ช่วงนี้ผมค่อนข้างมีเวลาหลังจากสอบเสร็จ เพื่อรอ ACI ซีซั่น 20 ผมเลยลองหาเคสที่น่าสนใจมาแล้วก็ตัดสินใจเอาเคสนี้ครับ เป็นเหตุการณ์เครื่องบินตกที่มีสาเหตุมาจาก ธรรมชาติเล่นงานครับ จะได้เห็นถึงบทบาทสำคัญ ของ ATC อีกด้วย
ถ้าใครเคยดูซีรีส์ญี่ปุ่น TOKYO AIRPORT มาจะมีตอนนึงที่เพื่อนนางเอกกำลังสอบใบอนุญาตเป็นนักบิน โบอิ้ง 777 และ ATC เพื่อนร่วมงานที่ควบคุมการลงจอด วิจารณ์เพื่อนเขาเสียหายว่า ตัดสินใจไม่ดี ทั้งที่ตัวเขาให้ข้อมูลไม่ชัดเจนเองนี้คือตัวอย่างเลยครับ
นี้คือเรื่องจริงอ้างอิงจากรายงานอย่างเป็นทางการและบทสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 20 ธันวาคมปี 2008
สายการบิน Continental Airline 1404 กำลังเตรียมเดินทางจาก เดนเวอร์ โคโลราโด้ ไปยังฮิวสตัน
นักบินประจำเที่ยวบิน กัปตัน David butler อายุ 50 เขามีประสบการณ์กับสายการบินถึง 11 ปี และ นักบินที่ 1 ( FO ) Chad Lavang อายุ 34 เขาพึ่งได้มาอยู่กับสายการบินได้ 1 ปี ระหว่างรอการขออนุญาต Push back พวกเขาตรวจเช็คสภาพอากาศปัจจุบันที่รันเวย์ 34 ก่อนขึ้นบิน ทาง ATC แจ้งมาว่ากระแสลม 280 องศา 11 นอต ที่รันเวย์ 34 หรือ 13 ไมล์ ต่อชั่วโมงมาจากทางตะวันตก
เครื่องที่ใช้ในการบินครั้งนี้คือเครื่อง โบอิ้ง 737 มันเป็นเครื่องบินลำตัวสั้นมาตรฐานที่ใช้ในเส้นทางระยะสั้นทั่วโลก และมันเป็นหนึ่งในเครื่องบินที่ขายได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ในเวลานั้น
มีผู้โดยสาร 110 คนในคืนนั้น 1 ในนั้นคือ Mike Wilson เขาจะเดินทางไป ฮิวสตัน เพื่อเยี่ยมครอบครัววันคริสต์มาส
เครื่องจะใช้เวลา 2 ชั่วโมงจากสนามบินนานาชาติเดนเวอร์ ( DEN ) ไป ยังสนามภูมิภาค จอร์จ บุช ( IAH ) ฮิวสตัน เท๊กซัส
การบินครั้งนี้กัปตันจะเป็นผู้บินก่อนและ FO จะเป็นสื่อสารกับ ATC
สำหรับ Mike Wilson เขาพึ่งผ่านประสบการณ์เครื่องบินตกมา พ่อของเขาได้ซื้อเครื่องบินเล็กและได้ชวนเขาไปบินเหนือ Galveston Bay และเกิดเหตุเครื่องของเขาเสียระดับและตกกลางทะเล
เครื่องเริ่มการ Push Back และแท็กซี่ไปรันเวย์ 34R ปรับแฟลบที่ 5 สนามบิน DEN ได้ชื่อว่าเป็นสนามบินที่มีการจราจรคับคั่งที่สุด ATC ต้องรับเครื่องบินขาเข้าและออก 1700 เที่ยวบินต่อวัน
รันเวย์ 34R เป็น 1 ใน 6 รันเวย์ของสนามบิน ด้วยภูมิศาสตร์ที่ตัวสนามตั้งอยู่หลังเทือกเขาร็อกกี้ สนามนี้จึงเป็นสนามบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเทียบกับพื้นที่ทั้งหมดใน สหรัฐ
ATC แจ้งกระแสลมที่รันเวย์ 34 ที่ 270 องศา 27 นอต และพร้อมสำหรับการบิน เครื่องบินเริ่มเร่งความเร็วสู่ความเร็วเทคออฟ
จากนั้นไม่นานเครื่องก็เริ่มกระชากไปทางซ้ายอย่างรุนแรง และหลุดรันเวย์ด้วยความเร็วมากกว่า 100 ไมล์ต่อชั่วโมง เสียการควบคุมก่อนจะกระแทกกับเนินหิมะสูงและเกิดไฟลุกที่เครื่องยนต์ขวา ห่างจากรันเวย์ 700 ฟิต
ผู้โดยสารเริ่มแตกตื่นและเร่งทำการอพยพ ทำให้เกิดการตื่นกลัวว่าจะซ้ำรอยเหตุการณ์ British Airtour flight 28M มีผู้เสียชีวิต 55 คนเพราะไม่สามารถอพยพได้ทันเวลา
Mike Wilson ออกมาได้และได้เห็นสภาพเครื่องต่อหน้าเขา ทีมกู้ภัยรีบไปที่เกิดเหตุทันที โชคดีที่เชื้อเพลิงจากเครื่องบินไม่ไหลออกมากจนเกิดประกายไฟรุนแรง ผู้โดยสารรวมลูกเรือ 115 รอดชีวิตทั้งหมด
ตอนนี้เป็นหน้าที่ของ คณะกรรมการด้านความปลอดภัยทางการคมนาคมแห่งชาติ หรือ national transportation safety board ; NTSB ต้องหาคำตอบให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
Bill English จะเป็นผู้นำการสืบสวน พวกเขาเริ่มต้นด้วยดูสภาพยางมะตอยที่เผาไหม้บนพื้นรันเวย์ พบว่าเครื่องได้เบี่ยงหลุดออกนอกรันเวย์ไปทางทางซ้ายผ่าน หน่วยดับเพลิงและไปกระแทกกับเนินหิมะ บิลกังวลทันทีว่าเครื่องอาจจะมีปัญหาที่แพนหางเสือ และมันเหมือนกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 1991
1 ในเหตุการณ์ที่ NTSB กลัวที่สุดคือเหตุการณ์ที่ United 585 และ US Air 427 ตกอย่างเป็นปริศนา สาเหตุเกิดจากแพนหางเสือรวนในบางสถานการณ์ บิล ไม่รีรอเขารีบนำลูกสูบหางเสือมาทดสอบทันที ก่อนจะเหตุการณ์จะซ้ำรอย
แต่จากการตรวจสอบพบลูกสูบที่เปลี่ยนใหม่ทำงานปกติไม่มีปัญหา เรื่องนี้ทำให้บิล โล่งใจและมาดูสาเหตุอื่นแทน
จากภาพล้อยางไหม้บนรันเวย์ พบว่ามีรอยไหม้มาจากส่วนล้อหน้าและมีสภาพเหมือนถูกขัดถู ( Scrubbing )
Scrubbing เกิดจากการที่ล้อยางถูกบีบให้เคลื่อนไถลไปทางข้างผ่านพื้นผิวเหมือนกันเวลารถเวลาคุมความเร็วไม่อยู่และหลุดถนน
ทีมสืบสวนให้ความสนใจมาที่ ตัวล้อหน้าว่าสภาพเป็นอย่างไร พวกเขาพบว่าสายเคเบิลขาดสนิทซึ่งสามารถอธิบายถึงการไถลได้ แต่จากการตรวจสอบเคเบิลนั้นอยู่ในสภาพสมบูรณ์มันเกิดหลังจาก เครื่องกระแทก ทฤษฎีนี้จึงตัดไป
แม้กระทั่งระบบเบรกก็ไม่ใช้สาเหตุ ทีมสืบสวนเริ่มเจอทางตันเข้าไปทุกที
เมิ่อตัวเครื่องไม่มีปัญหา ทีมสืบสวนจึงต้องไปดูปัจจัยต่างๆ เช่นตัวสนามบินและนักบิน เจ้าหน้าที่ NTSB ด้านมาตรวิทยา Don Eick มาช่วยการสืบสวนเกี่ยวสภาพอากาศ
รายงานจากหน่วยงานสภาพอากาศในโคโลราโด เวลานั้นพบว่าสภาพอากาศมีร่องความกดอากาศต่ำแต่ไม่ส่งผลถึงสนามบินเดนเวอร์
และรันเวย์ 34 เวลานั้นก็แห้งอีกด้วย ทีมสืบสวนหันมาให้ความสนใจ Crosswind ที่รันเวย์ 34 ทีมสืบสวนเชื่อว่านักบินอาจเจอ Weathervaning
Weathervaning เกิดจากการที่มีลมเฉือนตรงรันเวย์ผลักไปที่หางเครื่องทำให้หัวหันเครื่องเข้าหาลม โดยเมื่อเจอสถานการณ์นี้สิ่งที่นักบินควรทำคือเหยียบไปที่แป้นหางเสือเพื่อรักษาบาลานซ์
โบอิ้ง 737 ทนลมเฉือนได้ 33 นอต ทีมสืบสวนต้องการรู้ว่านักบินเจอปัญหาลมเฉือนจนควบคุมไม่ได้หรือไม่ พวกเขาจึงไปซักถามกับ ATC ที่ควบคุมการจราจรเวลานั้น เจ้าหน้าบอกว่าเขาให้ความเร็วของลมก่อนออกบินไม่นานที่ 270 องศา 27 นอต ซึ่งต่ำกว่า 33 นอต และพวกเขาก็เจอทางตันอีกครั้ง
จาก FDR ทีมสืบสวนดูการกระทำของนักบิน พบว่ากัปตันได้เริ่มเหยียบแป้นหางเสือทางขวาคุมบาลานซ์ให้กลับมาเส้นกลาง แต่การกระแทกครั้งที่ 2 ทีมสืบสวนพบสิ่งที่น่าสนใจ เมื่อเครื่องเอียงซ้ายกัปตันอยู่ดีๆ ก็ปล่อยเท้าออกจากแป้นหางเสือ และกดให้พวงมะลัยหันไปทางขวา
ทีมสืบสวนสงสัยว่าทำไมเขาถึงหยุดใช้หางเสือ เมื่อสืบประวัติกัปตันเคยบินกับเครื่องบินรบมาก่อน เขารู้เรื่องลมเป็นอย่างดีแน่นอน เมื่อไปสอบถามกับกัปตัน เขาพบว่าเขาพยายามเหยียบไปที่แป้นหางเสือแล้ว แต่มันไม่ตอบสนอง ยิ่งเพิ่มความสงสัยเพราะบิล รู้จาก FDR ว่ามันทำงานตามปกติ
ย้อนรอย continental airline 1404 เมื่อธรรมชาติเล่นงาน และ บทบาทสำคัญของ ATC