“พิชัย”เย้ยนายกฯความล้มเหลวอาจจะเกินเยียวยาแล้ว
https://www.innnews.co.th/politics/news_723727/
"พิชัย" เย้ยนายกฯ พบสื่อน่าจะได้ข้อมูลจริง 9 เรื่อง หวังว่าจะนำไปปรับปรุง แต่ไม่แน่ใจจะสายเกินไปหรือไม่ เพราะความล้มเหลวอาจจะเกินเยียวยาแล้ว
นาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การที่ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าพบสื่อสำนักต่างๆ ทั้งที่ตลอด 6 ปีไม่เคยทำมาก่อน น่าจะเป็นเพราะทราบดีว่าความนิยมของตัวเองมีความเสื่อมถอยลงอย่างมาก ดังนั้นการเข้าพบสื่อสำนักต่างๆนี้ น่าจะได้รับข้อมูลจริงที่สำคัญ 9 ข้อดังนี้
1. ความนิยมในตัวพล.อ.ประยุทธ์เสื่อมถอยลงจริง เพราะตลอด 6 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไม่มีผลงานให้ประชาชนจับต้องได้
2. เศรษฐกิจไทยย่ำแย่อย่างมาก ประชาชนเดือดร้อน ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดตั้งแต่ก่อนมีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
3. การปรับ ครม. ที่จะเกิดขึ้น จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะพิสูจน์ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้หรือไม่
4. ความผิดซ้ำซ้อน ตั้งแต่ครั้งแรกที่ปล่อยให้มีการแพร่ไวรัสที่สนามมวยที่เป็นต้นเหตุของการแพร่กระจายครั้งแรก ต้องล็อกดาวน์กัน
5. การข่มขู่ว่าจะล็อกดาวน์ ปิดเมือง ทั้งที่เป็นความผิดพลาดของภาครัฐในการปล่อยให้เกิดการกระจายไวรัสของอภิสิทธิ์ชน
6. เศรษฐกิจไทยจะฟื้นได้ยากมาก เพราะไทยขาดการลงทุนภาคเอกชนมาตลอด 6 ปี เพราะรัฐบาลจากระบอบเผด็จการไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้ แถมการใช้จ่ายภาครัฐยังสะเปะสะปะเหมือนการจัดงบประมาณปี 64 และ การใช้เงิน 4 แสนล้าน ที่ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจจริง
7. ความไม่พอใจของนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ที่มีต่อรัฐบาลจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
8. การหาจุดสมดุลระหว่างการป้องกันการระบาดไวรัสและการดำเนินการทางเศรษฐกิจ
9. อย่าหลงเชื่อ คนเอาใจ สื่อเอียงข้าง หรือโพลที่ออกมาอวย โดยไม่ได้ดูความเป็นจริงว่าสถานการณ์เศรษฐกิจ การเมือง และ สังคม ของประเทศได้ทรุดโทรม
ทั้งนี้ นาย
พิชัย กล่าวว่า ความจริงทั้ง 9 ข้อนี้น่าจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้องที่ พล.อ.
ประยุทธ์ ควรจะต้องได้รับจากการพบสื่อมวลชน หากไม่เลือกรับฟังเฉพาะเรื่องที่ตัวเองอยากฟังเท่านั้น ดังนั้นพล.อ.
ประยุทธ์ ควรนำไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไข พร้อมไปกับการ ปรับ ครม. ครั้งนี้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะสายเกินไปแล้วหรือไม่ เพราะความล้มเหลวอาจจะเกินเยียวยาแล้ว
'อนุชา' โวย พปชร.เล่นกันเอง ชกใต้เข็มขัด ปล่อยข่าว 'สุริยะ' ค้าน 'ไพรินทร์' นั่งพลังงาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2268446
ด่วน! อนุชา โวย แกนนำพปชร. ชกใต้เข็มขัด ซัดไร้ศักดิ์ศรี ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ปล่อยข่าวค้าน ไพรินทร์ นั่งพลังงาน
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม นาย
อนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ตนเองจะนำกลุ่มส.ส. แถลงคัดค้าน ไม่ให้นาย
ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ซึ่งมีชื่อเป็นแคนดิเดต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และจะสนับสนุน นาย
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแทนว่า เรื่องดังกล่าว ไม่เป็นความจริงแม่แต่น้อย ไม่มีการนัดรวมตัวส.ส. เพื่อแถลงคัดค้านใครทั้งสิ้น เพราะการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี(ครม.) เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ ข่าวที่ออกมาตนจึงเชื่อว่า แกน นำคนหนึ่งของพรรค เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และเป็นการชกใต้เข็มขัด ที่ไม่สมศักดิ์ ที่ได้ปล่อยข่าวนี้ออกมา
แพงสุดในรอบ 10 ปี! แม่ค้าโอดราคาหมูทะลุกิโลละ 170 ต้องขาดทุนทุกวัน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_4515130
แม่ค้าเขียงหมูโอดหมูราคาแพงสุดในรอบ 10 ปี ทะลุกิโลกรัมละ 170 บาท สาเหตุเดิมๆ วอนรัฐคุมราคา ถ้าแพงกว่านี้ลูกค้าก็ไปซื้ออย่างอื่นแทน ต้องขาดทุนทุกวัน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 ก.ค. ที่ตลาดสดเทศบาล 1 ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาจำหน่ายหมูสด หมูเนื้อแดง หมูสามชั้น สันคอหมู หลังพบว่ามีการปรับราคาสูงขึ้นจากเดิม โดยหมูสันในจากเดิม กิโลกรัมละ 150 บาท ปรับราคาเป็น 170 บาท หมูเนื้อแดงจากเดิม กิโลกรัมละ 150 บาท ปรับราคาใหม่เป็น 170 บาท
ส่วนราคาหมูหน้าฟาร์มปรับราคาสูงขึ้นจากเดิม 70 บาท ปรับราคาใหม่เป็น 85 บาท ภายในระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งถือเป็นการปรับราคาขึ้นเร็วและแพงที่สุดในรอบ 10 ปี
นาง
คนึงนิตย์ โนนทนวงษ์ อายุ 54 ปี ชาว อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่อาจทำให้หมูราคาแพงหลังจากปลดล็อกโควิด คือการที่สามารถส่งหมูออกไปจำหน่ายต่างประเทศได้ อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาหมูเลี้ยงอาจจะตายเยอะ ทำให้จำนวนประชากรหมูลดลง ก็เป็นปัญหาเดิมๆ เพราะพอหมูเป็นตัวน้อยลง ฟาร์มก็ปรับราคาขึ้น
“แต่ครั้งนี้ราคาขยับขึ้นเร็วกว่าปกติ เพราะหลังจากปลดล็อกโควิดราคาก็ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือน มิ.ย. จากเดิมหมูเป็นหน้าฟาร์ม กิโลกรัมละ 70-75 บาท ตอนนี้ปรับราคาขายเป็นกิโลกรัมละ 85 บาท ทำให้ราคาขายปลีกเนื้อหมูในตลาดสดต้องปรับราคาขึ้นตามจากเดิมอยู่ที่ กิโลกรัมละ 150-155 บาท ปรับราคาขึ้นเป็น 170 บาท
ซึ่งจัดเป็นการปรับราคาเร็วและแพงสุดในรอบ 10 ปี แต่ราคาหมูที่แพงแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อประมาณ 10 กว่าปี แต่ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก ขออย่าให้ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มขยับราคาขึ้นอีก ขอให้ราคานิ่งถ้ายังเท่านี้ ก็ยังสามารถอยู่ได้ลูกค้ายังพอมีกำลังซื้อ แต่ถ้าราคาหน้าฟาร์มขยับราคาขึ้นอีก ก็จะเริ่มขายยาก เพราะตอนนี้ลูกค้าก็มาซื้อลงลดจากเดิมเคยซื้อ 10 กิโลกรัม ก็ลงลดเหลือ 5 กิโลกรัม” นาง
คนึงนิตย์ กล่าว
นาง
คนึงนิตย์ กล่าวต่อว่า อยากให้รัฐบาลเข้ามาคุมราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มอย่างเร่งด่วน โดยขอให้ราคาลดลงคุมราคาอยู่ที่ 70-75 บาท เหมือนเดิม ราคาขายปลีกหน้าร้านก็จะอยู่ที่ 160 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ยังพอรับได้ ลูกค้าจะได้หันกลับมาซื้อเนื้อหมูไปบริโภคกันมากขึ้น เพราะขณะนี้แม่ค้า-พ่อค้าเขียงหมูเดือดร้อนมาก ถ้าขายแพงลูกค้าก็ไปซื้ออย่างอื่นแทน ทำให้การขายหมูทุกวันนี้ไม่มีกำไร และต้องขาดทุนทุกวัน
JJNY : พิชัยเย้ยล้มเหลวอาจเกินเยียวยา/อนุชาโวยพปชร.เล่นกันเอง/แพงสุดรอบ10ปีแม่ค้าโอดราคาหมู/คาดศก.ระยองเสียหายวันละ200ล.
https://www.innnews.co.th/politics/news_723727/
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าพบสื่อสำนักต่างๆ ทั้งที่ตลอด 6 ปีไม่เคยทำมาก่อน น่าจะเป็นเพราะทราบดีว่าความนิยมของตัวเองมีความเสื่อมถอยลงอย่างมาก ดังนั้นการเข้าพบสื่อสำนักต่างๆนี้ น่าจะได้รับข้อมูลจริงที่สำคัญ 9 ข้อดังนี้
1. ความนิยมในตัวพล.อ.ประยุทธ์เสื่อมถอยลงจริง เพราะตลอด 6 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไม่มีผลงานให้ประชาชนจับต้องได้
2. เศรษฐกิจไทยย่ำแย่อย่างมาก ประชาชนเดือดร้อน ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดตั้งแต่ก่อนมีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
3. การปรับ ครม. ที่จะเกิดขึ้น จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะพิสูจน์ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้หรือไม่
4. ความผิดซ้ำซ้อน ตั้งแต่ครั้งแรกที่ปล่อยให้มีการแพร่ไวรัสที่สนามมวยที่เป็นต้นเหตุของการแพร่กระจายครั้งแรก ต้องล็อกดาวน์กัน
5. การข่มขู่ว่าจะล็อกดาวน์ ปิดเมือง ทั้งที่เป็นความผิดพลาดของภาครัฐในการปล่อยให้เกิดการกระจายไวรัสของอภิสิทธิ์ชน
6. เศรษฐกิจไทยจะฟื้นได้ยากมาก เพราะไทยขาดการลงทุนภาคเอกชนมาตลอด 6 ปี เพราะรัฐบาลจากระบอบเผด็จการไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้ แถมการใช้จ่ายภาครัฐยังสะเปะสะปะเหมือนการจัดงบประมาณปี 64 และ การใช้เงิน 4 แสนล้าน ที่ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจจริง
7. ความไม่พอใจของนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ที่มีต่อรัฐบาลจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
8. การหาจุดสมดุลระหว่างการป้องกันการระบาดไวรัสและการดำเนินการทางเศรษฐกิจ
9. อย่าหลงเชื่อ คนเอาใจ สื่อเอียงข้าง หรือโพลที่ออกมาอวย โดยไม่ได้ดูความเป็นจริงว่าสถานการณ์เศรษฐกิจ การเมือง และ สังคม ของประเทศได้ทรุดโทรม
ทั้งนี้ นายพิชัย กล่าวว่า ความจริงทั้ง 9 ข้อนี้น่าจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้องที่ พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะต้องได้รับจากการพบสื่อมวลชน หากไม่เลือกรับฟังเฉพาะเรื่องที่ตัวเองอยากฟังเท่านั้น ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ควรนำไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไข พร้อมไปกับการ ปรับ ครม. ครั้งนี้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะสายเกินไปแล้วหรือไม่ เพราะความล้มเหลวอาจจะเกินเยียวยาแล้ว
'อนุชา' โวย พปชร.เล่นกันเอง ชกใต้เข็มขัด ปล่อยข่าว 'สุริยะ' ค้าน 'ไพรินทร์' นั่งพลังงาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2268446
ด่วน! อนุชา โวย แกนนำพปชร. ชกใต้เข็มขัด ซัดไร้ศักดิ์ศรี ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ปล่อยข่าวค้าน ไพรินทร์ นั่งพลังงาน
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ตนเองจะนำกลุ่มส.ส. แถลงคัดค้าน ไม่ให้นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ซึ่งมีชื่อเป็นแคนดิเดต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และจะสนับสนุน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแทนว่า เรื่องดังกล่าว ไม่เป็นความจริงแม่แต่น้อย ไม่มีการนัดรวมตัวส.ส. เพื่อแถลงคัดค้านใครทั้งสิ้น เพราะการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี(ครม.) เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ ข่าวที่ออกมาตนจึงเชื่อว่า แกน นำคนหนึ่งของพรรค เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และเป็นการชกใต้เข็มขัด ที่ไม่สมศักดิ์ ที่ได้ปล่อยข่าวนี้ออกมา
แพงสุดในรอบ 10 ปี! แม่ค้าโอดราคาหมูทะลุกิโลละ 170 ต้องขาดทุนทุกวัน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_4515130
แม่ค้าเขียงหมูโอดหมูราคาแพงสุดในรอบ 10 ปี ทะลุกิโลกรัมละ 170 บาท สาเหตุเดิมๆ วอนรัฐคุมราคา ถ้าแพงกว่านี้ลูกค้าก็ไปซื้ออย่างอื่นแทน ต้องขาดทุนทุกวัน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 ก.ค. ที่ตลาดสดเทศบาล 1 ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาจำหน่ายหมูสด หมูเนื้อแดง หมูสามชั้น สันคอหมู หลังพบว่ามีการปรับราคาสูงขึ้นจากเดิม โดยหมูสันในจากเดิม กิโลกรัมละ 150 บาท ปรับราคาเป็น 170 บาท หมูเนื้อแดงจากเดิม กิโลกรัมละ 150 บาท ปรับราคาใหม่เป็น 170 บาท
ส่วนราคาหมูหน้าฟาร์มปรับราคาสูงขึ้นจากเดิม 70 บาท ปรับราคาใหม่เป็น 85 บาท ภายในระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งถือเป็นการปรับราคาขึ้นเร็วและแพงที่สุดในรอบ 10 ปี
นางคนึงนิตย์ โนนทนวงษ์ อายุ 54 ปี ชาว อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่อาจทำให้หมูราคาแพงหลังจากปลดล็อกโควิด คือการที่สามารถส่งหมูออกไปจำหน่ายต่างประเทศได้ อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาหมูเลี้ยงอาจจะตายเยอะ ทำให้จำนวนประชากรหมูลดลง ก็เป็นปัญหาเดิมๆ เพราะพอหมูเป็นตัวน้อยลง ฟาร์มก็ปรับราคาขึ้น
“แต่ครั้งนี้ราคาขยับขึ้นเร็วกว่าปกติ เพราะหลังจากปลดล็อกโควิดราคาก็ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือน มิ.ย. จากเดิมหมูเป็นหน้าฟาร์ม กิโลกรัมละ 70-75 บาท ตอนนี้ปรับราคาขายเป็นกิโลกรัมละ 85 บาท ทำให้ราคาขายปลีกเนื้อหมูในตลาดสดต้องปรับราคาขึ้นตามจากเดิมอยู่ที่ กิโลกรัมละ 150-155 บาท ปรับราคาขึ้นเป็น 170 บาท
ซึ่งจัดเป็นการปรับราคาเร็วและแพงสุดในรอบ 10 ปี แต่ราคาหมูที่แพงแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อประมาณ 10 กว่าปี แต่ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก ขออย่าให้ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มขยับราคาขึ้นอีก ขอให้ราคานิ่งถ้ายังเท่านี้ ก็ยังสามารถอยู่ได้ลูกค้ายังพอมีกำลังซื้อ แต่ถ้าราคาหน้าฟาร์มขยับราคาขึ้นอีก ก็จะเริ่มขายยาก เพราะตอนนี้ลูกค้าก็มาซื้อลงลดจากเดิมเคยซื้อ 10 กิโลกรัม ก็ลงลดเหลือ 5 กิโลกรัม” นางคนึงนิตย์ กล่าว
นางคนึงนิตย์ กล่าวต่อว่า อยากให้รัฐบาลเข้ามาคุมราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มอย่างเร่งด่วน โดยขอให้ราคาลดลงคุมราคาอยู่ที่ 70-75 บาท เหมือนเดิม ราคาขายปลีกหน้าร้านก็จะอยู่ที่ 160 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ยังพอรับได้ ลูกค้าจะได้หันกลับมาซื้อเนื้อหมูไปบริโภคกันมากขึ้น เพราะขณะนี้แม่ค้า-พ่อค้าเขียงหมูเดือดร้อนมาก ถ้าขายแพงลูกค้าก็ไปซื้ออย่างอื่นแทน ทำให้การขายหมูทุกวันนี้ไม่มีกำไร และต้องขาดทุนทุกวัน