บังเอิญ หรือ Born To Be!!
ผู้รู้ กล่าวไว้ว่า “โลกนี้ ไม่มีบังเอิญ” แปลว่า มันมีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง เพราะว่าโลกทั้งใบไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นอย่างบังเอิญ มีแต่ Born To Be
เราเกิดมาเป็นมนุษย์ หลังจากคลอดออกมาแล้ว แต่ต่อมา อะไรล่ะ ทำให้เป็นมนุษย์
เพราะว่าเมื่อเกิดเป็นมนุษย์แล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่เกิดมาเพื่อเป็นมนุษย์ [Born to be human] อยู่ดี
ถ้ามนุษย์ ทำแค่ กิน นอน สืบพันธุ์ มนุษย์ก็จะไม่ต่างจากสัตว์ทั่ว ๆ ไป ธรรมชาติให้มนุษย์มากกว่าสัตว์ ตรงที่มนุษย์ “รู้คิด” แต่สัตว์ทั่วไป ไม่มี
ประเด็นจึงอยู่ที่ เมื่อมนุษย์ “รู้คิด”เป็น แต่จะใช้มันหรือไม่?
ถ้าไม่ใช้ ก็จบ แต่ถ้าใช้ ก็จะรู้ว่า อะไรคือคุณ อะไรคือโทษ อะไรเป็นประโยชน์ อะไรไร้ประโยชน์
ใช่ครับ พูดง่าย แต่ทำยาก เพราะว่า โลกมนุษย์มันซับซ้อนซิกแซก สิ่งที่เราคิดว่า ใช่เลย เป็นประโยชน์ ชัวร์!!
ต่อมาสักพักใหญ่ กลับนำพิษภัยมาให้ ก็มี
ในโลกนี้ สัพพัญญู ผู้รู้ทุกอย่างคือ พระพุทธเจ้า
ธรรมะที่ทรงสอนเกี่ยวกับ คุณและโทษโดยตรง ไม่ใช่ ทาน ศีล ภาวนา แต่ก็คือ “กตัญญู”
ถ้าเราเอาแต่ก๊อปปี้ ก็จะไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่ถ้า “รู้คิด”ก็จะเริ่มมองหาสิ่งที่เป็นประโยชน์และปลอดภัย สิ่งนั้นก็คือ “กตัญญู” นี่เอง
เบื้องต้น ต้องกตัญญูต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สถาบันกษัตริย์ และแผ่นดินถิ่นเกิด นอกเหนือจากพ่อแม่ คุณครู และผู้มีพระคุณทั้งหลาย ถ้ายังทำไม่ได้ อย่าไปทิ่มแทงแว้งกัด มันจะก่อโทษมหันต์ทันที ความดีที่ทำไว้ คุมไม่อยู่นะ จะบอกให้ ชีวิตไม่เคยล้อเล่นกับใคร อย่าไปล้อเล่นกับชีวิตเด็ดขาด มันไม่คุ้ม
ลูกกตัญญู สูงส่งล้ำเลิศ
ลูกกตัญญู ประเสริฐกว่าผู้คนทั้งหลาย
ลูกกตัญญู ผู้นำที่ยิ่งใหญ่
ลูกกตัญญู นำสันติสุขสู่โลกทั้งใบ
ลูกกตัญญู คือเทพเซียนในกายมนุษย์
ลูกกตัญญู มีแต่ได้ดิบได้ดี แต่ลูกทรพี ไม่มีใครได้ดีสักคน
Born To Be จะเป็นลูกกตัญญูหรือลูกทรพี อยู่ที่เราเลือกเอง
บังเอิญ หรือ Born To Be!!
ผู้รู้ กล่าวไว้ว่า “โลกนี้ ไม่มีบังเอิญ” แปลว่า มันมีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง เพราะว่าโลกทั้งใบไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นอย่างบังเอิญ มีแต่ Born To Be
เราเกิดมาเป็นมนุษย์ หลังจากคลอดออกมาแล้ว แต่ต่อมา อะไรล่ะ ทำให้เป็นมนุษย์
เพราะว่าเมื่อเกิดเป็นมนุษย์แล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่เกิดมาเพื่อเป็นมนุษย์ [Born to be human] อยู่ดี
ถ้ามนุษย์ ทำแค่ กิน นอน สืบพันธุ์ มนุษย์ก็จะไม่ต่างจากสัตว์ทั่ว ๆ ไป ธรรมชาติให้มนุษย์มากกว่าสัตว์ ตรงที่มนุษย์ “รู้คิด” แต่สัตว์ทั่วไป ไม่มี
ประเด็นจึงอยู่ที่ เมื่อมนุษย์ “รู้คิด”เป็น แต่จะใช้มันหรือไม่?
ถ้าไม่ใช้ ก็จบ แต่ถ้าใช้ ก็จะรู้ว่า อะไรคือคุณ อะไรคือโทษ อะไรเป็นประโยชน์ อะไรไร้ประโยชน์
ใช่ครับ พูดง่าย แต่ทำยาก เพราะว่า โลกมนุษย์มันซับซ้อนซิกแซก สิ่งที่เราคิดว่า ใช่เลย เป็นประโยชน์ ชัวร์!!
ต่อมาสักพักใหญ่ กลับนำพิษภัยมาให้ ก็มี
ในโลกนี้ สัพพัญญู ผู้รู้ทุกอย่างคือ พระพุทธเจ้า
ธรรมะที่ทรงสอนเกี่ยวกับ คุณและโทษโดยตรง ไม่ใช่ ทาน ศีล ภาวนา แต่ก็คือ “กตัญญู”
ถ้าเราเอาแต่ก๊อปปี้ ก็จะไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่ถ้า “รู้คิด”ก็จะเริ่มมองหาสิ่งที่เป็นประโยชน์และปลอดภัย สิ่งนั้นก็คือ “กตัญญู” นี่เอง
เบื้องต้น ต้องกตัญญูต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สถาบันกษัตริย์ และแผ่นดินถิ่นเกิด นอกเหนือจากพ่อแม่ คุณครู และผู้มีพระคุณทั้งหลาย ถ้ายังทำไม่ได้ อย่าไปทิ่มแทงแว้งกัด มันจะก่อโทษมหันต์ทันที ความดีที่ทำไว้ คุมไม่อยู่นะ จะบอกให้ ชีวิตไม่เคยล้อเล่นกับใคร อย่าไปล้อเล่นกับชีวิตเด็ดขาด มันไม่คุ้ม
ลูกกตัญญู สูงส่งล้ำเลิศ
ลูกกตัญญู ประเสริฐกว่าผู้คนทั้งหลาย
ลูกกตัญญู ผู้นำที่ยิ่งใหญ่
ลูกกตัญญู นำสันติสุขสู่โลกทั้งใบ
ลูกกตัญญู คือเทพเซียนในกายมนุษย์
ลูกกตัญญู มีแต่ได้ดิบได้ดี แต่ลูกทรพี ไม่มีใครได้ดีสักคน
Born To Be จะเป็นลูกกตัญญูหรือลูกทรพี อยู่ที่เราเลือกเอง