🇹🇭💛มาลาริน💛🇹🇭ป่วยโควิดรอบสัปดาห์ยอดพุ่ง เสียชีวิตคงที่ 2 ราย/สธ.เผยหลัง “สงกรานต์” อาจพบป่วย “โควิด” มากขึ้น

ป่วยโควิดรอบสัปดาห์ยอดพุ่ง เสียชีวิตคงที่ 2 ราย



ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานสถานการณ์โควิดรอบสัปดาห์ (9-15 เม.ย.) มีผู้ป่วยเข้า รพ.435 ราย เพิ่มจากสัปดาห์ก่อน 2.58 เท่า ส่วนผู้เสียชีวิต 2 ราย เท่ากับสัปดาห์ก่อน

วันนี้(17 เม.ย.) เพจศูนย์ข้อมูล COVID-19 กรมประชาสัมพันธ์ รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ในรอบสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 9-15 เมษายน 2566 มีจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 435 ราย เฉลี่ย 62 รายต่อวัน ผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย เฉลี่ยน้อยกว่า 1 รายต่อวัน

นับตั้งแต่ 1 มกราคม 2566 มีจำนวนผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาลสะสม 5,483 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 273 ราย

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับรอบสัปดาห์ก่อน (2-8 เมษายน 2566) พบว่า ผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 2.58 เท่า จากที่มี 168 ราย เฉลี่ยรายวัน 24 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตยังเท่ากับสัปดาห์ก่อนคือ 2 ราย

https://mgronline.com/qol/detail/9660000035436

สธ.เผยหลัง “สงกรานต์” อาจพบป่วย “โควิด” มากขึ้น วาง 3 มาตรการป้องกันระบาด ส่วน XBB.1.16 ยังไม่พบรุนแรง-หลบภูมิมากกว่าตัวอื่น



สธ.เผยหลัง “สงกรานต์” อาจพบป่วย “โควิด” มากขึ้น วาง 3 มาตรการป้องกันระบาด ส่วน XBB.1.16 ยังไม่พบรุนแรง-หลบภูมิมากกว่าตัวอื่น
กระทรวงสาธารณสุข เผย “สงกรานต์” มีกิจกรรมรวมตัวจำนวนมาก เพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ “โควิด”ตามคาดการณ์ ย้ำสังเกตอาการตนเอง 7 วัน วาง 3 มาตรการป้องกันแพร่ระบาด ทุกคนเข้ารับวัคซีน สวมหน้ากากในที่สาธารณะ ตรวจ ATK เมื่อมีอาการ
 
          กระทรวงสาธารณสุข เผย “สงกรานต์” มีกิจกรรมรวมตัวจำนวนมาก เพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ “โควิด”ตามคาดการณ์ ย้ำสังเกตอาการตนเอง 7 วัน วาง 3 มาตรการป้องกันแพร่ระบาด ทุกคนเข้ารับวัคซีน สวมหน้ากากในที่สาธารณะ ตรวจ ATK เมื่อมีอาการ กำชับหน่วยงานเตรียมพร้อมยา เวชภัณฑ์ เตียงรองรับ ตรวจเชื้อและสายพันธุ์ผู้เสียชีวิตทุกราย รวมถึงสอบสวนโรครวมกรณีอาการรุนแรงและเสียชีวิต แจงสายพันธุ์ XBB 1.16 พบเพิ่มขึ้นทั่วโลก อาจเป็นสายพันธุ์หลักต่อไป ยังไม่พบข้อมูลมีความรุนแรงหรือหลบวัคซีนได้มากกว่าสายพันธุ์โอมิครอนอื่นๆ

          วันนี้ (17 เมษายน 2566) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ปีนี้กลับมามีกิจกรรมรวมตัวคนจำนวนมาก เช่น การสังสรรค์ในครอบครัว รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ โดยเฉพาะการเล่นน้ำสงกรานต์ที่มีการจัดในหลายพื้นที่ หลังงดเว้นในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 มาหลายปี ซึ่งระหว่างทำกิจกรรมมีการใกล้ชิดและไม่ได้สวมหน้ากาก จึงเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อและทำให้พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ได้ ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ โดยสถานการณ์สัปดาห์ล่าสุด วันที่ 9-15 เมษายน 2566 พบผู้ป่วยรายใหม่เข้ารักษาในโรงพยาบาล 435 ราย เฉลี่ยวันละ 62 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 30 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 19 ราย และผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งรับวัคซีนเข็มกระตุ้นนานเกินกว่า 3 เดือนแล้ว

          นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ข้อแนะนำประชาชนหลังเทศกาลสงกรานต์ ให้สังเกตอาการตนเอง 7 วัน ระหว่างนี้หลีกเลี่ยงใกล้ชิดผู้สูงอายุ หรือผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง หากมีอาการป่วยให้ตรวจ ATK ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้วางแนวทางป้องกันการระบาดของโรคโควิด 19 สำหรับประชาชน 3 มาตรการ คือ...👇

1.ทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ประจำปี โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถรับวัคซีนทั้ง 2 ชนิดพร้อมกัน เริ่มเดือนพฤษภาคม 2566 นี้ จะช่วยลดการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ ส่วนผู้ที่ภูมิคุ้มกันขึ้นไม่ดี สามารถรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป(Long Acting Antibody : LAAB) ซึ่งยังคงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่รับวัคซีนแล้วไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ โดยกรมควบคุมโรคได้จัดส่งวัคซีนและ LAAB ให้สถานบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขไว้ฉีดประชาชนอย่างเพียงพอ

          2.สวมหน้ากากในที่สาธารณะ โดยเฉพาะเมื่อร่วมกิจกรรมหรือไปสถานที่ที่มีกลุ่ม 607 จำนวนมาก เช่น โรงพยาบาล สถานดูแลผู้สูงวัย และ 3.ให้ตรวจ ATK เมื่อป่วยมีอาการทางเดินหายใจ ไข้ ไอ เจ็บคอ หากผลเป็นบวก ให้สวมหน้ากากเมื่อใกล้ชิดผู้อื่น หลีกเลี่ยงใกล้ชิดกลุ่ม 608 สถานที่มีคนจำนวนมาก หากอาการมากขึ้น เช่น เหนื่อยหอบ หายใจลำบาก ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อรักษาในโรงพยาบาล สำหรับกลุ่ม 608 หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับยาต้านไวรัสและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด กรณีที่มีสมาชิกครอบครัว เพื่อน/เพื่อนนักเรียน/เพื่อนร่วมงานที่ตรวจ ATK แล้วผลเป็นบวกในช่วง 1-2 สัปดาห์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรค

          ส่วนมาตรการสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข คือ..👇

1.เร่งสื่อสารประชาชน และเตรียมพร้อมฉีดวัคซีนโควิด 19 ประจำปี พร้อมวัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง

2.เตรียมพร้อมยา เวชภัณฑ์ และเตียง รองรับผู้ป่วยโควิดที่มีอาการป่วยรุนแรงให้เพียงพอ

3.ทุกจังหวัดเร่งรัดติดตามเฝ้าระวังและรายงานโรคอย่างต่อเนื่อง ทั้งในโรงพยาบาลและชุมชน โดยเฉพาะผู้เสียชีวิตจากโควิด 19 ทุกราย ให้เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งทางเดินหายใจ ส่งตรวจ RT-PCR และตรวจหาสายพันธุ์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมตรวจสอบประวัติที่เกี่ยวข้อง และรายงานข้อมูลภายใน 24 ชั่วโมง

และ 4.ทุกจังหวัดให้เตรียมทีมออกสอบสวนโรค กรณีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและเสียชีวิตทุกราย เพื่อหาสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค รวมทั้งการระบาดของโรคที่มีลักษณะเป็นกลุ่มก้อน โดยเฉพาะในโรงพยาบาล โรงเรียน สถานดูแลผู้สูงวัย ผู้พิการและด้อยโอกาส ค่ายทหาร เรือนจำ กลุ่มนักท่องเที่ยว ตามเกณฑ์ที่กำหนด  

        ด้าน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการ ยังเฝ้าระวังสายพันธุ์ของเชื้อโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้สายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในประเทศไทยยังอยู่ในตระกูลโอมิครอน โดยสายพันธุ์หลักเป็นสายพันธุ์ลูกผสม XBB และพบ XBB.1.5 และ XBB.1.9.1 มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนสายพันธุ์ XBB.1.16 พบมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกันทั่วโลก โดยพบว่าในประเทศอินเดีย มีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเชื่อว่า XBB.1.16 มีแนวโน้มแทนที่สายพันธุ์อื่นๆ ทั้งหมดในที่สุด หรือกลายมาเป็นสายพันธุ์หลักที่จะระบาดในช่วงต่อไป แต่ยังไม่พบว่ามีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์โอมิครอนอื่นๆ และยังไม่พบว่ามีความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้มากกว่าสายพันธุ์โอมิครอนสายพันธุ์อื่นๆที่พบในช่วงเวลานี้เช่นกัน

https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/67337

..ติดตามข่าวโควิดกันต่ออีกนะคะ

รู้ไว้ระมัดระวังดูแลตัวเองด้วยค่ะ....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่