พึ่งมาเป็นสมาชิกใหม่คะ มาเล่าการผ่าตัดครั้งแรกที่วุ่นวายที่สุดในการเข้ารพ.
เรื่องมีอยู่ว่า ตอนตี 3 เราที่นอนอยู่ในหอพัก ก็เกิดปวดท้องแบบสะดุ้งสุดตัว
ปวดมากแทบจะลุกไม่ขึ้น โทรบอกแฟนให้มาพาไปหาหมอหน่อยไม่ไหวแล้ว....
เราอยู่แถวคลองตัน แล้วรพ. ประกันสังคมอยู่แถวย่านสะพานควาย แฟนคาดว่าน่าจะไส้ติ่ง..เราเลยไป รพ.นั้น
เผื่อว่าเกิดจะต้องผ่าค่าใช้จ่ายเราจะได้ไม่เยอะ เรามีประกันสุขภาพอยู่แล้วค่าใช้จ่ายน่าจะโคฟเวอร์
และเราก็ไปถึงรพ.ตอนตี4 เข้าแผนกฉุกเฉิน หมอมาเช็คแล้วคาดว่า น่าจะไส้ติ่งอักเสบ พยาบาลแจ้งว่าแอทมิทนะคะ
และก็มาเจาะเลือด (เกลียดตอนนี้ที่สุด)
แต่ต้องรอตรวจเช็คให้ละเอียดอีกที เลยต้องไปนอนรอในห้องซึ่งแฟนเลือกเป็นห้องเดี่ยวเพราะจะได้เฝ้าได้
ประมาณ 6 โมงเราถึงได้เข้าห้องนอนปวดท้องอยู่อย่างนั้นเพราะหมอต้องมาตรวจอีกหลายคนจะให้ยาแก้ปวดไม่ได้
สักพักก็มีหมดมาตรวจกดๆท้องแล้วก็ไป แล้วก็มาอีก ประมาณ3คนได้
หมอยังไม่บอกแน่ชัดว่าเป็นอะไร บอกแต่ว่า น่าจะไส้ติ่งคงต้องผ่า
เราก็ไลน์หาแม่ทันที บอกเบอร์ห้อง รพ.และบอกว่าอาจผ่า แต่แม่ไม่ต้องตกใจนะเพราะบ้านเราอยู่รังสิต กลัวแม่มาลำบาก
สักพักยังคุยไม่เสร็จพยาบาลก็มาพาไปเอ็กซ์เรย์
พอกลับมาพี่สาวแฟนที่มาด้วยก็บอกว่าป้ากับแม่โทรมา เราเลยรีบดูโทรศัพท์แม่โทรมา 10 กว่ารอบ ป้าด้วย เลยรีบโทรหา
แม่ต่อว่า ว่าทำไมไม่โทรหายไปไหน รอแม่ก่อนนะอย่าพึ่งผ่า
ป้าซึ่งบริษัทอยู่ใกล้ที่สุดจะมาหาก่อน
สักพักพยาบาลมาแจ้งว่าหมอต้องการทำ CT Scan ให้เซ็นเอกสารแล้วก็พาไป
ครั้งแรกเข้าเครื่องแบบปกติ ไม่ได้กินสารทึบแสงใดๆ ทำเสร็จก็แจ้งว่าเครื่องไม่จับต้องกิน สวน และ ฉีด
สักพักพยาบาลก็นำยาที่ต้องกินมาให้ สภาพเหมือนขวดน้ำยาล้างรถ บอกว่าต้องกินภายใน 1 ชั่วโมงแล้วมาตรวจใหม่
ขวดประมาณนี้คะ ใส่น้ำแดงนิดๆ รสชาติเหมือนกินน้ำเปล่าที่ขมนิดหวานหน่อยๆ ไม่อร่อยอย่างแรง
เนื่องจากหมอสั่งงดน้ำและอาหาร สิ่งที่กินเข้าไปจะกินน้ำตามไม่ได้ ทรมาณมาก
พอเข็นมาถึงห้องเพื่อให้นั้งทานยาป้ากับแม่ก็มาถึงแล้ว 10 โมงกว่าๆ ท้องก็ปวด ยาก็ต้องกิน อะไรก็ได้คะตอนนั้น
ร่างกายอยากหาย ทรมาณมาก ให้ทำอะไรก็ทำ
พอกินเสร็จพยาบาลก็มาพาไปทำอีกรอบ ความทรมาณมันอยู่ตรงนี้มากๆละคะ
เครื่องทำจะเป็นอย่างนี้ อันนี้รูปในเว็บไซต์นะคะไม่ใช่รูปจริง
พอไปถึงเนื่องจากเราใส่สายน้ำเกลืออยู่เลยไม่ต้องเจาะใหม่ (ตอนแรกเธอจะเจาะอีกคะ แต่เราบอกพึ่งเจาะเธอเลยไม่ทำ ..)
พยาบาลเธอบอกให้นอนตะแคงจะสวนคะและต้องกลั้นไว้
ตอนสวนแรกๆก็ยังพอทนหลังๆปวดท้องไม่ไหวแล้วรู้แค่ว่าเธอสวนเข้าไปด้วยกระบอกเข็มฉีดยาหลายเข็มแล้วเธอก็บอกพอ
นี่ถ้าไม่บอกเธอก็จะสวนเรื่อยๆงั้นสิ55
พอจะเข้าเครื่อง พยาบาลแจ้งว่าจะฉีดยาแล้วนะคะ จะรู้สึกร้อนทั้วร่างนะคะ
เราก็เตรียมรอรับสถานะการณ์นั้น พอยาเข้าร่างก็ร้อนวูบอย่างที่บอกจริงๆคะแต่....หลังจากความร้อนมันหายมันหนาวมาก
มากจนสั่นจนฟันกระทบปากตัวสั่นมาก
พยาบาลเธอยังไมพอแค่นั้นคะ เธอบอกว่า ทำตามที่เครื่องบอก เครื่องเลื่อนเข้า แล้วเป็นเสียงบอกว่า
หายใจเข้าแล้วกลั้นไว้
คะคือเราปวดท้องมาก ต้องนอนนิ่งๆ หนาวจนสั่น กลั้นยาที่สวน แล้วต้องกลั้นหายใจอีก กว่าจะเสร็จนี่หลายรอบมากก
พอเสร็จเราก็ขอเข้าห้องน้ำ และพยาบาลก็พาไปสูติเพื่ออัลตร้าซานอีก โอ๊ยคะ 13.00 ยังนอนรอหมอวินิฉัย
เนื่องจากสูติจะอัลตร้าซาน์ได้ต้องรอกระเพาะปัสวะมีน้ำเต็มเพื่อดันมดลูก น้ำก็กินไม่ได้นอนรอต่อไปคะ...
เข้าตรวจหมดเจอน้ำออกภายใน เราก็กลัวละนึกว่าแตกแล้วเลือดออก
บ่าย 3 หมอคนแรก เข้ามาแจ้งผลวินิชัยดังนี้
"ไม่มีอะไร 100% น่าจะไส้ติ่ง เราต้องผ่า แต่ผลเลือดไม่ปรากฏเม็ดเลือดขาวเลยตรวจละเอียด ว่าสูติหรือไม่สูติบอกไม่ใช่"
และคำนี้ที่ทำเราตกใจมากกคือ
"เราจะไม่ผ่าด้านข้างนะ จะผ่าเปิดตรงกลางยาวเพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติไหม ถ้าไม่มีก็จะเอาแค่ไส้ติ่งออก"
แม่สั้งย้ายรพ. ไปรพ.ดังแถวสนามเป้าเพราะไม่พอใจการวินิฉัยที่บอกว่าไม่แน่ใจแต่จะผ่า
ตอนที่กำลังทำเรื่องกันอยู่นั้น ทางฝ่ายบริหารของรพ.เข้ามาคุย และเสนอขอโอกาศให้หมออีกท่านเข้ามาวินิฉัย
แม่ให้โอกาศแล้วสักพักหมอก็เข้ามา
หมอคนที่เข้ามานี้ใส่ชุดผ่าตัดเข้ามาเลยคะ หมดมากดท้องแล้วบอกว่าไส้ติ่งคับยังไงก็ต้องผ่า
แม่จึงปรึกษาหมอว่ามีทางเลือกอื่นนอกจากผ่าตรงกลางไหม หมอเสนอผ่าส่องกล้อง
แต่หมอแจ้งว่าอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 2 หมื่นกว่าๆ
แม่ยอม หมดขอเวลาเตรียมเครื่องมือ 2 ชั่วโมงและให้ยาแก้ปวดเราไว้
6โมงเราจึงได้เข้าไปนอนรออีกที ในห้องเป็นอะไรที่ได้ยินเสียงทรมาณมากกว่าเรามาก ปลงคะ มีคนเจ็บกว่าเรานอนรอไป
คาดว่า 2 ทุ่มเราได้เข้าห้องผ่า 4ทุ่มเราออกมา คือเราดูเวลาตลอด ไม่ดูก็ถาม
เราไม่ค่อยมึนยาที่ให้เท่าไรนะ ฟื้นปุ๊ปได้สติทันที
แฟนเรามาเฝ้าในวันแรก
ตอนเช้าแม่มาหาตอน 7 โมง แฟนเราไปทำงานพอดี
หมอมาดูแผลตอน 9 โมงแผลแรกของการผ่าตัดเป็นดั่งนี้
หมอให้กินข้าวได้ เลย เนื่องจากหมออัดแก๊ซตอนผ่าจะมีอาการตด เรอ ลมตีตลอด นะคะ หมอบอกว่าแผลดี
แผลวันที่สองเนื่องจากเราจามและเจ็บแผลมากพอมาดูมีเลือดนิดหน่อย
เราได้กลับบ้านอีกวันต่อมา
ปล.ผ่าแบบนี้แผลหายเร็วมาก
ปล.2เราต้องเดินบ่อยๆ หมอสั่งเจ็บต้องขยันเดิน
ปล.3 พยายามประคองแผลสุดๆอาบน้ำเอาผ้าปิดไว้ตลอดเช็ดแผลให้แห้ง
ปล.4 ภายใน 3 สัปดาห์แผลแห้งและตกสะเก็ดหมดแล้ว
ใครที่จะผ่าถ้ามีทางเลือกผ่ากล้องดีกว่านะคะ จริงๆ เพราะหมดที่จะผ่าอะไรแบบนี้ต้องเก่งอยู่แล้วพอสมควร
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 150000 ประกันสังคม+ประกันสุขภาพจ่ายคะ เราไม่มีจ่ายเพิ่มใดๆนอกจากค่าห้องส่วนเกิน
พยาบาลน่ารักมาก..
ผ่าตัดไส้ติ่ง แบบส่องกล้องดีกว่าจริงๆ
เรื่องมีอยู่ว่า ตอนตี 3 เราที่นอนอยู่ในหอพัก ก็เกิดปวดท้องแบบสะดุ้งสุดตัว
ปวดมากแทบจะลุกไม่ขึ้น โทรบอกแฟนให้มาพาไปหาหมอหน่อยไม่ไหวแล้ว....
เราอยู่แถวคลองตัน แล้วรพ. ประกันสังคมอยู่แถวย่านสะพานควาย แฟนคาดว่าน่าจะไส้ติ่ง..เราเลยไป รพ.นั้น
เผื่อว่าเกิดจะต้องผ่าค่าใช้จ่ายเราจะได้ไม่เยอะ เรามีประกันสุขภาพอยู่แล้วค่าใช้จ่ายน่าจะโคฟเวอร์
และเราก็ไปถึงรพ.ตอนตี4 เข้าแผนกฉุกเฉิน หมอมาเช็คแล้วคาดว่า น่าจะไส้ติ่งอักเสบ พยาบาลแจ้งว่าแอทมิทนะคะ
และก็มาเจาะเลือด (เกลียดตอนนี้ที่สุด)
แต่ต้องรอตรวจเช็คให้ละเอียดอีกที เลยต้องไปนอนรอในห้องซึ่งแฟนเลือกเป็นห้องเดี่ยวเพราะจะได้เฝ้าได้
ประมาณ 6 โมงเราถึงได้เข้าห้องนอนปวดท้องอยู่อย่างนั้นเพราะหมอต้องมาตรวจอีกหลายคนจะให้ยาแก้ปวดไม่ได้
สักพักก็มีหมดมาตรวจกดๆท้องแล้วก็ไป แล้วก็มาอีก ประมาณ3คนได้
หมอยังไม่บอกแน่ชัดว่าเป็นอะไร บอกแต่ว่า น่าจะไส้ติ่งคงต้องผ่า
เราก็ไลน์หาแม่ทันที บอกเบอร์ห้อง รพ.และบอกว่าอาจผ่า แต่แม่ไม่ต้องตกใจนะเพราะบ้านเราอยู่รังสิต กลัวแม่มาลำบาก
สักพักยังคุยไม่เสร็จพยาบาลก็มาพาไปเอ็กซ์เรย์
พอกลับมาพี่สาวแฟนที่มาด้วยก็บอกว่าป้ากับแม่โทรมา เราเลยรีบดูโทรศัพท์แม่โทรมา 10 กว่ารอบ ป้าด้วย เลยรีบโทรหา
แม่ต่อว่า ว่าทำไมไม่โทรหายไปไหน รอแม่ก่อนนะอย่าพึ่งผ่า
ป้าซึ่งบริษัทอยู่ใกล้ที่สุดจะมาหาก่อน
สักพักพยาบาลมาแจ้งว่าหมอต้องการทำ CT Scan ให้เซ็นเอกสารแล้วก็พาไป
ครั้งแรกเข้าเครื่องแบบปกติ ไม่ได้กินสารทึบแสงใดๆ ทำเสร็จก็แจ้งว่าเครื่องไม่จับต้องกิน สวน และ ฉีด
สักพักพยาบาลก็นำยาที่ต้องกินมาให้ สภาพเหมือนขวดน้ำยาล้างรถ บอกว่าต้องกินภายใน 1 ชั่วโมงแล้วมาตรวจใหม่
ขวดประมาณนี้คะ ใส่น้ำแดงนิดๆ รสชาติเหมือนกินน้ำเปล่าที่ขมนิดหวานหน่อยๆ ไม่อร่อยอย่างแรง
เนื่องจากหมอสั่งงดน้ำและอาหาร สิ่งที่กินเข้าไปจะกินน้ำตามไม่ได้ ทรมาณมาก
พอเข็นมาถึงห้องเพื่อให้นั้งทานยาป้ากับแม่ก็มาถึงแล้ว 10 โมงกว่าๆ ท้องก็ปวด ยาก็ต้องกิน อะไรก็ได้คะตอนนั้น
ร่างกายอยากหาย ทรมาณมาก ให้ทำอะไรก็ทำ
พอกินเสร็จพยาบาลก็มาพาไปทำอีกรอบ ความทรมาณมันอยู่ตรงนี้มากๆละคะ
เครื่องทำจะเป็นอย่างนี้ อันนี้รูปในเว็บไซต์นะคะไม่ใช่รูปจริง
พอไปถึงเนื่องจากเราใส่สายน้ำเกลืออยู่เลยไม่ต้องเจาะใหม่ (ตอนแรกเธอจะเจาะอีกคะ แต่เราบอกพึ่งเจาะเธอเลยไม่ทำ ..)
พยาบาลเธอบอกให้นอนตะแคงจะสวนคะและต้องกลั้นไว้
ตอนสวนแรกๆก็ยังพอทนหลังๆปวดท้องไม่ไหวแล้วรู้แค่ว่าเธอสวนเข้าไปด้วยกระบอกเข็มฉีดยาหลายเข็มแล้วเธอก็บอกพอ
นี่ถ้าไม่บอกเธอก็จะสวนเรื่อยๆงั้นสิ55
พอจะเข้าเครื่อง พยาบาลแจ้งว่าจะฉีดยาแล้วนะคะ จะรู้สึกร้อนทั้วร่างนะคะ
เราก็เตรียมรอรับสถานะการณ์นั้น พอยาเข้าร่างก็ร้อนวูบอย่างที่บอกจริงๆคะแต่....หลังจากความร้อนมันหายมันหนาวมาก
มากจนสั่นจนฟันกระทบปากตัวสั่นมาก
พยาบาลเธอยังไมพอแค่นั้นคะ เธอบอกว่า ทำตามที่เครื่องบอก เครื่องเลื่อนเข้า แล้วเป็นเสียงบอกว่า
หายใจเข้าแล้วกลั้นไว้
คะคือเราปวดท้องมาก ต้องนอนนิ่งๆ หนาวจนสั่น กลั้นยาที่สวน แล้วต้องกลั้นหายใจอีก กว่าจะเสร็จนี่หลายรอบมากก
พอเสร็จเราก็ขอเข้าห้องน้ำ และพยาบาลก็พาไปสูติเพื่ออัลตร้าซานอีก โอ๊ยคะ 13.00 ยังนอนรอหมอวินิฉัย
เนื่องจากสูติจะอัลตร้าซาน์ได้ต้องรอกระเพาะปัสวะมีน้ำเต็มเพื่อดันมดลูก น้ำก็กินไม่ได้นอนรอต่อไปคะ...
เข้าตรวจหมดเจอน้ำออกภายใน เราก็กลัวละนึกว่าแตกแล้วเลือดออก
บ่าย 3 หมอคนแรก เข้ามาแจ้งผลวินิชัยดังนี้
"ไม่มีอะไร 100% น่าจะไส้ติ่ง เราต้องผ่า แต่ผลเลือดไม่ปรากฏเม็ดเลือดขาวเลยตรวจละเอียด ว่าสูติหรือไม่สูติบอกไม่ใช่"
และคำนี้ที่ทำเราตกใจมากกคือ
"เราจะไม่ผ่าด้านข้างนะ จะผ่าเปิดตรงกลางยาวเพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติไหม ถ้าไม่มีก็จะเอาแค่ไส้ติ่งออก"
แม่สั้งย้ายรพ. ไปรพ.ดังแถวสนามเป้าเพราะไม่พอใจการวินิฉัยที่บอกว่าไม่แน่ใจแต่จะผ่า
ตอนที่กำลังทำเรื่องกันอยู่นั้น ทางฝ่ายบริหารของรพ.เข้ามาคุย และเสนอขอโอกาศให้หมออีกท่านเข้ามาวินิฉัย
แม่ให้โอกาศแล้วสักพักหมอก็เข้ามา
หมอคนที่เข้ามานี้ใส่ชุดผ่าตัดเข้ามาเลยคะ หมดมากดท้องแล้วบอกว่าไส้ติ่งคับยังไงก็ต้องผ่า
แม่จึงปรึกษาหมอว่ามีทางเลือกอื่นนอกจากผ่าตรงกลางไหม หมอเสนอผ่าส่องกล้อง
แต่หมอแจ้งว่าอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 2 หมื่นกว่าๆ
แม่ยอม หมดขอเวลาเตรียมเครื่องมือ 2 ชั่วโมงและให้ยาแก้ปวดเราไว้
6โมงเราจึงได้เข้าไปนอนรออีกที ในห้องเป็นอะไรที่ได้ยินเสียงทรมาณมากกว่าเรามาก ปลงคะ มีคนเจ็บกว่าเรานอนรอไป
คาดว่า 2 ทุ่มเราได้เข้าห้องผ่า 4ทุ่มเราออกมา คือเราดูเวลาตลอด ไม่ดูก็ถาม
เราไม่ค่อยมึนยาที่ให้เท่าไรนะ ฟื้นปุ๊ปได้สติทันที
แฟนเรามาเฝ้าในวันแรก
ตอนเช้าแม่มาหาตอน 7 โมง แฟนเราไปทำงานพอดี
หมอมาดูแผลตอน 9 โมงแผลแรกของการผ่าตัดเป็นดั่งนี้
หมอให้กินข้าวได้ เลย เนื่องจากหมออัดแก๊ซตอนผ่าจะมีอาการตด เรอ ลมตีตลอด นะคะ หมอบอกว่าแผลดี
แผลวันที่สองเนื่องจากเราจามและเจ็บแผลมากพอมาดูมีเลือดนิดหน่อย
เราได้กลับบ้านอีกวันต่อมา
ปล.ผ่าแบบนี้แผลหายเร็วมาก
ปล.2เราต้องเดินบ่อยๆ หมอสั่งเจ็บต้องขยันเดิน
ปล.3 พยายามประคองแผลสุดๆอาบน้ำเอาผ้าปิดไว้ตลอดเช็ดแผลให้แห้ง
ปล.4 ภายใน 3 สัปดาห์แผลแห้งและตกสะเก็ดหมดแล้ว
ใครที่จะผ่าถ้ามีทางเลือกผ่ากล้องดีกว่านะคะ จริงๆ เพราะหมดที่จะผ่าอะไรแบบนี้ต้องเก่งอยู่แล้วพอสมควร
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 150000 ประกันสังคม+ประกันสุขภาพจ่ายคะ เราไม่มีจ่ายเพิ่มใดๆนอกจากค่าห้องส่วนเกิน
พยาบาลน่ารักมาก..