ย้อนรอยเครื่องบินตกที่เม็กซิโก ปี 2008 เมื่อนักต้มตุ๋นปลอมมาเป็นนักบินให้บุคคลสำคัญของประเทศ

คาดว่าหลายๆ คนคงเห็นข่าว PIA8303 และต้องตกใจกันไม่น้อยแน่นอนนะครัย และผมเองก็ด้วย แต่เหตุการณ์นี้ผมตกใจตรงมันเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วและ FAA ควรที่จะเข้มงวดตั้งแต่ตอนนั้นเพราะ NTSB กังวลเหตุการณ์นี้มากๆ และมันได้กลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง ในประเด็นการปลอมแปลงเอกสารมาเพื่อเป็นนักบินให้กับสายการบินพาณิชย์ และเราจะมาติดตามและย้อนรอยเหตุการณ์นี้อีกครั้งกันนะครับ
   
นี้คือเรื่องจริงอ้างอิงจากรายงานอย่างเป็นทางการและบทสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง
 

วันที่ 4 พฤศจิกายน ปี 2008 
 

เหนือน่าฟ้าเม็กซิโก เครื่อง Learjet 45 Victor Mike Charlie กำลังบินกลับเม็กซิโก เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินเหมาลำพิเศษของรัฐบาล ข้างในคือเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยและผู้ติดตามที่พึ่งเสร็จภารกิจการประชุมการแก้ปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นในประเทศโดยเฉพาะปัญหายาเสพติด 

 
นักการเมืองคนนั้นคือนักการเมืองดาวรุ่งไฟแรงอายุเพียง 37 ปี Juan Camilo Mouriño เขาถือเป็นคนสนิทของประธานาธิบดี Felipe Calderón คนหนึ่งเทียบเท่ารองประธานาธิบดีเลยทีเดียว

 
นักบินประจำเที่ยวบินคือ Martín Olíva และ Álvaro Sánchez ทั้ง 2 คนเป็นกัปตันก็จริงแต่คืนนี้ Martín จะเป็นผู้ควบคุม 

 
รัฐบาลกลางได้เช่าเครื่อง Bombardier Learjet 45  เป็นเครื่องที่รู้กันถึงสมรรถนะที่สูงและการประหยัดพลังงาน โดยบริษัท Bombardier เป็นผู้ออกแบบด้วยตัวเองทั้งหมด

 
เมื่อเครื่องเข้าใกล้สนามบิน นักบินมองเห็นเครื่องบินเข้าแถวเรียงกันลงจอด โดยสนามบินนานาชาติเม็กซิโก เวลานั้นอยู่ในชั่วโมงเร่งด่วนพอดี มีเที่ยวบินเข้ามาที่สนามบินเป็นจำนวนมาก 

 
ATC เริ่มให้นักบินลดความเร็วลงเพื่อรักษาระยะห่างในการลงจอด การลงจอดที่สนามบินนี้ต้องหักหัวมากกว่า 90 องศา ATC จะต้อองบอกรายละเอียดให้นักบินว่าจะต้องหักหัวเท่าไร และต้องรวดเร็ว 

 
คืนนี้ Álvaro Sánchez จะเป็นผู้ให้คำปรึกษาและ Martín Olíva จะเป็นผู้พาลงจอดโดย FO มีประสบการณ์บินกับ Learjet สูงกว่า 

 
ในตอนนั้นตัวเมืองเม็กซิโก ซิตี้ อยู่ในช่วงเร่งด่วนเช่นเดียวกันโดยมีประชากรถึง 20 ล้านคน 

 
กะทันหันเครื่องก็เหวี่ยงไปขวาอย่างรุนแรงและดิ่งพสุธาจนนักบินไม่สามารถควบคุมอะไรได้ก่อนที่จะตกกระแทกที่ใจกลางเมืองโดย 9 คนบนเครื่องรวมที่พื้นอีก 7 ราย เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บอีกนับสิบราย

 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

สร้างความตกตะลึงให้ประชาชนและรัฐบาลอย่างยิ่ง และมีการสันนิษฐานว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับสงครามยาเสพติดของเม็กซิโก เพราะก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์พ่อค้ายาเสพติดบุกเข้าไปสังหารเจ้าหน้าที่เม็กซิโกมาก่อน

 
นอกจากนี้ Juan Camilo Mouriño ถือเป็นนักการเมืองแนวหน้าในการปราบปรามยาเสพติดด้วยเขาถือเป็นผู้ที่มีอิทธิพลอย่างมากและเคยเจอการลอบสังหารมาก่อนด้วย 

 
เมื่อไม่อาจระงับเหตุได้อีกเม็กซิโก จึงติดต่อสหรัฐขอความช่วยเหลือจาก ทีมสืบสวนจาก คณะกรรมการความปลอดภัยทางการคมนาคมแห่งชาติหรือ National Transportation Safety Board; NTSB และ FBI ให้เข้ามาช่วยการสืบสวน 

 
Joe Sedor รับผิดชอบงานนี้และถือเป็น 1 ในงานที่กดดันที่สุดงานหนึ่งของเขา ด้วยความที่ Juan Camilo Mouriño มีตำแหน่งที่ใกล้เคียงกับรองประธานาธิบดีพอสมควร เพราะแน่นอนว่ามันจะมีการสืบสวนทางอาชญากรรมและการเมืองด้วย

 
 
แม้ซากเครื่องจะเสียหายจนไม่อาจแยกแยะได้ แต่กล่องดำและเทปบันทึกเสียงก็สามารถเก็บกู้มาได้ถ้ามันไม่เสียหายจากไฟเสียงก่อน และได้รับการส่งไปวิเคราะห์ที่ วอชิงตัน เพื่อเป็นหลักฐานสำคัญในการสืบสวน

 
ประธานาธิบดี Felipe Calderón ลงมารับผิดชอบคดีด้วยตัวเอง และ Joe ต้องติดต่อกับผู้ช่วยส่วนตัวของเขาแทบทุกวันเพื่อที่จะหวังได้ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

 
 ระหว่างนั้น Joe ก็พบกับหลักฐานสำคัญเป็นส่วนปลายปีกทางด้านขวาที่ปักอยู่บนหลังคารถพร้อมกับเศษซากส่วนอื่นๆ พิสูจน์ได้ว่าเครื่องตกลงมาทั้งลำไม่ได้แตกออกกลางอากาศจึงมั่นใจได้ว่ามันไม่ใช้การระเบิด  และจากการตรวจสอบของ FBI ก็ไม่พบร่องรอยของระเบิดเลย 

 
สร้างความโล่งใจให้กับทีมสืบสวนทั้งทีม แต่การสืบสวนนั้นยังไม่จบ
 ทีมสืบสวนพบสิ่งที่น่าสงสัยเพิ่มขึ้นอีก นักบินแทนที่จะบินเข้าสนามบิน พวกเขากลับบินออกไปนอกสนามบินแทน 

 
ทีมสืบสวนไปสอบถามผู้บาดเจ็บเผื่อว่าจะมีคนเห็นเหตุการณ์แต่พวกเขาไม่อาจบรรยายลักษณะการตกได้เลยจากอาการช๊อกของพวกเขา ไม่มีใครบอกได้เลยว่าเครื่องบินนั้นบินยังไง
 

ในขณะเดียวกันทางรัฐบาลเม็กซิโกได้จัดพิธีฝังศพขึ้น ช่วงเวลาแห่งความเศร้าย้ำเตือนว่าเหตุการณ์นี้ยังไม่มีคำอธิบายถึงสาเหตุการตก

 
ที่แลบ NTSB วอชิงตัน สายตาจับจ้องไปที่กล่องดำ และ เทปบันทึกเสียง แต่แม้จะดาวน์โหลดมาแล้วแต่ข้อมูลใน FDR ที่ได้กลับเป็นข้อมูลเมื่อ 2 ปีที่แล้ว พูดง่ายๆ ก็คือกล่องดำไม่ทำงานมานานหลายปีแล้ว ทีมสืบสวนเริ่มเจอทางตัน

 
ทีมสืบสวนต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาแทน โดยใช้กล้องวงจรปิดตามหัวเมืองต่างๆ  แต่ภาพที่ได้ก็ต่ำจนมองไม่เห็นที่ได้ก็มีเพียงภาพเครื่องตกเท่านั้น

 
และในที่สุดโชคก็เข้ามาจากภาพที่ลานจอด เฮลิคอปเตอร์ มันชัดเจนว่าเครื่องพลิกกลับและตกลงมาในแนวดิ่ง แต่บอกไม่ได้ว่าทำไมเครื่องถึงเปลี่ยนทิศทาง พวกเขาเชื่อว่าสาเหตุมาจาก สปอยเลอร์ ที่ใช้ทำเบรกอากาศนั้นชำรุด 

 
 
การที่สปอยเลอร์ข้างใดข้างนึงเสียหายอาจทำให้เครื่องเสียสมดุลและพลิกกลับได้ แต่เมื่อตรวจสอบอุปกรณ์แล้วมันยังทำงานได้ตามปกติ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงเริ่มกดดันพวกเขามากขึ้น
 

แต่ก็เหมือนมีปาฎิหารย์ กล่องดำยังเหลือดาบอีก 1 เล่มคือ CVR หรือเทปบันทึกเสียงซึ่งบันทึกเสียงในห้องนักบินทั้งหมด และโชคดีที่มันยังใช้งานได้ ทีมสืบสวนดาวน์โหลดข้อมูลออกมาและเริ่มฟังพฤติกรรมในห้องอนักบิน

พวกเขาได้ฟังไปจนถึงช่วงสุดท้ายก่อนตกทุกอย่างดูปกติ

 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่