เราคิดว่าคนสมัยนี้ชอบความกระชับ เข้าใจง่าย สังเกตจากข้อความที่เหยียดยาวมักจะไม่ค่อยมีคนสนใจหรืออ่านทั้งหมด เว้นแต่เรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับตัวผู้รับสารหรือมีบางอย่างสะกิดใจคนนั้นๆ
    จากการที่เราศึกษาข้อมูลมาตามความเข้าใจของเรา ข้อความในวรรคแรกมีส่วนของEmpath ใช่! เรากำลังพยายามเข้าใจคนอื่นด้วย นำสิ่งที่รับรู้ประมวลผลจากประสบการณ์ และจำลองสถานการณ์ให้ตัวเราเองเข้าใจความรู้สึกให้ได้มากที่สุด
    ปัญหาของเรา คือ การที่ตัวเราเองพยายามเก็บข้อมูลมา สร้างสถานการณ์จำลองในความคิดเพื่อที่จะเข้าใจคนรอบข้าง แต่กลับกลายเป็นว่าด้วยความที่พยายามเข้าใจ จึงมักที่จะสอบถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะต้องการความชัดเจน ว่าเราเข้าใจผิดอะไรหรือไม่ ก็โดนหาว่าน่ารำคาญ และ มโน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราคาดว่าเขารำคาญเราฟังจากน้ำเสียงและเลือกที่จะไม่ตอบพร้อมกับพูดว่า "บอกไปกี่ครั้งแล้ว" ทั้งๆที่ตั้งแต่เราสังเกตมาคำตอบมันเปลี่ยนตลอด
*มโน ในความหมายตามหลักภาษาไทยกันก่อนนะคะ หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าจริง ๆ แล้วความหมายของคำว่า มโน ใน พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ อธิบายว่า มโน เป็นคำนาม หมายถึง ใจ มีที่มาจากคำบาลี-สันสกฤตว่า มนสฺ คำว่า มโน มักนำไปใช้ประกอบกับคำอื่น เช่น มโนกรรม หมายถึง การกระทำทางใจ, การคิด, ความคิด / มโนคติ หมายถึง ความคิด / มโนทุจริต หมายถึง ความประพฤติชั่วทางใจ / มโนธรรม หมายถึง ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี, ความรู้สึกว่าอะไรควรทําอะไรไม่ควรทํา / มโนภาพ หมายถึง ความคิดเห็นเป็นภาพขึ้นในใจ มโนรมย์ หมายถึง เป็นที่ชอบใจ / มโนสุจริต หมายถึง ความประพฤติชอบทางใจ ทั้งหมดคือตัวอย่างของคำที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับคำว่า มโน ทีนี้มาดูกันต่อค่ะ ว่า แล้ว มโน ในภาษาวัยรุ่นที่เอามาใช้กันในเพลง เป็นอย่างไร
  
ในความคิดของคุณครูลิลลี่ เชื่อว่า มโน ที่เอามาใช้กันในหมู่วัยรุ่น มาจากคำว่า มโนภาพ คือ การสร้างภาพขึ้นในใจ หรือจินตนาการขึ้นมาเอง เพราะฉะนั้นคำว่าอย่ามโน ก็เหมือน อย่าคิดไปเอง อย่าสร้างสรรค์จินตนาการไปเอง เช่น มีสาวน้อยคนหนึ่งคุยกับเพื่อนว่า “เธอ ๆ เราว่าผู้ชายคนนั้นต้องแอบชอบเราแน่เลยล่ะ แอบมองเราตลอดเวลาเลย” งานนี้ถ้าเรื่องไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าสาวน้อยนางนั้นสวยคมสมจริงขนาดที่ผู้ชายจะมาชอบได้ คุณครูลิลลี่ก็คิดว่านางคงเข้าข่าย มโน เอาเองแน่ ๆ ล่ะค่ะ นอกจากนั้นในหมู่รุ่นใหญ่ขึ้นไปก็จะมีการเอานามสกุลของดาราสาวคนดังของวิกหมอชิต อย่าง หนูยุ้ย จีรนันท์ มโนแจ่ม มาเล่นในประเด็นนี้ไปอีก ไม่ใช่แค่มโนเฉย ๆ แต่จัดให้เป็น “มโนแจ่ม” ไปเสียเลย อันนี้ก็ถือเป็นขั้นกว่าของการมโน เพราะถือว่ามโนเอง คิดเองเสียจนแจ่มแจ้งชัดเจนนั่นเองค่ะ
:อ้างอิงจาก

https://www.thairath.co.th/content/423072

 
     ตัวเราเองยากที่จะลดการสังเกตคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นคำพูด สายตา สีหน้า และท่าทาง ทำให้รู้สึกว่าเราใช้ชีวิตลำบากมากกับการเป็นแบบนี้ เราเห็นใจผู้อื่นมากเกินไปจนเกินความต้องการของเขาหรือเปล่ากันนะ เราแค่อยากเข้าใจเพราะเราหวังดี เราเจ็บปวดไม่เป็นไร ไม่ต้องเห็นใจเราหรอก แค่บอกทุกเรื่องของเธอมาก็พอ เราอยากเข้าใจความรู้สึกเธอและเห็นเธอมีความสุขก็พอแล้ว.

   ป.ล.แท็กห้องไหนให้เข้ากับคำถามนี้ดี555
   ป.ล.แท็กมั่วล่ะนะ!!!