‘โทนี่’ วิพากษ์ ‘คนละครึ่ง’ หมุน ศก.ได้รอบเดียว ย้อนคนไม่มีเอาที่ไหนมาจ่ายอีกครึ่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3116534
‘โทนี่’ วิพากษ์ ‘เราชนะ-คนละครึ่ง’ ศก.หมุนได้รอบเดียว ย้อนคนไม่มีเอาที่ไหนมาจ่ายอีกครึ่ง
เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 4 กรกฎาคม นาย
ทักษิณ ชินวัตร หรือ
โทนี่ วู้ดซัม อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมพูดคุยใน CARE Talk x CARE ClubHouse ในตอน “
ถอดบทเรียนสึนามิเพื่อกู้วิกฤตโควิด ประเทศจะรอดผู้นำต้องฉลาดจริงไหม?”
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งมีผู้เข้ามาสอบถามถึงประโยชน์ของโครงการเราชนะ และคนละครึ่งของรัฐบาลว่า
ขอถามคำถามโง่ๆ ว่าเงินคนละครึ่ง เราชนะ มันมาจากไหน พวกผมได้ประโยชน์จริงหรือ เพราะผมก็ใช่ ได้รับเงินคนละครึ่งทุกเฟสเลย ?
โทนี่ตอบว่า
ก็เงินกู้ไง เขากู้มา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้โควิด ส่วนหนึ่งที่ใช้ไอเดียนี้ มาจากสมัยที่ สี่กุมารยังอยู่ แต่ไม่รู้ว่ากุมารโตคลอดลูกหรือยัง เป็นไอเดียที่ พล.อ.ประยุทธ์สนใจ จึงใช้ต่อ แต่จริงๆ ไม่ได้ช่วยเศรษฐกิจเท่าไหร่ คนมีตังค์ได้ประโยชน์ คนไม่มีตังค์เขาไม่ได้เท่าไหร่ เพราะคนไม่มีเงินจะสมทบก็มีเยอะ อีกทั้งยังไม่ทั่วถึงด้วย น่าจะใช้เงินส่วนนี้มาสร้างเศรษฐกิจตัวอื่น โดยเฉพาะฐานราก ถ้าฐานรากเดิน ทุกอย่างก็เดินได้ หมุนได้หลายรอบกว่า อันนี้หมุนได้รอบเดียวมันน่าเสียดาย รัฐไม่มีไอเดียใหม่ๆ
หมูแพง ปิดแผงขายเพียบ ต้นทุนพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี
https://www.prachachat.net/economy/news-835038
แผงขายหมูปิดระนาว รับไม่ไหวต้นทุนหน้าฟาร์มขึ้น 2 รอบ 45 บาทต่อกิโลกรัม สูงสุดรอบ 40 ปี ต้องขยับราคาหน้าเขียง ทะลุ 230 บาท หวั่นรัฐใช้มาตรการกำหนดราคาควบคุมปลายทาง บีบเขียงตรึงราคา ด้านผู้ประกอบการรายย่อย ร้านอาหาร กระอักต้นทุนหมูแพงปรับขึ้นราคาอาหารแล้ว 2- 5 บาท
สถานการณ์การผลิตหมูลดลงกว่า 50% จากผู้เลี้ยงรายย่อย “ต้นน้ำ” ไม่สามารถแบกรับต้นทุนการเลี้ยงที่เพิ่มสูงขึ้นและปัญหาโรคระบาดได้ ต้องยุติการเลี้ยง 80-90% แต่ล่าสุดสถานการณ์เริ่มรุนแรงขยายวงสู่แผงค้าหมูและผู้บริโภคปลายน้ำแล้ว
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ได้ลงพื้นที่สำรวจตลาด แผงค้าหมู ในพื้นที่กรุงเทพ พบว่ามีเริ่มเห็นการปิดแผงหมูแล้ว
นาย
สังวาล นาคสุ่ม เจ้าของร้านหมู ในตลาดประชานิเวศน์ 1 เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ตลาดประชานิเวศน์เหลือแผงหมู แค่ 2 แผงจากเดิมที่มี 5-6 แผง หลังจากที่สถานการณ์ราคาหมูปรับสูงขึ้น 2 ครั้ง เมื่อวันพระ 2 รอบที่ผ่านมา
โดยรอบแรกปลายเดือนธันวาคม ปรับขึ้น กิโลกรัมละ 25 บาท รอบที่ 2 วันที่ 3 ธันวาคม 2564 ปรับขึ้นอีก 20 บาท รวมเป็น 45 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ปัจจุบันราคาขายส่ง หมู (หมูซีก) อยู่ที่ กิโลกรัมละ 123 บาทเป็นต้นทุนที่สูงที่ไม่เคยพบมาก่อนตั้งแต่คลุกคลีในวงการหมูมา 40 ปี และขายยาก
จากราคาดังกล่าว แผงก็จำเป็นต้องปรับราคาขายอีกชนิดละ 20 บาทต่อกิโลกรัม โดยหมูเนื้อแดงขึ้นจาก 210 บาท เป็น 230 บาท สันนอก จากกิโลกรัมละ 220 เป็น 240 บาท เนื้อสันในและสันคอ จากกิโลกรัมละ 235 เป็น 255 บาท เนื้อสามชั้น จากกิโลกรัมละ 245 เป็น 265 บาท กระดูกซี่โครงหมู จากกิโลกรัมละ 200 เป็น 220 บาท ซี่โครงอ่อน จาก กิโลกรัมละ 210 เป็น 230 บาท ตับหมู จากกิโลกรัมละ 150 เป็น 170 บาท เครื่องใน ไส้อ่อน จากกิโลกรัมละ 180 เป็น 200 บาท หมูบด จากกิโลกรัมละ 190 เป็น 210 บาท มันหมู จากกิโลกรัมละ 80 เป็น 100 บาท และขาหมู จากิโลกรัมละ 100 เป็น 120 บาท
“แนวโน้มราคามีโอกาสที่จะปรับขึ้นไปอีก อาจจะถึง 300 บาท ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งทางแผงคงไม่สั่งหมูแต่ไม่ปิดแผง คงขายเท่าที่มี เพราะตอนนี้ลูกค้าลดการไหว้ลงไปมาก บางคนไหว้รวมสาร์ทจีน ตรุษจีน และเปลี่ยนไปไหว้ด้วยสินค้าอื่น ผลกระทบนอกจากตลาดประชานิเวศน์ แล้วได้รับทราบมาว่าตลาดบางแห่ง อย่าง บางใหญ่ พรานนกเหลือร้านขายหมูเพียง 1-2 รายเช่นกัน แต่เราไม่ได้ห่วงว่าหมูจะขาดตลาดเพราะโรคระบาดเพราะตั้งแต่ขายมา 40 ปีก็ยังไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น หมูไม่มีทางขาดตลาดแน่นอน แต่ราคาหมูสูงเกินไปขายยากทำให้แผงต้องปิด”
สำหรับมาตรการที่ต้องการให้รัฐดูแล ก็อยากให้รับไปดูแลตรงต้นทางทำอย่างไรให้ราคาหมูไม่สูงขึ้นไปอีก แต่กังวลว่า หากใช้มาตรการคุมราคาเช่นเดียวกับที่ผ่านมาคือมารัฐมักกำหนดราคาควบคุมเฉพาะขายปลีก ซึ่งถ้าคุมอีกแผงค้าหมูคงหยุด
“การผลิตหมูจะมีฟาร์ม ต้นทาง ขายส่งให้พ่อค้ากลาง ชำแหละและขายให้แผงค้าอีกที หากฟาร์มปรับขึ้น กิโลกรัม10 บาท พ่อค้าที่รับมาจะปรับขึ้นอีก 10 บาท รวมเป็น 20 บาท ขณะนี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 123 บาท ซึ่งนี้เป็นราคาหมู่ซีกเท่านั้น ทางแผงจะต้องเอามาชำแหละเสียค่าใช้จ่ายอีก ตัวละ 200 บาท เพื่อ แยกชิ้นส่วน แบ่งขายตามชิ้นส่วนที่มีราคาแตกต่างกัน ถ้าซื้อหมู 1 ตัว น้ำหนัก 100 กิโลกรัม กำไรมากหรือน้อยขึ้นกับว่า แบ่งออกมาได้เนื้อแดง 30% ถือว่าดี แต่บางทีจะได้น้อยกว่านั้นได้มันหมูสัดส่วนมากกว่า ก็ราคาถูกลง”
รายงานข่าว ระบุว่า ผลกระทบจากราคาหมูเริ่มส่งผลกระทบไปยังผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อย ที่ใช้เนื้อหมูเป็นวัตถุดิบ
นางสาว
ราตรี สังฆพรม เจ้าของร้านคอหมูย่าง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เปิดร้านข้อมูลย่างมาเป็นเวลา 20 ปี ยังไม่เคยพบเหตุการณ์ที่ต้นทุนหมูปรับสูงขึ้นอย่างนี้มาก่อน ทางร้านก็ได้มีการปรับขึ้นราคาเมนูละ 5 บาท จากชิ้นละ 30 เป็น 35 บาท จาก 40 ก็ขาย 45 บาท เพื่อให้สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ เพราะถ้าหยุดกิจการไปก็ไม่รู้ว่าจะไปค้าขายอะไร
นาง
ขนิษฐา สวนส้ม เจ้าของร้านซาลาเปา และขนมจีบ กล่าวว่า ขณะนี้ได้แจ้งปรับขึ้นราคากับลูกค้าซาลาเปาไส้หมู ปรับขึ้นลูกละ 2 บาท จาก 15 บาท เป็น 17 บาท ขณะที่ขนมจีบจากที่เคยขาย 5 ลูก 20 บาท เป็น 7 ลูก 30 บาท เพราะต้นทุนของซาลาเปาและขนมจีบปรับขึ้นเท่าตัว
“ผลกระทบที่เกิดขึ้นลูกค้าก็ไม่กิน ลูกค้าไม่ได้บ่นว่าแพงแต่เลือกที่จะไม่ซื้อเพราะขนมจีบซาลาเปาไม่ใช่สินค้าจำเป็น จึงอยากจะให้ภาครัฐเข้ามาช่วยดูแลเพราะสินค้าถ้าขึ้นไปแล้วหลังจากนี้ก็ไม่ลงแล้ว ถึงแม้ว่าหมูจะราคาลงก็ตาม”
นางสาว
วราภรณ์ คงเดช เจ้าของร้านอาหารตามสั่ง กล่าวว่า ขนาดนี้ทางร้านยังคงราคาที่เมนูละ 50 บาทต่อกล่อง เหตุที่ไม่ได้ปรับขึ้นราคาหลังจากที่ต้นทุนหมูปรับสูงขึ้นเพราะว่าทางร้านบริหารจัดการต้นทุน โดยใช้เนื้อสัตว์ชนิดอื่นมาปรุงเป็นอาหารปรุงสำเร็จเช่นไก่ปลา จึงสามารถที่จะเฉลี่ยต้นทุนได้ แม้ว่าหมูจะปรับขึ้น 300 บาท แต่ทางร้านก็จะไม่ปรับขึ้นราคา
จีนล็อกดาวน์ “หยูโจว” เป็นเมืองที่สอง ซีอานยังหิวโหย-แห่แลกของใช้กับอาหาร
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6816919
ประเทศจีน เมื่อทางการท้องถิ่น เมืองหยูโจว มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลาง ประกาศล็อกดาวน์คุมเข้มประชากรราว 1.1 ล้านคน
หลังพบผู้ป่วยไม่แสดงอาการเพียง 3 คน และส่งผลให้ต้องประกาศใช้มาตรการเข้มงวด ระงับให้บริการขนส่งมวลชนทั้งหมดในเมืองหยูโจว ปิดร้านค้าทั่วไปและให้เปิดบริการได้เฉพาะร้านขายสินค้าจำเป็นเพื่อการบริโภค-อุปโภค
ทางการเมืองหยูโจวระบุอีกว่า การควบคุมการแพร่ระบาดในระยะเวลาอันสั้นถือเป็นภารกิจสำคัญสูงสุดทางการเมือง ทั้งในส่วนของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งทุกคนได้รับคำสั่งให้อยู่ในเคหสถาน และมีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการควบคุมโรคเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้
ขณะที่ผู้ป่วยใหม่ทั่วประเทศพบอีก 175 คน รวมยอดสะสม 102,841 คน และเสียชีวิตเท่าเดิมที่ 4,636 ราย
เมืองหยูโจวเป็นเมืองที่สองต่อจากเมืองซีอาน มณฑลส่านซี ซึ่งล็อกดาวน์ประชากรกว่า 13 ล้านคนตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค.2564 และหลังจากผ่านมาเกือบ 2 สัปดาห์สถานการณ์ในเมืองซีอานก็เริ่มดีขึ้น มีผู้ป่วยใหม่เมื่อวันจันทร์ที่ 3 ม.ค. 95 คน ลดลงจากจำนวนผู้ติดเชื้อเกิน 150 คนต่อวัน
ขณะเดียวกันยังมีกระแสข่าวชาวบ้านในเมืองซีอานแลกของใช้กับอาหารภายหลังประสบภาวะขาดแคลนอาหารเนื่องจากไม่สามารถออกจากบ้านไปซื้อของได้ แม้ทางการจะปฏิเสธและว่ามีการกระจายวัตถุดิบประกอบอาหารอย่างทั่วถึง แต่เพราะเจ้าหน้าที่มีจำกัดจึงเกิดความล่าช้า
ชาวเมืองซีอานแซ่หวังคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับเรดิโอฟรีเอเชียว่า ผู้คนแลกของระหว่างกันกับคนที่อยู่อาศัยในอาคารที่พักเดียวกัน ส่วนชายอีกคนบอกว่าต้องการแลกโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตกับข้าวสาร
JJNY : ‘โทนี่’ วิพากษ์ ‘คนละครึ่ง’│หมูแพง ต้นทุนพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี│จีนล็อกดาวน์“หยูโจว”│ราคาน้ำมัน ปรับขึ้นทุกชนิด
https://www.matichon.co.th/politics/news_3116534
‘โทนี่’ วิพากษ์ ‘เราชนะ-คนละครึ่ง’ ศก.หมุนได้รอบเดียว ย้อนคนไม่มีเอาที่ไหนมาจ่ายอีกครึ่ง
เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 4 กรกฎาคม นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมพูดคุยใน CARE Talk x CARE ClubHouse ในตอน “ถอดบทเรียนสึนามิเพื่อกู้วิกฤตโควิด ประเทศจะรอดผู้นำต้องฉลาดจริงไหม?”
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งมีผู้เข้ามาสอบถามถึงประโยชน์ของโครงการเราชนะ และคนละครึ่งของรัฐบาลว่า ขอถามคำถามโง่ๆ ว่าเงินคนละครึ่ง เราชนะ มันมาจากไหน พวกผมได้ประโยชน์จริงหรือ เพราะผมก็ใช่ ได้รับเงินคนละครึ่งทุกเฟสเลย ?
โทนี่ตอบว่า ก็เงินกู้ไง เขากู้มา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้โควิด ส่วนหนึ่งที่ใช้ไอเดียนี้ มาจากสมัยที่ สี่กุมารยังอยู่ แต่ไม่รู้ว่ากุมารโตคลอดลูกหรือยัง เป็นไอเดียที่ พล.อ.ประยุทธ์สนใจ จึงใช้ต่อ แต่จริงๆ ไม่ได้ช่วยเศรษฐกิจเท่าไหร่ คนมีตังค์ได้ประโยชน์ คนไม่มีตังค์เขาไม่ได้เท่าไหร่ เพราะคนไม่มีเงินจะสมทบก็มีเยอะ อีกทั้งยังไม่ทั่วถึงด้วย น่าจะใช้เงินส่วนนี้มาสร้างเศรษฐกิจตัวอื่น โดยเฉพาะฐานราก ถ้าฐานรากเดิน ทุกอย่างก็เดินได้ หมุนได้หลายรอบกว่า อันนี้หมุนได้รอบเดียวมันน่าเสียดาย รัฐไม่มีไอเดียใหม่ๆ
หมูแพง ปิดแผงขายเพียบ ต้นทุนพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี
https://www.prachachat.net/economy/news-835038
แผงขายหมูปิดระนาว รับไม่ไหวต้นทุนหน้าฟาร์มขึ้น 2 รอบ 45 บาทต่อกิโลกรัม สูงสุดรอบ 40 ปี ต้องขยับราคาหน้าเขียง ทะลุ 230 บาท หวั่นรัฐใช้มาตรการกำหนดราคาควบคุมปลายทาง บีบเขียงตรึงราคา ด้านผู้ประกอบการรายย่อย ร้านอาหาร กระอักต้นทุนหมูแพงปรับขึ้นราคาอาหารแล้ว 2- 5 บาท
สถานการณ์การผลิตหมูลดลงกว่า 50% จากผู้เลี้ยงรายย่อย “ต้นน้ำ” ไม่สามารถแบกรับต้นทุนการเลี้ยงที่เพิ่มสูงขึ้นและปัญหาโรคระบาดได้ ต้องยุติการเลี้ยง 80-90% แต่ล่าสุดสถานการณ์เริ่มรุนแรงขยายวงสู่แผงค้าหมูและผู้บริโภคปลายน้ำแล้ว
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ได้ลงพื้นที่สำรวจตลาด แผงค้าหมู ในพื้นที่กรุงเทพ พบว่ามีเริ่มเห็นการปิดแผงหมูแล้ว
นายสังวาล นาคสุ่ม เจ้าของร้านหมู ในตลาดประชานิเวศน์ 1 เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ตลาดประชานิเวศน์เหลือแผงหมู แค่ 2 แผงจากเดิมที่มี 5-6 แผง หลังจากที่สถานการณ์ราคาหมูปรับสูงขึ้น 2 ครั้ง เมื่อวันพระ 2 รอบที่ผ่านมา
โดยรอบแรกปลายเดือนธันวาคม ปรับขึ้น กิโลกรัมละ 25 บาท รอบที่ 2 วันที่ 3 ธันวาคม 2564 ปรับขึ้นอีก 20 บาท รวมเป็น 45 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ปัจจุบันราคาขายส่ง หมู (หมูซีก) อยู่ที่ กิโลกรัมละ 123 บาทเป็นต้นทุนที่สูงที่ไม่เคยพบมาก่อนตั้งแต่คลุกคลีในวงการหมูมา 40 ปี และขายยาก
จากราคาดังกล่าว แผงก็จำเป็นต้องปรับราคาขายอีกชนิดละ 20 บาทต่อกิโลกรัม โดยหมูเนื้อแดงขึ้นจาก 210 บาท เป็น 230 บาท สันนอก จากกิโลกรัมละ 220 เป็น 240 บาท เนื้อสันในและสันคอ จากกิโลกรัมละ 235 เป็น 255 บาท เนื้อสามชั้น จากกิโลกรัมละ 245 เป็น 265 บาท กระดูกซี่โครงหมู จากกิโลกรัมละ 200 เป็น 220 บาท ซี่โครงอ่อน จาก กิโลกรัมละ 210 เป็น 230 บาท ตับหมู จากกิโลกรัมละ 150 เป็น 170 บาท เครื่องใน ไส้อ่อน จากกิโลกรัมละ 180 เป็น 200 บาท หมูบด จากกิโลกรัมละ 190 เป็น 210 บาท มันหมู จากกิโลกรัมละ 80 เป็น 100 บาท และขาหมู จากิโลกรัมละ 100 เป็น 120 บาท
“แนวโน้มราคามีโอกาสที่จะปรับขึ้นไปอีก อาจจะถึง 300 บาท ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งทางแผงคงไม่สั่งหมูแต่ไม่ปิดแผง คงขายเท่าที่มี เพราะตอนนี้ลูกค้าลดการไหว้ลงไปมาก บางคนไหว้รวมสาร์ทจีน ตรุษจีน และเปลี่ยนไปไหว้ด้วยสินค้าอื่น ผลกระทบนอกจากตลาดประชานิเวศน์ แล้วได้รับทราบมาว่าตลาดบางแห่ง อย่าง บางใหญ่ พรานนกเหลือร้านขายหมูเพียง 1-2 รายเช่นกัน แต่เราไม่ได้ห่วงว่าหมูจะขาดตลาดเพราะโรคระบาดเพราะตั้งแต่ขายมา 40 ปีก็ยังไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น หมูไม่มีทางขาดตลาดแน่นอน แต่ราคาหมูสูงเกินไปขายยากทำให้แผงต้องปิด”
สำหรับมาตรการที่ต้องการให้รัฐดูแล ก็อยากให้รับไปดูแลตรงต้นทางทำอย่างไรให้ราคาหมูไม่สูงขึ้นไปอีก แต่กังวลว่า หากใช้มาตรการคุมราคาเช่นเดียวกับที่ผ่านมาคือมารัฐมักกำหนดราคาควบคุมเฉพาะขายปลีก ซึ่งถ้าคุมอีกแผงค้าหมูคงหยุด
“การผลิตหมูจะมีฟาร์ม ต้นทาง ขายส่งให้พ่อค้ากลาง ชำแหละและขายให้แผงค้าอีกที หากฟาร์มปรับขึ้น กิโลกรัม10 บาท พ่อค้าที่รับมาจะปรับขึ้นอีก 10 บาท รวมเป็น 20 บาท ขณะนี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 123 บาท ซึ่งนี้เป็นราคาหมู่ซีกเท่านั้น ทางแผงจะต้องเอามาชำแหละเสียค่าใช้จ่ายอีก ตัวละ 200 บาท เพื่อ แยกชิ้นส่วน แบ่งขายตามชิ้นส่วนที่มีราคาแตกต่างกัน ถ้าซื้อหมู 1 ตัว น้ำหนัก 100 กิโลกรัม กำไรมากหรือน้อยขึ้นกับว่า แบ่งออกมาได้เนื้อแดง 30% ถือว่าดี แต่บางทีจะได้น้อยกว่านั้นได้มันหมูสัดส่วนมากกว่า ก็ราคาถูกลง”
รายงานข่าว ระบุว่า ผลกระทบจากราคาหมูเริ่มส่งผลกระทบไปยังผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อย ที่ใช้เนื้อหมูเป็นวัตถุดิบ
นางสาวราตรี สังฆพรม เจ้าของร้านคอหมูย่าง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เปิดร้านข้อมูลย่างมาเป็นเวลา 20 ปี ยังไม่เคยพบเหตุการณ์ที่ต้นทุนหมูปรับสูงขึ้นอย่างนี้มาก่อน ทางร้านก็ได้มีการปรับขึ้นราคาเมนูละ 5 บาท จากชิ้นละ 30 เป็น 35 บาท จาก 40 ก็ขาย 45 บาท เพื่อให้สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ เพราะถ้าหยุดกิจการไปก็ไม่รู้ว่าจะไปค้าขายอะไร
นางขนิษฐา สวนส้ม เจ้าของร้านซาลาเปา และขนมจีบ กล่าวว่า ขณะนี้ได้แจ้งปรับขึ้นราคากับลูกค้าซาลาเปาไส้หมู ปรับขึ้นลูกละ 2 บาท จาก 15 บาท เป็น 17 บาท ขณะที่ขนมจีบจากที่เคยขาย 5 ลูก 20 บาท เป็น 7 ลูก 30 บาท เพราะต้นทุนของซาลาเปาและขนมจีบปรับขึ้นเท่าตัว
“ผลกระทบที่เกิดขึ้นลูกค้าก็ไม่กิน ลูกค้าไม่ได้บ่นว่าแพงแต่เลือกที่จะไม่ซื้อเพราะขนมจีบซาลาเปาไม่ใช่สินค้าจำเป็น จึงอยากจะให้ภาครัฐเข้ามาช่วยดูแลเพราะสินค้าถ้าขึ้นไปแล้วหลังจากนี้ก็ไม่ลงแล้ว ถึงแม้ว่าหมูจะราคาลงก็ตาม”
นางสาววราภรณ์ คงเดช เจ้าของร้านอาหารตามสั่ง กล่าวว่า ขนาดนี้ทางร้านยังคงราคาที่เมนูละ 50 บาทต่อกล่อง เหตุที่ไม่ได้ปรับขึ้นราคาหลังจากที่ต้นทุนหมูปรับสูงขึ้นเพราะว่าทางร้านบริหารจัดการต้นทุน โดยใช้เนื้อสัตว์ชนิดอื่นมาปรุงเป็นอาหารปรุงสำเร็จเช่นไก่ปลา จึงสามารถที่จะเฉลี่ยต้นทุนได้ แม้ว่าหมูจะปรับขึ้น 300 บาท แต่ทางร้านก็จะไม่ปรับขึ้นราคา
จีนล็อกดาวน์ “หยูโจว” เป็นเมืองที่สอง ซีอานยังหิวโหย-แห่แลกของใช้กับอาหาร
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6816919
ประเทศจีน เมื่อทางการท้องถิ่น เมืองหยูโจว มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลาง ประกาศล็อกดาวน์คุมเข้มประชากรราว 1.1 ล้านคน
หลังพบผู้ป่วยไม่แสดงอาการเพียง 3 คน และส่งผลให้ต้องประกาศใช้มาตรการเข้มงวด ระงับให้บริการขนส่งมวลชนทั้งหมดในเมืองหยูโจว ปิดร้านค้าทั่วไปและให้เปิดบริการได้เฉพาะร้านขายสินค้าจำเป็นเพื่อการบริโภค-อุปโภค
ทางการเมืองหยูโจวระบุอีกว่า การควบคุมการแพร่ระบาดในระยะเวลาอันสั้นถือเป็นภารกิจสำคัญสูงสุดทางการเมือง ทั้งในส่วนของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งทุกคนได้รับคำสั่งให้อยู่ในเคหสถาน และมีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการควบคุมโรคเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้
ขณะที่ผู้ป่วยใหม่ทั่วประเทศพบอีก 175 คน รวมยอดสะสม 102,841 คน และเสียชีวิตเท่าเดิมที่ 4,636 ราย
เมืองหยูโจวเป็นเมืองที่สองต่อจากเมืองซีอาน มณฑลส่านซี ซึ่งล็อกดาวน์ประชากรกว่า 13 ล้านคนตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค.2564 และหลังจากผ่านมาเกือบ 2 สัปดาห์สถานการณ์ในเมืองซีอานก็เริ่มดีขึ้น มีผู้ป่วยใหม่เมื่อวันจันทร์ที่ 3 ม.ค. 95 คน ลดลงจากจำนวนผู้ติดเชื้อเกิน 150 คนต่อวัน
ขณะเดียวกันยังมีกระแสข่าวชาวบ้านในเมืองซีอานแลกของใช้กับอาหารภายหลังประสบภาวะขาดแคลนอาหารเนื่องจากไม่สามารถออกจากบ้านไปซื้อของได้ แม้ทางการจะปฏิเสธและว่ามีการกระจายวัตถุดิบประกอบอาหารอย่างทั่วถึง แต่เพราะเจ้าหน้าที่มีจำกัดจึงเกิดความล่าช้า
ชาวเมืองซีอานแซ่หวังคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับเรดิโอฟรีเอเชียว่า ผู้คนแลกของระหว่างกันกับคนที่อยู่อาศัยในอาคารที่พักเดียวกัน ส่วนชายอีกคนบอกว่าต้องการแลกโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตกับข้าวสาร