ศาสนาพุทธของพวกเรามีคำสอนเป็นภาคปฎิบัติที่เข้มข้น โดยเฉพาะท่านที่บวชเป็นพระ แต่การปฏิบัติจริงๆนั้นซึ่งก็คือ การออกจากกิเลส การออกจากสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ การออกจากกิเลสซึ่งรูปแบบก็เหมือนการสละ(ทั้งทางกายและทางจิต)ซึ่งเป็นการสวนกระแสชีวิตของพวกเราทั่วๆไป ซึ่งจะว่าปฏิบัติยากก็อาจจะไม่ใช่ความจริงนัก แต่ที่มันยากคือ การที่พวกเราจะต้องสละอะไรต่างๆนี่สิ เช่น เริ่มจากสามเณร ต้องรับศีล 10 ข้อ ซึ่งการปฏิบัติใน 10 ข้อนี้ ดูจะคล้ายการหัดละกิเลสบ้างแล้ว(เช่น ห้ามรับเงินทอง) แต่ในทางปฏิบัติพวกเราก็อยากจะให้พระปฏิบัติกันก่อน หรือให้พากันปฏิบัติให้มากที่สุด แต่ในความเป็นจริงนั้น ในภาวะโลกที่เจริญแบบนี้ ก็จะมากไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจในทางวิทยาศาสตร์(เช่น รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ)จึงทำให้การปฏิบัติในทางละกิเลสนั้น ถ้าผู้ปฏิบัติมองไม่เห็นประโยชน์ในการปฏิบัติอย่างชัดเจน ก็คงไม่อยากที่จะปฏิบัติ อย่างมากก็ทำพอเป็นพิธีและก็ทำตามๆกันไปเท่านั้น(ไม่เว้นแม้แต่พระ)ก็อาจจะมีพระหรือฆราวาสบางคน สนใจฝึกปฏิบัติจริง แต่ก็จะเป็นจำนวนที่น้อยมากๆ โดยเฉพาะพระหรือนักบวช พวกเราก็อยากจะให้พระฝึกกันจริงจังก่อน ส่วนฆราวาสก็อาจจะตามแต่ใจของแต่ละบุคคล แต่ในที่สุดก็จะไม่มีใครฝึกละกิเลสกันจริงจังแม้กระทั่งนักบวช และที่ร้ายกว่านั้นบางท่านก็เอาสิ่งเหล่านี้ไปหากินหรือเอาไปทำประโยชน์ให้ตนเองและญาติๆ ซึ่งมีการทำกันทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยมีรูปแบบการกระทำต่างๆกันไป ในที่สุดก็คงต้องปลงในศาสนาพุทธ(หัดตัดใจ ปล่อยไปตามยถากรรม อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด) ซึ่งก็คือ ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน
จำเป็นต้องปลงในศาสนาพุทธ