🔮/มาลาริน/25ก.ค.ไทยติดเชื้อโควิด 3 ราย ลาวเจอใหม่ คาดต้นปี 64 ได้ใช้วัคซีนราคาหลักร้อย หน้ากากโควิด ตอบโจทย์นิวนอร์มอล

ศบค. เผยไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 3 ราย

25 ก.ค. 2563


    ศบค. แถลงวันนี้(25 ก.ค.)ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 3 ราย ทำให้รวมยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,282 ราย อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม และไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มภายในประเทศ 61 วันแล้ว
 
วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในไทยวันนี้ ว่า
 
พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 3 ราย ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อสะสมที่ 3,282 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม คงที่ 58 ราย รวมหายป่วยแล้ว 3,109 ราย โดยยังมีผู้ป่วยที่รักษาอาการอยู่ 115 คน
 
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 3 รายดังกล่าวนั้น เป็นผู้ป่วยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เข้าพักในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้
- 1 ราย เดินทางมาจากซูดาน
- 2 ราย เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา
 
 
https://www.nationtv.tv/main/content/378786984/?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=corona

ลาวเจอผู้ป่วยโควิดรายใหม่ หลังปลอดเชื้อ 102 วัน ขณะที่ยอดทั่วโลกใกล้ 16 ล้านคนแล้ว


การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องเฝ้าระวังไปทั่วโลก ล่าสุดทางด้านกระทรวงสาธารณสุขลาวรายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 1 ราย เป็นครั้งแรกในรอบ 102 วัน
 
โดยผู้ป่วยคนดังกล่าว เป็นชายชาวเกาหลีใต้อายุ 32 ปี ทำงานเป็นพนักงานของโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำแห่งหนึ่งในลาว ซึ่งได้เดินทางมาจากญี่ปุ่น โดยได้แวะพักเครื่องที่เกาหลีใต้เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม และถึงลาวในวันเดียวกัน ก่อนจะเดินทางไปกักตัวที่ศูนย์กักโรคในกรุงเวียงจันทน์โดยรถตู้คันหนึ่งซึ่งมีผู้โดยสาร 6 คน
  
สำหรับผู้ป่วยรายนี้ทางด้านกระทรวงสาธารณสุขลาวเปิดเผยว่าได้ส่งไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลมิดตะพาบ (Mittaphab Hospital) ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่กำหนดเพื่อการรองรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในเวียงจันทน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับสถานการณ์ของโควิด-19 ในลาวนั้น ถึงปัจจุบันนี้ มีผู้ป่วย 20 คน และยังไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด

https://www.nationtv.tv/main/content/378786962/

ทั่วโลกมีข่าวดี ผลทดลองวัคซีนโควิดก้าวหน้ามาก คาดต้นปี 64 ได้ใช้ วช. เปิดเผยผลวิเคราะห์ปริมาณ ราคาเข้าถึงได้ เพียงหลักร้อย


   
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยของชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รายงานการติดตามความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโรคโควิด-19 ของทั่วโลกว่า....🔮
 
ในสัปดาห์นี้มีข้อมูลสำคัญที่น่าตื่นเต้นมาตลอด โดยมีรายงานผลการทดสอบวัคซีนในมนุษย์ในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ที่ให้ผลน่าพอใจ
 
โดยเฉพาะวัคซีนที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดร่วมกับบริษัทแอสตราเซเนคา ประเทศอังกฤษ และวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทแคนไซโน ประเทศจีน พบว่าวัคซีนทั้งสองแบบนี้สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีในอาสาสมัคร และไม่พบผลข้างเคียงรุนแรง
 
“ประกอบกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้มีรายงานผลการทดสอบวัคซีนของบริษัทโมเดิร์นนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลเป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย ซึ่งผลดังกล่าวทำให้นักวิทยาศาสตร์มีความมั่นใจมากขึ้นว่าจะสามารถพัฒนาและผลิตวัคซีนที่ใช้งานได้ โดยในขณะนี้มีวัคซีนที่กำลังทดสอบในมนุษย์ถึง 30 แบบ ซึ่งวัคซีนอย่างน้อยแบบใดแบบหนึ่งหรือหลายๆแบบน่าจะใช้งานได้ และการพัฒนาวัคซีนในช่วงต่อไปก็จะเข้าสู่การทดสอบระยะที่ 3 ในประชากรจำนวนมากเพื่อดูผลในการป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่จะได้รับการรับรองเพื่อใช้งานทั่วไป”
 
เลขาธิการ วช.กล่าวว่า การทดสอบในช่วงต่อไป จะติดตามว่าภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน รวมทั้งติดตามโดยละเอียดในเรื่องความปลอดภัยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
 
ที่สำคัญจะต้องติดตามว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนนั้นจะไม่ติดเชื้อโดยเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน เพราะในการทดสอบที่รายงานกันนี้เป็นการตรวจในห้องปฏิบัติการว่ามีระดับแอนติบอดีหรือมีภูมิคุ้มกันด้านเซลล์เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ได้ยืนยันว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นนี้จะสามารถป้องกันเชื้อได้หรือไม่ ซึ่งจะต้องใช้เวลาติดตามพอสมควรเพื่อให้มั่นใจ นอกจากนี้ยังต้องเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการอีกด้วย
 
ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่น่าจะมีวัคซีนที่ใช้งานได้จริงโดยผ่านการทดสอบครบทุกขั้นตอนและผลิตได้ในปริมาณที่เพียงพอสำหรับคนจำนวนมากซึ่งนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลกได้คาดเอาไว้นั้น น่าจะเป็นในกลางปีหน้าเป็นต้นไป ในช่วงต้นปี 2564 จะเริ่มมีวัคซีนจำนวนหนึ่งที่พร้อมใช้ในคน แต่จะยังคงมีจำนวนจำกัด  หลังจากนั้นจึงจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้มีวัคซีนจำนวนมากเพียงพอ
  
วัคซีนแต่ละแบบที่กำลังทดสอบอยู่ในขณะนี้ให้ผลที่ใกล้เคียงกันโดยส่วนใหญ่จะเห็นผลว่ามีระดับภูมิคุ้มกันสูงเพียงพอหลังฉีดวัคซีนเข็มที่สอง
 
ดังนั้นจึงคาดว่าจะต้องฉีดวัคซีนคนละ 2 ครั้ง ห่างกันหนึ่งเดือน และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ได้มีการเปิดเผยผลการเจรจาสำคัญที่บ่งบอกถึงแนวโน้มราคาของวัคซีน โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ตกลงสั่งซื้อวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทไบออนเทค ประเทศเยอรมนี ร่วมกับบริษัทไฟเซอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นการจองซื้อวัคซีนล่วงหน้าหากวัคซีนประสบความสำเร็จโดยระบุราคาของวัคซีนไว้เลย ทั้งนี้ได้สั่งซื้อวัคซีนจำนวน 100 ล้านเข็ม(สำหรับฉีดในคน 50 ล้านคน) ที่ราคา 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เท่ากับเข็มละ 20 เหรียญสหรัฐ
 
 "ประเมินกันตอนนี้ ว่าวัคซีนโควิด-19 จะราคา 20 เหรียญหรือ 620 บาท  ฉีดคนละ 2 เข็ม เท่ากับค่าวัคซีน 1,240  บาท ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดเผยการคาดการณ์ราคาวัคซีนออกมา เพราะก่อนหน้านี้ที่มีการจองวัคซีนกันเป็นกึ่งการให้ทุนวิจัยแต่ไม่ได้ระบุราคาของวัคซีนเอาไว้" "ซึ่งราคาดังกล่าวนี้ใกล้เคียงกับราคาของวัคซีนไข้หวัดใหญ่" นายแพทย์สิริฤกษ์ กล่าว 
 
สำหรับประเทศไทย มีการดำเนินงานด้านวัคซีนอย่างคู่ขนานกันทั้งสามแนวทาง คือ การพัฒนาวัคซีนในประเทศ  และการรับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิควัคซีนที่ผ่านการทดสอบแล้วจากต่างประเทศเพื่อให้ผลิตได้เพียงพอสำหรับคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งการเตรียมจัดหาวัคซีนจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

 
https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/130087

4 นวัตกรรม "หน้ากากโควิด-19" ตอบโจทย์ชีวิตนิวนอร์มอล


iMasc

1. iMasc - ขณะที่หน้ากาก N 95 ยังหายากและมีราคาแพงในสหรัฐฯ โดยมีราคาเฉลี่ยชิ้นละ 7 ดอลลาร์ หรือ 210 บาท มิหนำซ้ำผู้ขาย อย่างเช่น Amazon ก็ไม่ยอมขายให้กับผู้ซื้อที่ไม่ใช่หน่วยงานด้านสาธารณสุขนั้น นักวิจัยและวิศวกรของสถาบัน MIT ร่วมกับโรงพยาบาล Brigham and Women ได้พัฒนาหน้ากากต้นแบบที่อาจใช้แทนหน้ากาก N 95 ได้
จุดเด่นของหน้ากากที่เรียกว่า iMASC นี้คือ ทำจากซิลิโคนใสและมีช่องกรองอากาศสองช่องที่ด้านล่างเพื่อใส่ไส้กรอง N 95 ขนาดเล็กซึ่งเปลี่ยนได้ ข้อดีก็คือหน้ากากนี้ใช้วัสดุ N 95 น้อยกว่า เนื่องจากมุ่งเฉพาะส่วนที่เป็นไส้กรองเท่านั้น แถมตัวหน้ากากยังสามารถทำความสะอาดได้หลายรูปแบบเพื่อนำมาใช้ใหม่ เช่น อบด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ใช้ความร้อน หรือแช่ในสารฟอกขาวและแอลกอฮอล์ เป็นต้น

หากพัฒนาได้สำเร็จ คาดว่าราคาจะอยู่ที่ราวชิ้นละ 15 ดอลลาร์หรือประมาณ 450 บาท


Leaf mask

2. LEAF - บริษัท Redcliffe Healthcare ในรัฐมิชิแกน พัฒนาหน้ากากที่จะช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถแสดงตัวตนได้มากขึ้น เพราะเป็นหน้ากากที่ใช้วัสดุโปร่งใสทั้งชิ้น

หน้ากากที่มีชื่อว่า LEAF นี้ ใช้สารซึ่งย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ แถมยังมีโทนสีหลายสีให้เลือกเข้ากับสีผิว นอกจากนั้นยังมีไส้กรองเกรด HEPA ซึ่งช่วยลดกลิ่นและกรองอนุภาคขนาดเล็กในอากาศด้วย โดยวัสดุที่ใช้ก็มีคุณสมบัติต่อต้านการจับตัวของไอน้ำและสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ รวมทั้งใช้งานได้นานถึงหนึ่งเดือน
 
แต่จุดเด่นสำคัญที่สุดของหน้ากาก LEAF คือการใช้วัสดุใสซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้แสดงอารมณ์และตัวตน รวมทั้งยังสามารถส่งยิ้มทักทายได้เหมือนเดิม
ราคาของหน้ากาก LEAF ซึ่งมีให้เลือกสี่แบบขณะนี้เริ่มต้นที่ชิ้นละ 49 ดอลลาร์ หรือราว 500 บาท


Redee mask
3. Redee Mask - มีลักษณะพิเศษที่ช่วยแก้ปัญหา pain point ของผู้ใช้ คือมีแผ่นปิดบนหน้ากากอีกหนึ่งชั้น และในเวลาที่ต้องการดื่มเครื่องดื่มหรือของเหลว ผู้ใช้จะเปิดฝานี้เพื่อสอดหลอดดูดเข้าไปข้างใต้ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่จำเป็นต้องถอดหรือขยับหน้ากากลงไปที่ระดับคางหรือคอ

คาดว่าหน้ากาก Redee Mask ซึ่งมีขายแล้วขณะนี้ในราคาชิ้นละ 25 ดอลลาร์ หรือประมาณ 750 บาท จะเป็นที่นิยมในบรรดาบุคลากรผู้ต้องสวมหน้ากากทั้งวันเพื่อให้สามารถดื่มเครื่องดื่มได้อย่างปลอดภัยและสบายใจ โดยไม่ต้องขยับหรือถอดหน้ากากนั่นเอง

C mask

4. C-Mask - ของบริษัท Donut Robotics ของญี่ปุ่น ซึ่งสามารถแปลภาษาหรือแปลงเสียงเป็นข้อความได้แปดภาษาด้วยกัน เพราะทางบริษัทเห็นปัญหาว่า การสวมหน้ากากนั้นทำให้การสื่อสารด้วยเสียงค่อนข้างจะเข้าใจได้ยาก ส่วนการอ่านริมฝีปากเพื่อช่วยให้เข้าใจก็ทำไม่ได้เช่นกัน ทางบริษัทจึงออกแบบหน้ากากอัจฉริยะช่วยแปลภาษาและแปลงเสียงเป็นข้อความ เพื่อแก้ปัญหาสำหรับผู้เดินทางโดยเฉพาะ

หน้ากากดังกล่าวจะเชื่อมต่อกับแอพในโทรศัพท์มือถือผ่านทางบลูทูธที่ช่วยการแปลภาษา ตอนนี้ทางบริษัทมีผลิตภัณฑ์ขายในญี่ปุ่นอยู่แล้ว และมีแผนจะส่งหน้ากาก C-Mask นี้ไปขายในยุโรป สหรัฐฯ และจีนต่อไป

https://www.sanook.com/hitech/1506729/

วันหยุดยาวออกนอกบ้านก็ไม่ต้องกลัว โควิดค่ะ 
ไม่มีติดเชื้อในประเทศให้กังวล  

มีแต่ที่ต้องระวังคือโควิดนำเข้าจากตปท. ต้องกักตัวอย่าประมาท
ลาวก็พบเชื้อนำเข้าด้วยเช่นกัน 

แต่ก็ยังมีข่าวดีเรื่องวัคซีนในต้นปีหน้าที่ราคาหลักร้อยมาให้อุ่นใจ

หน้ากากอนามัยมีนวัตกรรมใหม่ที่น่าสนใจ อีกหน่อยคงมาถึงเมืองไทยนะคะ

วันหยุดฝนพรำเลยถอดใจนอนอยู่บ้านดีกว่า  หิวก็พากันออกไปหาอะไรกินอร่อยใกล้ๆบ้าน สุขสำราญใจค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่