ถ้าทุนจำกัดจำเขี่ยมากๆ ก็คิดถึงตัวเอง
ถ้ายังพอไหว ขาดทุนกำไร ก็คิดถึงเพื่อนมนุษย์ บุญใดจะยิ่งใหญ่กว่าช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เป็นไม่มี

คนที่บอกว่าให้ทำต่อด้วยใจเมตตานี่ ต้องดูระยะยาวด้วยนะ

หลังจากลาคลอดได้ 3 เดือน หลังจากนั้นถ้าต้องเลี้ยงลูกเอง จะหนักกว่าตอนท้องอีก ทั้งไม่ได้นอน ทั้งปั๊มนม ทั้งหมอนัดลูก ทั้งลูกป่วย ฯลฯ กว่าเด็กจะแข็งแรงโน้น 5+ ขวบ

เหมือน จขกท ต้องจ่ายเงินเดือนเต็ม แต่ได้งานไม่เต็ม อย่างน้อย 6+ ปี แถมยิ่งจ้างนานยิ่งมีผลทางกฎหมายด้านการชดเชย

ส่วนตัวมองว่าเป็นซิงเกิลมัม เป็นปัญหาส่วนตัวของน้อง คนละเรื่องกับจงใจปกปิดเพื่อให้ได้งาน

ปล.ผมเลี้ยงลูกฟลูทาม ภรรยาทำงานข้างนอก เกี่ยวกับลูกผมทำเองหมด เดี๋ยวจะมีคนมาสวนว่าเป็นผู้ชายไม่รู้เรื่องลูกอีก

ป้าเพิ่งไปกินอาหารที่ร้านหนึ่งมา หน้าร้านเป็นน้องพนักงานท้องค่ะ เขามีหน้าที่ตรวจวัดอุณหภูมิ พอไม่มีลูกค้ามา เขาก็มีเก้าอี้หน้าร้านนั่งนะคะ อีกคนก็เป็นพนักงานเสริฟ ท้องเหมือนกัน แต่รับ order เช็คบิล ไม่ยกอาหารค่ะ

ป้ารู้สึกดีกับร้านนี้นะ เห็นแล้วทึ่งเหมือนกัน มีพนักงานท้อง 2 คน และยังทำงานอยู่ เจ้าของร้านคงใจดีมากๆ

ถ้าคุณสามารถจัดการให้น้องเขาทำงานที่ไม่หนักมากได้ บอกน้องเขาไม่ต้องยกของหนัก ให้รับลูกค้า จัดอาหาร และให้น้องเขาดูแลตัวเองดีๆ ไม่วิ่ง ไม่เดินเร็วๆ ป้าว่าคุณจะรู้สึกดี ที่ได้ช่วยเพื่อนมนุษย์ผู้หญิงด้วยกัน ธุรกิจคุณต้องเจริญรุ่งเรืองแน่ๆ ลูกค้าที่เห็นจะรู้สึกได้ถึงความเมตตาของเจ้าของร้านค่ะ

แต่ป้าเข้าใจธุรกิจนะ ร้านคุณไม่ได้ใหญ่มาก งานที่เหมาะกับน้องคงมีน้อยจริงๆค่ะ จะจ้างคนเพิ่มก็คงไม่ไหวอีก ลองพิจารณาดูนะคะ

คหสต.
น้องเค้าไม่ได้มาพึ่งพิงฟรีๆ ทั้งที่ทำงานได้ดี
กว่าหลายคนอย่างที่คุณบอก แล้วคุณจะไล่เค้า
ก็สิทธิแล้วแต่คุณ ต้องถามคุณกลับ ลำบากมาก
ไหมกับการรักษาเด็กคนนึง ได้ดูแลและเลี้ยงดู
แม่ลูก คนนี้ แต่หากมันไม่ไหวเราเหนือยไป มันแบก
เราจนเกินไปก็บอกกับเค้าให้เค้าออก ให้เวลาเค้าหน่อย
เท่านั้น ทุกอย่างมันจะมองภาพไม่ออกหากคุณไม่ลองคิดกลับกัน
...หากวันนี้เป็นเราละ...  ที่ ต้องหางาน เพื่อดูแลลูกในท้อง
ที่เป็น single mom คุณอยากให้ บริษัทฯ ให้ออกไหม
อันนี้ไม่พูดถึงเรืองกฎหมายนะ ถามความ รุ้สึกของคุณเอง

ปล.ผมไม่รุ้ว่าคุณห่วงอะไรจากที่พิมพ์ แต่ ที่พิมพ์ส่วนตัวผมคุณ ห่วงทั้ง
เรืองแม่ของเด็กจะเกิดอันตรายจากการทำงานและงานที่จะต้องสะดุดในอนาคต