอกว่าดี ดีมากเลย เราตอบหมออย่าภูมิใจว่า ทำตามที่หมอสั่งทุกอย่างเลยนะ แวหมอก็ยิ้ม เราเลยถามต่อว่า วันนี้กลับบ้านได้เลยไหมหมอ หมอมองหน้าเรา เราก็ยิ้มแฮร่ แล้วบอกหมอว่าอยากกลับบ้าน หมอตอบสวนทันทีว่าปกติเค้านอนดูอาการที่โรงพยาบาลกัน 3วันนะ เราก็มองหน้าหมอด้วยแววตาอ้อนวอน แล้วหมอก็เดินจากไป เราก็ได้แต่ถอนหายใจ แล้วหมอแรง สักพักพยาบาลเดินมาบอกเราว่าเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อรอเลยนะค่ะ แล้วรอยากลับบ้านสักครู่ เรานี้หันไปหาพยาบาล แล้วถาว่าหนูได้กลับบ้านแล้วหรอค่ะ พยาบาลบอกว่าหมออนุญาติให้กลับได้ หมอยังชมต่อว่าอาการดีขึ้นเร็วมาก นึกว่าผ่าส่องกล้องเสียอีก เราก็ยิ้มแบบภูมิใจ แล้วตอบกลับพยาบาลว่า หนูทำตามทีทหมอบอกทุกอย่างเลย พยาบาลบอกว่าดีมากๆ หลังจากนั้นพยาบาลไปเบิกยาเรานี้ขอโทรศัพท์โทรบอกที่บ้านเลย ให้มารับได้ ไม่ค่อยอยากกลับบ้านเลย พยาบาลบอกปุ๊บ เปลี่ยนเสื้อผ้าแบบเร็วมาก นั่งรอยาจนพยาบาลเอามาให้ เรานี้เปิดดูใบรับรองแพทย์ก่อนเลยว่าหมอให้หยุดกี่วัน หมอให้หยุดทั้งหมด 15วัน เรานี้หน้าเอ๋อเลย หยุด15วันห่วงงานสุดๆ พอได้ใบแพทย์ปุ๊บ ส่งไลน์แจ้ง ผจก.เลยจ้า เราหยุดพักตามหมอบอก แต่หยุดแค่ 5วัน แล้วก็ไปทำงานเลยจ้า (มานั่งคิดทุกอย่างมีผลต่อโบนัสปลายปี ปรับเงินเดือน ถ้าไปไหว ไปดีกว่า) เราก็ไปทำงานปกติ จนตอนนี้จะได้2เดือนแล้วที่ผ่าตัด ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว นั่งทำงานสลับเดินบ้าง ทำตามที่หมอบอกทุกอย่างเลยจ้า
ยาวหน่อย แต่อยากเล่าสู่กันฟัง