ส.ส.เชียงใหม่ จี้ ประยุทธ์ ออกจากห้องแอร์ มาฟังปัญหาของแพง ความเดือดร้อนคนไทยบ้าง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3125895
 
 
ส.ส.เชียงใหม่ จี้ ประยุทธ์ ออกจากห้องแอร์ มาฟังปัญหาของแพง ความเดือดร้อนคนไทยบ้าง
 
เมื่อวันที่ 11 มกราคม น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความแสดงความเห็น เรียกร้องให้รัฐบาล แก้ปัญหาค่าครองชีพ โดย ระบุว่า
 
ร้านอาหารตามสั่งปรับราคาได้แค่ครั้งเดียว แต่ของขึ้นราคาทุกวัน ประยุทธ์ออกจากห้องแอร์ มาฟังปัญหาของประชาชนบ้าง
 
กุ้งได้ลงพื้นที่ตลาดธานินทร์เชียงใหม่ เพื่อสอบถามและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพ่อค้าแม่ค้าขาย จากกรณีที่เกิดปัญหาข้าวยากหมากแพง สารพัดสิ่งปรับราคาสูงขึ้น โดยอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับผลกระทบ คือ ร้านอาหารตามสั่ง
  
พ่อค้าแม่ค้าร้านอาหารตามสั่งบอกกับกุ้งว่า พวกเขาสามารถปรับขึ้นราคาอาหารได้เพียงครั้งเดียว เพราะหากปรับบ่อยก็จะไม่มีลูกค้าและขายไม่ได้ ในขณะที่พวกเขาสามารถปรับราคาอาหารได้เพียงครั้งเดียว แต่ราคาวัตถุดิบไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ น้ำมัน ผัก หรือแม้แต่ก๊าซหุงต้ม ต่างปรับราคาสูงขึ้นแทบทุกวัน
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้พวกเขาได้กำไรน้อยลง เนื่องจากต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น และมีลูกค้าสั่งน้อยลง จึงทำให้รายได้ลดลงตามไปด้วยปัญหาหมูแพงไม่ได้กระทบแต่เพียงพ่อค้าแม่ค้าเขียงหมู แต่ยังกระทบร้านอาหารตามสั่ง และกระทบผู้บริโภคที่ต้องจ่ายแพงขึ้น แต่ค่าแรงและเงินเดือนของพวกเขายังเท่าเดิม
  
กุ้งจากขอเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ออกจากห้องแอร์มารับฟังปัญหาของประชาชนที่กำลังประสบอยู่ ว่าพวกเขาเดือดร้อนมากเพียงใด การสั่งให้ทหารปลูกผักชีหรือแม้แต่การบอกให้ประชาชนเลี้ยงไก่บ้านละสองตัวนั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาค่าครองชีพถีบตัวพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมากในขณะนี้ได้
  
ออกมาจากห้องแอร์ลงมาจากหอคอยงาช้าง แล้วคุณจะเห็นปัญหาความเดือดร้อนและความทุกข์ยากลำบากที่ประชาชนกำลังประสบอยู่อย่างแท้จริง ไม่ใช่คอยอ่านแต่กระดาษที่ผ่านการโรยผักชีให้ดูดีมาแล้ว ที่เสนอโดยลูกน้องของคุณค่ะ
  
https://www.facebook.com/TussaneeBuranupakorn/posts/2362189937280683
 

---

 
ถึงคิวเป็ดขึ้นราคา ฟาร์มอ้างต้นทุนอาหารแพงขึ้น
https://www.one31.net/news/detail/52348
 
อ่วมหนัก! เป็ดพะโล้ขยับราคา หลังฟาร์มปรับขึ้นจากต้นทาง อ้างต้นทุนอาหารที่เลี้ยงสูงขึ้น แม่ค้าบ่นขายได้น้อยลง พลอยลำบากไปด้วย...
 
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ตลาดสดสหกรณ์ 3 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อตรวจสอบราคาเนื้อเป็ดหลังราคาเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ มีราคาขายสูงขึ้น โดยคาดว่าราคาเป็ดสดและเป็ดพะโล้น่าจะมีการปรับราคาที่สูงขึ้นเช่นกันในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงในปลายเดือนมกราคมนี้
 
นายทวีศักดิ์ อารักษ์ อายุ 65 ปี ผจก.ตลาดสหกรณ์3 เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่สินค้าต่างๆ ทยอยปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งของแห้งและของสด เช่นกระเทียม น้ำมันพืช เครื่องปรุงต่างๆ เนื้อหมูสด ไข่ไก่ ไข่เป็ด ผักสด ซึ่งทางตลาดสหกรณ์ 3 พยายามแจ้งกับพ่อค้าแม่ค้าที่ได้รับผลกระทบให้พยายามตรึงราคาให้มากที่สุดเท่าที่จะรับได้ โดยทางตลาดเองก็ได้ให้ความช่วยเหลือกับผู้ค้าหลายด้าน ทั้งค่าส่วนกลาง ค่าแผง โดยมีการลดราคาค่าเช่าให้ แต่ก็มีสินค้าบางอย่างที่ตนได้พยายามพูดคุยแล้วให้ปรับราคาขึ้นได้ ซึ่งคนทั่วไปอาจไม่รู้ต้นทุนการผลิต เช่นเป็ดพะโล้ ที่ตั้งแต่ก่อนปีใหม่เป็ดสดมีราคาปรับขึ้นมาแล้วหลายครั้ง และวันนี้ฟาร์มเป็ดได้ขอปรับราคาเพิ่มขึ้นอีก ทางตลาดจึงอนุญาตให้ปรับราคาขายขึ้นได้เนื่องจากมีต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจริง
 
น.ส.สมคิด เกลือกัน อายุ 59 ปี เจ้าของร้านเจ๊คิด เป็ดพะโล้ ปากเกร็ด กล่าวว่า ราคาเป็ดสดค่อยๆเพิ่มสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเช่นกันก่อนปีใหม่ราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 98 บาท ก็ขึ้นเป็น 100 บาท แต่พอหลังปีใหม่มาราคาเป็ดสดขยับขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 100 บาท เป็น 110 บาท และหลังเที่ยงคืนวันนี้ทางฟาร์มบริษัทที่จะนำเป็ดมาส่ง แจ้งมาว่าราคาจะขยับขึ้นอีกกิโลกรัมละ 2 บาท เป็น 112 บาท ทำให้ทางร้านเองจำใจต้องปรับราคาขายเป็ดพะโล้จากราคาตัวละ 380 บาท ขึ้นไปเป็น 390 - 400 บาท ทั้งนี้ไม่ใช่จากราคาเป็ดสดที่ขยับขึ้นราคาอย่างเดียว แต่ต้นทุนวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้ทำเป็ดพะโล้ต่างพากันขึ้นราคาทั้งหมดแพงไปหมดทุกอย่าง
 
น.ส.สมคิด กล่าวอีกว่า เริ่มท้อแท้กับอาชีพแล้ว จากปกติเคยขายเป็ดพะโล้ได้วันละ 20 ตัว ตอนนี้เหลือแค่ 5 ตัวยังขายแทบไม่หมด ไม่รู้จะไปต่อไหวไหม และตนเชื่อว่าราคาเป็ดสดจะสูงขึ้นไปอีกจนถึงเทศกาลตรุษจีนในปลายเดือนนี้ อยากให้รัฐบาลช่วยเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องของแพงโดยด่วน เพราะหากปล่อยให้ของแพงขึ้นไปแบบนี้ไม่ใช่แค่คนซื้อเท่านั้นที่เดือดร้อนคนขายก็พลอยแย่ไปด้วย.
  

---

 
ก๊าซหุงต้ม-ค่าโดยสารพุ่ง ผลักรายจ่ายคนไทยเพิ่ม
https://www.bangkokbiznews.com/business/981861

ความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ แต่สถานการณ์ราคาสินค้าและบริการที่กำลังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งจากราคาหมูที่แพงเกือบเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา ซ้ำเติมด้วยแผนพลังงานที่นำไปสู่การปรับราคา “ก๊าซแอลพีจี หรือ ก๊าซหุงต้ม" เพื่อลดภาระกองทุนน้ำมันและล่าสุดค่าโดยสารเรือคลองแสนแสบจะต้องปรับอีกระยะละ 1 บาท
 
ในการประชุมคณะกรรมการการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่จะมีขึ้นวันที่ 11 ม.ค.2565 มีสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน นั้นคาดว่าจะพิจารณาการดูแลราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนหรือ LPG ที่จะหมดมาตรการตรึงราคาที่ระดับ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ในสิ้นวันที่ 31 ม.ค.2565 
 
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การพิจารณาราคา LPG ในครั้งนี้ ค่อนข้างหนักใจ เนื่องจากขณะนี้ ค่าครองชีพภาคประชาชนได้ปรับขึ้นต่อเนื่อง จะเห็นได้ชัดเจนคือเนื้อหมู และไข่ไก่ ที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับเงินเฟ้อ ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้จัดทำแนวทางการทยอยปรับขึ้นราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นLPG เบื้องต้นไว้ 3 ครั้ง ปรับขึ้นไตรมาสละ 0.9346 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) ซึ่งไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าการตลาด หรือจนถึงปลายปี25665 ขึ้นไปประมาณกิโลกรัมละ 3 บาท จากปัจจุบัน 14.3758 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 17.1795 บาทต่อกิโลกรัม 
 
จะทำให้กรอบราคาขายปลีกLPG อยู่ที่ราว 363 ต่อถัง 15 กิโลกรัม หรือขึ้นไปประมาณ 45 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัมทำให้กองทุนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของบัญชีแอลพีจีปัจจุบันติดลบ 23,178 ล้านบาท จนสถานะกองทุนน้ำมันฯ ติดลบ 5,945 ล้านบาท หรือติดลบเดือนละ 1,700 ล้านบาท
 
ทั้งนี้ หากกบง.ปรับขึ้นราคาครั้งนี้จะปรับจาก 14.3758 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 15.3104 บาทต่อกิโลกรัม หรือจาก 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัมเป็น 333 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ครั้งที่ 2 จาก 15.3104 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 16.2450 บาทต่อกิโลกรัม หรือจาก 333 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัมเป็น 348 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม และครั้งที่ 3 จาก 16.2450 บาทต่อกิโลกรัมเป็น 17.1795 บาทต่อกิโลกรัม หรือจาก 348 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม เป็น 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม 
 
“แนวทางทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบกบง. หารือร่วมกัน เพราะคณะกรรมการมาจากหลายภาคส่วน อาทิ กระทรวงพลังงาน, กระทรวงการคลัง, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ต้องประชุมกันอย่างเข้มข้น เพื่อให้มติที่จะออกมาส่งผลกระทบต่อภาคประชาชนให้น้อยที่สุด” แหล่งข่าว กล่าว
 
ด้านค่าใช้จ่ายคนไทยแม้จะเป็นเฉพาะคนในกรุงเทพเท่านั้น แต่ก็เป็นผลสะท้อนทิศทางค่าครองชีพโดยรวมที่จะเพิ่มขึ้น โดยล่าสุด อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การขอปรับขึ้นราคาของ บริษัทครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัด เป็นการปรับขึ้นตามเงื่อนไขในประกาศกรมเจ้าท่าที่ 68/2563 ในการกำหนดราคาค่าโดยสารแบบคงที่ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีประกาศคณะกรรมการเรือประจำทางปี 2559 กำหนดให้ค่าโดยสาร สามารถปรับขึ้นลงตามอัตราราคาน้ำมัน ซึ่งในเดือน มี.ค.2563 ราคาน้ำมันอยู่ที่ 24 บาท และมีอัตราค่าโดยสารของเส้นทางคลองแสนแสบ เริ่มต้นที่ 8 บาท
 
จากสถานการ์โควิด-19 ผู้โดยสารลดลงเหลือ 10% ทำให้การเดินเรือประจำทางประสบภาวะขาดทุนหนักมาก กรมเจ้าท่าจึงอาศัยอำนาจตาม พรบ.ฉุกเฉิน ออกประกาศกรมเจ้าท่าที่ 68/2563 ในการกำหนดราคาค่าโดยสารแบบคงที่ เพื่อให้สามารถผู้ประกอบการเดินเรือ รักษาการให้บริการได้ต่อไป โดยให้ใช้อัตราค่าโดยสารที่ระดับราคาน้ำมันเกิน 25 บาท เป็นกรอบในการจัดเก็บ ซึ่งในเส้นทางแสนแสบจะเริ่มต้นที่ 9 บาท
 
ทั้งนี้ บริษัทครอบครัวขนส่ง ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 7 ม.ค.2565 ขอปรับราคาค่าโดยสารระยะละ 1 บาท หลังจากบริษัทได้ตรึงราคาค่าโดยสารเป็นเวลานาน 636 วัน ขอขึ้นระยะละ 1 บาท ตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.2565 เป็นต้นไป
 
จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย้ำแย่แต่รายจ่ายกลับพบว่าเพิ่มขึ้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะบริหารจัดการให้ภาระประชาชนลดน้อยที่สุดเพื่อให้คนไทยรอดได้จากภัยโควิดและภัยเศรษฐกิจในขณะนี้