ผู้ที่ให้เงินแก่พระสงฆ์ คือผู้ทำลายพระพุทธศาสนาตัวจริง

กระทู้สนทนา
สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ตรัสไว้ว่า "พระต้องจน" ในขณะที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามพระรับเงินทอง หากพระรับเงินทองเป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

"...ภิกษุรับเองก็ดี ใช้ให้ผู้อื่นรับก็ดี ซึ่งทองและเงิน หรือยินดี ทองและเงินที่เขาเก็บไว้เพื่อตน ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์..."

นิสสัคคิยปาจิตตีย์ คือ อาบัติที่ต้องสละวัตถุที่ทำให้ต้องอาบัตินั้นก่อนจึงแสดงอาบัติได้ (ในที่นี่คือ ต้องสละเงินทองที่รับมาก่อนจึงจะปลงอาบัติได้)

บางท่านอาจจะคิดว่าใช้ประโยคต่อไปนี้เพื่อยกเลิกวินัยข้อนี้ได้ คือ

“...ดูก่อนอานนท์ เมื่อตถาคตปรินิพพานไปแล้ว สิกขาบทบางสิกขาบทซึ่งไม่ใหญ่โตนัก ถ้าหากว่าไม่เหมาะกับกาลสมัย ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจะเห็นว่าไม่สมควร จะเพิกถอนเสียก็ได้..."

ซึ่งคำว่า "บางสิกขาบทซึ่งไม่ใหญ่โตนัก" ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องพระรับเงิน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่พระต้องสละ

ถ้ายกเลิกวินัยข้อนี้ จะละกิเลสได้อย่างไร แล้วจะบวชเพื่ออะไร?

หากตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พุทธศาสนิกชนหยุดเห็นแก่ตัว หยุดทำลาย 1 ในพระรัตนตรัยคือพระสงฆ์ด้วยการให้เงิน พระที่บวชเพื่อเงิน วัดที่สร้างเพื่อหาเงิน จะค่อยๆ หายไป ปิดตัวไป ศาสนาพุทธจะเจริญงอกงามและอยู่ได้ครบ 5,000 ปีครับ

(ในส่วนของการทำนุบำรุง ดูแลพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องของฆราวาส หรือของคนในท้องถิ่นนั้น ช่วยกันทำให้วัดเข้มแข็ง ให้พระท่านได้ปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่ นิมมต์พระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาจำพรรษา สั่งสอนธรรมะประชาชนหรือชาวบ้าน ไม่ต้องยุ่งเรื่องเงินทอง แบบสมัยพุทธกาลครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่