🌻💞🌻 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น # 9 สัปดาห์ที่ 4 : 20-24 กรกฎาคม "บอนไซรัก" โดย ถุงมือเฮอัน 🌻💞🌻

กระทู้คำถาม
ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 2 สำหรับสัปดาห์นี้ครับ มาแนว เลิฟๆ ^^

เมื่อชายหญิงคู่หนึ่งรักกันแบบเอาจริงเอาจัง แต่อุปสรรคใหญ่หลวงคือรสนิยมความชอบที่แตกต่างกัน

ถ้าแค่แตกต่างกันเฉยๆ ก็คงไม่กระไรนัก...

แต่ ถ้าสิ่งที่คนหนึ่งชอบ โปรดปราน เป็นสิ่งที่อีกคนหนึ่งรังเกียจชนิดเข้าไส้!

ก็ "งานเข้า" ด้วยกันทั้งคู่

จะไปกันได้ตลอดรอดฝั่งละหรือ ???

นั่นหละครับ คือสถานการณ์ของเรื่องนี้.....

ตามไปดูกันครับ ว่าความรักของหนุ่มสาวคู่นี้ จะลงเอยกันอย่างไร...อมยิ้ม19

เวลาบ่ายของวันหยุด รัตนากร นั่งอยู่เก้าอี้หินอ่อนกับแก้วกาแฟ  ต้นไม้ ต้นไม้ใบหญ้าร่มรื่น ในสวนหลังบ้าน แต่หญิงสาวไม่ได้รู้สึกสดชื่นไปกับธรรมชาติมากนัก จ้องมองมุมสวนอย่างเหม่อลอย มุมของบอนไซโดยเฉพาะ

บอนไซ เป็นการเพาะต้นไม้ย่อส่วนจากต้นไม้ใหญ่ในป่าธรรมชาติ ให้มาอยู่ในกระถางต้นไม้ และเพื่อที่จะทำให้เหมือนกับต้นไม้ใหญ่ในป่า จึงมีการดัดกิ่งก้านให้โค้งงอ โดยใช้ลวดยึดไว้ให้อยู่กับที่ หรือให้รากไต่กิ่งก้านบนโขดหิน มองดูสวยงามดี จัดเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง แต่ใครจะคิดว่าบอนไซจะกลายเป็นอุปสรรคของความรักไปได้

เมธา คือชื่อของคนรัก ชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างดี ไม่มีไขมันไม่มีพุง จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วหนา รับกับตาที่แลดูอบอุ่นปนหวานในบางครั้ง  เจ็ดปีผ่านไปโดยที่ความสัมพันธ์ไม่ได้คืบหน้าเท่าที่ควร ทั้งที่คนรอบข้างช่วยเชียร์ช่วยลุ้นด้วยเห็นว่า เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก

เมธาเป็นเจ้าของร้านกาแฟ ห่างจากบ้านของรัตนากรในระยะเดินเท่าหากันได้

ชายหนุ่มไม่ชอบบอนไซ  มันเป็นการทำให้ต้นไม้พิการผิดเพี้ยน  นั่นเป็นเหตุผลของเขา ในมุมมองของหญิงสาว บอนไซคืองานศิลปะ ฝึกสมาธิขัดเกลาจิตใจในการเคารพธรรมชาติ และเข้าถึงวิถีชิวิตของมนุษย์ ในเมื่อความเห็นต่างกันทำให้สองหนุ่มสาวต้องใช้เวลาถกเถียงเรื่องของบอนไซกันเป็นส่วนใหญ่  แทนที่จะมีบรรยากาศแบบคนรักทั่วไป

“ลองมีใครจับคุณมาดัดแบบต้นไม้ คุณจะรู้สึกยังไง”   เขาเคยพูดย้ำแบบนี้บ่อยๆ ซึ่งเธอก็ยืนยันความคิดของตัวเองทุกครั้งว่า ต้นไม้มีชีวิตแต่ไม่มีวิญญาณ จึงไม่รู้สึกอะไร

เจ็ดปีผ่านพ้น วันนี้รัตนากรคิดว่าจะต้องตัดใจใจเกี่ยวกับปัญหาความรักของตัวเองเสียที

เสียงใครบางคนทักทายพ่อแม่ของเธอในบ้านแว่วมาพอได้ยิน  จะมีใครเสียอีก ถ้าไม่ใช่ เมธา เป็นที่รู้กันว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ ชายหนุ่มจะต้องหิ้วกาแฟมาให้เธอเสมอ เพราะรู้ว่าหญิงสาวชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ

เมธาในชุดลำลองเรียบง่าย เดินใบหน้าอาบรอยยิ้มตรงเข้ามาอย่างที่คาดไว้ ในมือถือกระติกน้ำ ไม่บอกก็รู้ว่าในนั้นมีแก้วกาแฟใบโตแช่ในน้ำแข็ง เขารู้ว่าเธอชอบกาแฟเย็น

“ไอซ์คาราเมล มัคคิอาโต หอมหวานสุดอร่อยมาแล้วครับ”  เขาฉีกยิ้มกว้าง วางกระติกน้ำขนาดเล็ก เปิดฝา หยิบแก้วกาแฟออกมาอย่างระมัดระวัง  กลิ่นกาแฟหอมหวานอย่างที่คุยเอาไว้ มองเห็นส่วนผสมแบ่งเป็นชั้นๆ ตั้งแต่ชั้นล่างสุดคือน้ำเชื่อมวานิลลา นมสด กาแฟเอสเพรสโซ่ และชั้นบนสุดคือน้ำเชื่อมคาราเมล อย่างน่าทึ่ง แสดงถึงความพยายามใส่ใจของคนทำ

เมธาเป็นผู้ชายเอาใจผู้หญิงเก่ง แต่ไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่เคยเอาใจสาวคนไหน ยาวนานเป็นพิเศษ เหมือนรัตนากร  เพื่อนบางคนบอกว่า ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่ ก็คงหาผู้ชายแบบนี้ไม่ได้

หญิงสาวฉีกยิ้มรับ ยกแก้วกาแฟเย็นชืดเก่าขึ้นดื่มจนหมด ก่อนรับกาแฟแก้วใหม่จากแฟนหนุ่มมาดื่ม ชายหนุ่มนั่งลงเก้าอี้หินอ่อนด้านตรงกันข้าม หลังจากทักทายพูดคุยกันได้ครู่หนึ่ง สิ่งที่หญิงสาวกังวลใจ ก็เกิดขึ้น เมธาหันหน้ามองไปยังมุมบอนไซ แล้วก็ส่ายหน้าแบบคนอ่อนใจ

“น้ำยังไม่เลิกวุ่นวายกับไม้พวกนี้นะครับ”

เป็นอย่างที่เคยเป็น ทุกครั้งที่มาสวนหลังบ้าน เมธาก็มักจะเอ่ยเรื่องบอนไซขึ้นมาทุกครั้ง เรื่องเดิม ๆ เธอเองก็จะโต้แย้งด้วยเหตุผลเดิมเช่นกัน

“ผมขอได้ไหม น้ำ ขอให้คุณเลิกสนใจบอนไซพวกนี้เสียที แล้วผมจะตามใจคุณทุกอย่างเท่าที่ผมจะทำได้”

“ธาเกลียดบอนไซขนาดนี้เชียวเหรอคะ”

“เปล่า ผมสงสารพวกมันต่างหาก มันไม่ต่างจากคนพิการเลย”

บรรยากาศที่ควรจะอบอวลไปด้วยความรัก ในที่สุดก็แปรเปลี่ยนเป็นการโต้เถียงกันอีกตามเคย เมธาไม่ย่อท้อกับการเพียรพยายามเปลี่ยนใจสาวคนรัก แต่หญิงสาวก็ไม่เคยยอม  ทำให้การร่วมหอลงโรง แต่งงาน ไม่มีวี่แววจะเป็นจริง หญิงสาวแน่ใจว่า ตัวเธอสามารถเข้าถึงความเป็นบอนไซ ว่าเป็นงานศิลปะชั้นสูง ศิลปะไม่เคยทำร้ายใคร นอกจากขัดเกลาผองชนให้หายหยาบกระด้าง จนเธอหลงใหลความเป็นบอนไซ ถอนตัวไม่ขึ้นในที่สุด

“ตกลงธาจะไม่เลิกพูดเรื่องบอนไซ ใช่ไหมคะ”

“ผมไม่รับปากน้ำหรอกครับ น้ำจะต้องเลิกอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้ชายที่รักคุณที่สุด หรือบอนไซที่ไม่มีวันดูแลน้ำได้”

ในที่สุดเมธาก็บอกข้อแม้ของเขาออกมาเป็นครั้งแรก มันทำให้หญิงสาวสะอึกอึ้งทันที ความน้อยใจเสียใจประเดประดัง เขาเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอ ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายบอกก่อน นี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกหลายอย่างประเดประดัง

“น้ำเลือกบอนไซค่ะ”

เมธามีสีหน้าสลดลง  รู้ว่าคนรักตัดสินใจตามนั้น เขารู้นิสัยเธอดี แต่เขาเองก็คงยอมไม่ได้เหมือนกัน ที่จะเห็นคนรักทำบาปกรรมกับต้นไม้ในความรู้สึกของเขา ทนไม่ได้ที่จะเห็นบอนไซวางเรียงรายในร้านกาแฟ

“คุณแน่ใจนะ”

“แน่ใจที่สุดค่ะ”

เมธาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาเองก็เสียใจอย่างที่สุด สำหรับเขาแล้วบอนไซเป็นเรื่องโหดร้ายทางจิตใจ เกินกว่าจะยอมรับได้แม้ว่าจะดูเป็นความสวยงาม ในสายตาของคนอื่นก็ตาม ส่วนลึกภายในจิตใจไม่อยากจากเธอไปไหน แต่เวลานี้คงต้องห่างกันเสียก่อน

“ได้ครับ ถ้า น้ำจะเปลี่ยนใจ โทรหาผมได้นะครับ”  ชายหนุ่มพูดเหมือนให้โอกาสครั้งสุดท้าย แต่หญิงสาวยืดตัวตรง กอดอก ยิ้มเย็นชาประดับใบหน้า เป็นคำตอบ เมธาได้แต่ฝืนใจฉีกยิ้มสลดเป็นครั้งสุดท้าย หมุนตัวหันหลังเดินจากไปอย่างคนตัดสินใจเด็ดขาด

สองเดือนผ่านไป

หลังจากคนในบ้านรับรู้ความจริงว่า อะไรคือสาเหตุทำให้ชายหนุ่มฐานะหน้าตาดี ที่เคยแวะเวียน หายไปจากชีวิตของรัตนากร ก็ไม่มีใครมาพูดให้ความเห็นอะไรกับเธอมากนัก แม้ทุกคนจะมีทีท่าเสียดาย ว่าที่ลูกเขย อยู่ก็ตาม เมธาไม่เคยมาหา หรือติดต่ออะไรอีก  ความสุขความอบอุ่น กลับกลายเป็นความเวิ้งว้างน่าใจหาย  หญิงสาวพยายามหาอะไรทำไม่ให้ตัวเองว่าง ทั้งการหาเวลาท่องเที่ยว จับจ่ายซื้อสิ่งของ ดูหนัง ฟังเพลง จะได้ไม่ต้องคิดถึงปัญหาความรัก แต่ดูเหมือนว่าจะทำไม่เป็นผล เที่ยวกับเพื่อนก็ยังรู้สึกอ้างว้าง ดูหนังฟังเพลงก็ยิ่งเศร้าไปใหญ่  เหตุผลการตัดขาดกันมาจากบอนไซโดยแท้จริง พืชต้นเล็กๆ ไม่ควรจะมีผลขนาดนี้ เธอไม่เข้าใจเมธาและไม่เข้าใจตัวเอง ว่าต้องการอะไรกันแน่

อย่างไรก็ตาม หญิงสาวยังพยายามสืบข่าวอยู่เสมอว่า เมธาเป็นอย่างไรบ้างหลังจากตัดขาดเธอออกจากชีวิต มีคนบอกว่าเขาหันไปทุ่มเทเวลากับสาขาใหม่ของร้าน ธุรกิจร้านกาแฟเป็นไปด้วยดี เขาใช้เวลากับสิ่งที่ชอบ คือทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกาแฟ

แต่เขาก็ลืมสาวนักดื่มกาแฟคนนี้ รัตนากรได้แต่แอบนั่งกรีดน้ำตาทุกครั้ง เมื่อคิดถึงแฟนหนุ่ม

เวลาบ่ายของวันหยุด รัตนากร นั่งอยู่เก้าอี้หินอ่อนกับแก้วกาแฟ  ต้นไม้ ต้นไม้ใบหญ้าร่มรื่น ในสวนหลังบ้าน แต่หญิงสาวไม่ได้รู้สึกสดชื่นไปกับธรรมชาติมากนัก เธอจ้องมองมุมสวนอย่างเหม่อลอย เป็นมุมของบอนไซโดยเฉพาะ ความคิดถอยย้อนกลับไปถึงคืนวันที่ผ่านมาอย่างซึมเซา

เสียงใครบางคนทักทายพ่อแม่ของเธอในบ้านแว่วมาพอได้ยิน   แต่หญิงสาวไม่สนใจ สองเดือนมาแล้ว ที่เธอต้องนั่งอยู่เพียงลำพัง ในสวนหลังบ้าน

“เอสเปรสโซ่เย็นหอมหวาน มาแล้วครับ”

เมธาในชุดลำลองเรียบง่าย เดินใบหน้าอาบรอยยิ้มตรงเข้ามาอย่างไม่คาดหมาย ในมือถือกระติกน้ำ ไม่บอกก็รู้ว่าในนั้นต้องมีแก้วกาแฟใบโตแช่ในน้ำแข็ง เขารู้ว่าเธอชอบกาแฟเย็น

“ธา.........คุณมาได้ยังไง”  หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกตะลึง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

“ผมก็มาหาคนที่ผมรักที่สุดในชีวิตนะสิครับ”   เขาฉีกยิ้มกว้าง ถือวิสาสะนั่งลงเก้าอี้หินอ่อนด้านตรงกันข้าม

“แต่คุณ......”

“ดื่มกาแฟก่อนสิครับ อร่อยนะ สูตรนี้ใช้ โกโก้ผง นมข้นหวาน นมสด อย่างละนิดหน่อย มาแล้วจ้า กาแฟสูตรหอมหวานพิเศษ ทานแล้วสวย ไม่อ้วนหรอกครับ”

ดูเหมือนว่าเมธาจะพยายามทำบรรยากาศให้ดีขึ้น ท่าทางของเขายังคงเป็นเมธาคนเดิม เพียงแต่แววตาดูสุขุมมากขึ้น

"เราเลิกกันแล้วไม่ใช่หรือคะ”  หญิงสาวถามทีเล่นทีจริง ขณะยกแก้วกาแฟสูตรเด็ดของอีกฝ่ายขึ้นจิบ แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าขึ้นทันตา หอมหวานสมกับเป็นฝีมือเจ้าของร้าน

“ใครบอก ผมยังไม่เคยเลิกรักเลิกคิดถึงน้ำเลย ไม่มีวันไหนที่ผมจะไม่คิดถึงน้ำ  และผมคิดว่าถึงเวลาแล้ว”

“เวลาอะไรคะ” หญิงสาวชะงัก ย่นคิ้วเข้าหากันอย่างฉงน มีอาการตื่นเต้นเงยหน้าหันไปจ้องดวงตาคู่นั้น

“เวลาที่จะขอน้ำแต่งงาน”

เมธาหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดง ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ส่งให้ตรงหน้าค่อยๆ รัตนากรเปิดกล่องกำมะหยี่ออก พอเห็นว่าข้างในเป็นอะไรก็ขมวดคิ้วจ้องมองหน้าคนให้อย่างไม่แน่ใจ

“ธา ขอน้ำแต่งงานตอนนี้หรือคะ”

“ครับ ผมมาคิดดูแล้ว คิดทั้งวันทั้งคืนตลอดสองเดือน ที่เราไม่ได้เจอกัน คิดจนทำใจได้ ตกลงครับ ผมยอมให้น้ำเลี้ยงบอนไซ ได้ตามที่ใจต้องการ จะเอาไปประดับในร้านกาแฟของผมก็ได้ครับ ด้วยความเต็มใจ  อะไรที่เป็นความสุขของน้ำ ผมก็ควรจะรับให้ได้  เรามาแต่งงานกันดีกว่านะครับ ผมรอไม่ไหวแล้ว”

เมธาพูดด้วยมีรอยยิ้มประดับใบหน้า แววตาแสดงความจริงใจในสิ่งที่ได้พูดออกมา

“ธาแน่ใจหรือคะ” ได้ฟังคำตอบแล้วก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี หญิงสาวยื่นกล่องส่งคืน ให้อีกฝ่ายเลือกตัดสินใจอีกครั้ง เมธารับกล่องสำคัญคืนมา เปิดค้างไว้ด้วยใบหน้ามั่นใจ

“แน่ใจที่สุดครับ  ทำไมผมจะยอมคนที่ผมรักที่สุดไม่ได้ละครับ ว่าแต่น้ำตกลงรับปากผมไหมครับ” พูดจบยื่นมืออกมา ทำท่าขอมือของรัตนากร

น้ำใส ๆ จากสองตาของหญิงสาว เป็นหยดน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มปีติยินดีที่ น้ำตาไหลออกมาได้เองโดยไม่รู้ตัว ไม่คาดคิดมาก่อน ยื่นมือออกไปโดยดี เวลาเจ็ดปีถูกขมวดเข้ามาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จนไม่ทันตั้งตัว

“น้ำจะแต่งงานกับคุณ”

เมธายิ้มตาเป็นประกาย หยิบแหวนวงงามออกจากกล่อง บรรจงสวมให้  หญิงสาวก็มีรอยยิ้มประดับใบหน้าเช่นกัน ชูแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย อวดให้ดูว่าใส่ได้พอดี

“ตอนที่ธาไม่ยอมติดต่อน้ำ ไม่คิดถึงน้ำเลยเหรอคะ ไม่กลัวว่าน้ำจะมีแฟนใหม่เหรอคะ”   อดต่อว่าไม่ได้ เรื่องการหายหน้าไปยังค้างคาใจ

“ผมรู้จักน้ำดี เวลาเจ็ดปี ที่คบกัน ผมอยากเวลาเข้าใจตัวเองครับ คิดถึงแทบตาย แต่ต้องทน ห่างกันสองเดือน ดีกว่าห่างกันตลอดชีวิตนะครับ  ทีคุณไม่ยอมติดต่อผมเลย”

“น้ำก็อยากมีเวลาทำความเข้าใจตัวเองบ้างสิคะ”

ประโยคนี้ ทำให้ทั้งคู่ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน เมธายิ้มกว้าง สีหน้าแววตาสดชื่นกลับมาอีกครั้ง เขาหันไปมองมุมสวนที่คุ้นเคย แล้วทำหน้าสงสัย

“บอนไซหายไปไหนแล้วครับ”

มุมบอนไซไม่มีให้เห็นอีกแล้ว  ที่เหลือเป็นเพียงพื้นที่ชุ่มชื่น มีต้นอ่อนของพืชพรรณ โผล่พ้นขึ้นมาจากพื้นดินไม่กี่นิ้ว

“น้ำเอาไปให้คนที่ชอบหมดแล้วค่ะ ตั้งแต่เดือนที่แล้ว จะไม่เลี้ยงบอนไซอีก อะไรที่ธาไม่ชอบ น้ำก็ไม่ควรทำสิ่งนั้น อะไรที่เป็นความสุขของธา น้ำก็ควรจะรับให้ได้เหมือนกันใช่ไหมคะ นี่ละสิ่งที่น้ำเข้าใจ”

“ไม่เสียใจเหรอครับ”  เสียงมีแววกังวลห่วงใย

“ไม่ค่ะ”  หญิงสาวสั่นศีรษะ ใบหน้ามีรอยยิ้มจริงใจ

“น้ำเข้าใจคำพูดของธาแล้ว พืชพวกนั้นถึงยังไงก็มีชีวิต มันควรจะเติบโตอิสระตามธรรมชาติควรเป็นไปตามเส้นทางของมัน น้ำกลัวว่าลูกเกิดมา จะพิการ เหมือน บอนไซ...”



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่