พิชัย ตอบ "บิ๊กตู่" หลังขอความเห็น "รวมไทยสร้างชาติ" แนะ 10 แนวทาง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4340527
วันนี้ (18 มิ.ย.) นาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวในการเสวนาหัวข้อ “
แนะทางออกไทยหลังโควิด” จัดโดย สภาที่ 3 ที่สมาคมนักข่าวฯ ว่า ภาวะเศรษฐกิจของโลกภายหลังวิกฤตโควิดจะย่ำแย่อย่างหนักโดยปีนี้คาดว่าจะเศรษฐกิจโลกจะติดลบถึง - 5.2% แต่เศรษฐกิจของไทยจะย่ำแย่หนักกว่าโดยอาจจะติดลบถึง - 8.8% -9%
และจะยิ่งซ้ำเติมหนักเนื่องจากเศรษฐกิจไทยย่ำแย่มาก่อนหน้านี้หลายปีแล้วตั้งเต่มีการปฏิวัติ การติดลบหนักจะเท่ากับจะลบการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในตลอด 6 ปีนี้ออกไปเกือบหมด จนทำให้เศรษฐกิจไทยแทบไม่เติบโตเลยตลอด 6 ปีนี้
ดังนั้น ตามที่พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เรียกร้องให้ช่วยกันหาทางออกให้ประเทศ ดังนั้น จึงขอแนะนำว่าพลเอกประยุทธ์จะต้องกลับไปศึกษาว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรผิดพลาด และจะต้องทำอะไรที่ตรงข้ามกับที่ผ่านมาจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้
ในภาวะการแพร่กระจายของไวรัสโควิด -19 นี้แม้จะเป็นวิกฤต แต่ไทยก็จะสามารถ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ โดยไทยสามารถอาศัยช่วงที่ทุกประเทศมีปัญหานี้ปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันโลก เพื่อที่ไทยจะได้กลับมาดีกว่าเดิมพัฒนากว่าเดิมหลังวิกฤตนี้
ถ้ารัฐบาลสามารถคิดได้และมีความสามารถเพียงพอ ทั้งนี้ รัฐบาลจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ถ้าหากไม่แก้ไขปัญหาสังคมและการเมืองไปพร้อมกันไปด้วย โดยที่สุดแล้วประเทศไทยจะต้องเรียกความมั่นใจจากทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กลับมาให้ได้
ดังนั้น จึงขอเสนอ 10 แนวทางฟื้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตไวรัส โควิด -19 ดังนี้
1. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาอย่างแท้จริง ทั้ง 250 ส.ว. ที่ด้อยคุณภาพ ยุทธศาสตร์ 20 ปีที่ล้มเหลวตั้งแต่ปีแรก และ ระบบเลือกตั้งที่คำนวณตามใจการสืบทอดอำนาจ เป็นผลให้พรรคการเมืองอ่อนแอ นักการเมืองแย่งชิงตำแหน่งกัน และต้องไม่ถ่วงการพัฒนาทางการเมือง โดยต้องเร่งการเลือกตั้งท้องถิ่น
2. ต้องกลับมาสู่หลักธรรมาภิบาล และ ความถูกต้องของกฏหมาย (Rule of Law) ยุติการบิดเบือนกฏหมายเพื่อสนองตอบความต้องการทางการเมือง นักการเมืองที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดต้องไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ การยืมทรัพย์คงรูปจะเป็นปัญหาในการตีความ ทรัพย์สินอื่นเช่น ทอง และ เพชร เป็นต้น นักการเมืองที่รุกป่าควรถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และ การดูแลความปลอดภัยของชีวิตคนไทยทั้งในประเทศและในต่างประเทศ
3. แก้ไขภาพพจน์ของประเทศไทยในสายตาประชาคมโลก โดยตลอด 6 ปีภาพพจน์ของประเทศไทยได้เสื่อมถอยมาโดยตลอดจากการดำนินงานของรัฐบาล การต้องปฏิบัติตัวเสียใหม่เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก และ สื่อหลักของโลกไม่โจมตีเป็นสิ่งที่จะเป็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข แม้กระทั่ง พรก. ฉุกเฉินที่ถูกโจมตีอยู่ในปัจจุบันก็จะต้องรีบยกเลิก
4. ส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาประเทศในแนวทางใหม่ และการสร้างบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่า ยูนิคอร์น ที่รัฐบาลเพิ่งคิดจะทำ หลังจากที่ตนได้บอกมาหลายปีแล้ว
5. การปรับปรุงระบบราชการ เพื่อปรับประเทศไทยเข้าสู่ระบบดิจิตอล หรือ ใช้เทคโนโลยีเพื่อนำมาปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง ที่จะทำให้ประเทศพัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างโอกาสเพิ่มให้กับประชาชนและการจ้างงานจำนวนมากในแนวทางใหม่ อีกทั้ง ปราบปราบการคอรัปชั่น การหนีภาษี ลดความเหลื่อมล้ำได้ด้วย ซึ่งยังจะช่วยพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของไทยที่ล่าสุดเพิ่งจะหล่นลงมา 4 อันดับ อยู่ที่อันดับที่ 29
6. การดำเนินนโยบายการเงินและนโยบายการคลังให้สอดคล้องกัน โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่าบาทกลับมาแข็งค่าทั้งที่เศรษฐกิจย่ำแย่ จะยิ่งทำร้ายเศรษฐกิจให้แย่เพิ่มขึ้น การจัดการหนี้สาธารณะให้เหมาะสม เพื่อรองรับการใช้จ่ายภาครัฐในอนาคต และปัญหาการอนุญาตให้เอกชนออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ที่ไม่มีกำหนดไถ่ถอนซึ่งมีความเสี่ยงสูงในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
7. การปรับปรุงราคาพลังงานเพื่อช่วยประชาชนลดค่าใช้จ่าย และลดการเอาเปรียบของบริษัทพลังงานที่ผูกขาด โดยรัฐบาลเริ่มลดราคาหน้าโรงกลั่นตามที่ได้เคยเสนอไว้ จึงอยากให้พิจารณาทำเรื่องอื่นด้วย เช่น การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลให้ลดลง ลดราคาค่าเอทานอล ลดราคาไฟฟ้า
8. การปรับโครงสร้างภาษีเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในอนาคต และลดความเหลื่อมล้ำ และ ป้องกันการหนีภาษี โดยเสนอให้คนไทยทุกคนต้องยื่นแบบฟอร์มภาษี คนที่รายได้ไม่ถึงก็ไม่ต้องเสีย และจะได้การช่วยเหลือจากรัฐอย่างเป็นระบบ
9. การหารายได้เพิ่มให้รัฐในแนวทางใหม่ เช่น การออกหวยออนไลน์ การออกใบอนุญาตทำคาสิโน การร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาแหล่งพลังงาน การพัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในด้านต่างๆ
10. การพัฒนาความรู้ความสามารถให้กับประชาชน โดยความเท่าเทียมทางการศึกษา และ การพัฒนาความสามารถของประชาชนให้เข้ากับความต้องการของประเทศและเข้ากับโลกในอนาคต
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ และรัฐบาลควรจะต้องเริ่มแก้ไขเรื่องที่เป็นปัญหาเหล่านี้ก่อน
โดยแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจยังมีอีกมากซึ่งจะนำมาเสนออย่างต่อเนื่องต่อไปและอยากให้รัฐบาลไปแก้ไขปรับใช้ อย่าได้มีอคติปิดกั้นการรับรู้เหมือนในอดีต เพราะเป็นแนวทางที่ประเทศที่พัฒนาแล้วทุกประเทศใช้ในการดำเนินการ
“ก้าวไกล” จี้รัฐ ปลดล็อก100% ช่วยนักดนตรี-อาชีพกลางคืนเดือดร้อนหนักด่วน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2233368
“ก้าวไกล” จี้รัฐ ปลดล็อก 100% ช่วยนักดนตรี-อาชีพกลางคืนด่วน ชี้ เป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 มิถุนายน ที่รัฐสภา นาย
ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล พร้อมนาย
ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลปลดล็อคธุรกิจกลางคืน โดยนายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า ตามที่รัฐบาลได้ปลดล็อคเฟส 4 สามารถดื่มสุราในร้านอาหารได้ แต่ห้ามมีการเล่นดนตรีสด แต่มีการปลดล็อคให้จัดแสดงคอนเสิร์ต โดยศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือศบค. ระบุว่า ต้องดูใบอนุญาตเป็นกรณีไป ทำให้ไม่มีความชัดเจนและความคลุมเครือ ทั้งยังเป็นการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ ที่ผ่านมาได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีเจ้าหน้าที่ไปบุกร้านอาหาร พร้อมทั้งข่มขู่นักดนตรี สั่งให้หยุดเล่น ซึ่งรัฐควรอุดช่องว่างตรงนี้ ตอนนี้เราปลดล็อคทุกอย่างหมดแล้ว เหลือเพียงธุรกิจกลางคืนเท่านั้น อยากให้รัฐเข้าใจว่าธุรกิจกลางคืนไม่ได้เป็นกลุ่มเสี่ยงอย่างเดียว เช่นนักดนตรี เพราะไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับลูกค้า นักดนตรีไม่ใช่เชื้อโรค แต่เป็นอาชีพสุจริตที่สร้างความสุข คลายความเหนื่อยล้า หลายคนมีครอบครัวมีลูกที่ต้องดูแล มีหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระเหมือนกันทุกครอบครัว แต่อาชีพเหล่านี้ไม่มีความมั่นคงเท่าอาชีพอื่น แต่กลับต้องเสียสละมากกว่าคนอื่น ถูกปลดล็อคทีหลังคนอื่น ซ้ำยังไม่ได้รับการเยียวยา และบางส่วนยังถูกปฏิเสธการเยียวยา ขณะที่ไม่สามารถกลับมาประกอบอาชีพได้
นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า จึงขอให้รัฐบาลเห็นความสำคัญ และสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ ปลดล็อค 100 % ควบคุมโรคเท่าที่จำเป็น มีการคลายล็อคและล็อคใหม่ หากมีการแพร่ระบาดรุนแรง จนกว่าจะมีวัคซีน แต่การล็อคจนแน่นแบบนี้กลายเป็นว่าจะทอดทิ้งกลุ่มอาชีพกลางคืน
“ประเทศไทยเหมือนเรือลำใหญ่ ที่ควรจะเอาทุกคนขึ้นเรือไปด้วยกัน แล้วช่วยกันประคับประคอง พายุแรกคือโรคระบาด ลูกสองคือเศรษฐกิจ รัฐเลือกที่จะถีบคนกลุ่มหนึ่งลงจากเรือ เพื่อทำให้เรือไปต่อ นักดนตรีคืออาชีพที่เป็นความฝันของใครหลายคน อย่าทำให้คนที่ทำตามความฝันกลายเป็นเรื่องผิดเลยครับ” นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าว
ด้านนาย
ธัญวัจน์ กล่าวว่า นอกจากอาชีพนักดนตรี ยังมีนักเต้น นักแสดงโชว์ นางโชว์ พนักงานบริการเสิร์ฟ รวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง เช่น ร้านเช่าชุดแสดง ช่างหน้า ช่างผมและคนเบื้องหน้าเบื้องหลังเวทีที่จำเป็นต้องปิดตัวลง ส่งผลต่อเศรษฐกิจรอบด้าน เช่น ตลาดกลางคืน ร้านอาหารรอบดึก แท็กซี่ สามล้อ ก็ได้รับผลกระทบจากการล็อคดาวน์ที่ยังไม่เปิด 100% รวมถึงมีการประกาศให้ขายแอลกอฮอล์ได้แต่ไม่ให้มีพนักงานเชียร์เบียร์ได้
“ถามว่ารัฐบาลอยากกระตุ้นเศรษฐกิจจริงหรือไม่ และมีความเข้าใจกับอาชีพกลางคืนมากแค่ไหน ทราบไหมว่าคนเหล่านี้พร้อมที่จะทำตามเงื่อนไขตามมาตรการของกระทรวงสาธารณะสุข ถามว่ารัฐเคยลงไปดูหรือไม่ว่าพวกเขาพร้อมบริการและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากรัฐต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจจริงจังต้องนึกถึงคนเหล่านี้ด้วย โดนเฉพาะเรื่องการเยียวยา เพราะพวกเขาคือกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้” นาย
ธัญวัจน์ กล่าว
JJNY : 4in1 พิชัยตอบตู่หลังขอความเห็น/ก้าวไกลจี้ช่วยนักดนตรี-อาชีพกลางคืน/วิจัยกรุงศรีมองศก.ฟื้นแบบตัวU/โควิดฉุดโฆษณา
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4340527
วันนี้ (18 มิ.ย.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวในการเสวนาหัวข้อ “แนะทางออกไทยหลังโควิด” จัดโดย สภาที่ 3 ที่สมาคมนักข่าวฯ ว่า ภาวะเศรษฐกิจของโลกภายหลังวิกฤตโควิดจะย่ำแย่อย่างหนักโดยปีนี้คาดว่าจะเศรษฐกิจโลกจะติดลบถึง - 5.2% แต่เศรษฐกิจของไทยจะย่ำแย่หนักกว่าโดยอาจจะติดลบถึง - 8.8% -9%
และจะยิ่งซ้ำเติมหนักเนื่องจากเศรษฐกิจไทยย่ำแย่มาก่อนหน้านี้หลายปีแล้วตั้งเต่มีการปฏิวัติ การติดลบหนักจะเท่ากับจะลบการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในตลอด 6 ปีนี้ออกไปเกือบหมด จนทำให้เศรษฐกิจไทยแทบไม่เติบโตเลยตลอด 6 ปีนี้
ดังนั้น ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เรียกร้องให้ช่วยกันหาทางออกให้ประเทศ ดังนั้น จึงขอแนะนำว่าพลเอกประยุทธ์จะต้องกลับไปศึกษาว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรผิดพลาด และจะต้องทำอะไรที่ตรงข้ามกับที่ผ่านมาจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้
ในภาวะการแพร่กระจายของไวรัสโควิด -19 นี้แม้จะเป็นวิกฤต แต่ไทยก็จะสามารถ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ โดยไทยสามารถอาศัยช่วงที่ทุกประเทศมีปัญหานี้ปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันโลก เพื่อที่ไทยจะได้กลับมาดีกว่าเดิมพัฒนากว่าเดิมหลังวิกฤตนี้
ถ้ารัฐบาลสามารถคิดได้และมีความสามารถเพียงพอ ทั้งนี้ รัฐบาลจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ถ้าหากไม่แก้ไขปัญหาสังคมและการเมืองไปพร้อมกันไปด้วย โดยที่สุดแล้วประเทศไทยจะต้องเรียกความมั่นใจจากทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กลับมาให้ได้
ดังนั้น จึงขอเสนอ 10 แนวทางฟื้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตไวรัส โควิด -19 ดังนี้
1. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาอย่างแท้จริง ทั้ง 250 ส.ว. ที่ด้อยคุณภาพ ยุทธศาสตร์ 20 ปีที่ล้มเหลวตั้งแต่ปีแรก และ ระบบเลือกตั้งที่คำนวณตามใจการสืบทอดอำนาจ เป็นผลให้พรรคการเมืองอ่อนแอ นักการเมืองแย่งชิงตำแหน่งกัน และต้องไม่ถ่วงการพัฒนาทางการเมือง โดยต้องเร่งการเลือกตั้งท้องถิ่น
2. ต้องกลับมาสู่หลักธรรมาภิบาล และ ความถูกต้องของกฏหมาย (Rule of Law) ยุติการบิดเบือนกฏหมายเพื่อสนองตอบความต้องการทางการเมือง นักการเมืองที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดต้องไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ การยืมทรัพย์คงรูปจะเป็นปัญหาในการตีความ ทรัพย์สินอื่นเช่น ทอง และ เพชร เป็นต้น นักการเมืองที่รุกป่าควรถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และ การดูแลความปลอดภัยของชีวิตคนไทยทั้งในประเทศและในต่างประเทศ
3. แก้ไขภาพพจน์ของประเทศไทยในสายตาประชาคมโลก โดยตลอด 6 ปีภาพพจน์ของประเทศไทยได้เสื่อมถอยมาโดยตลอดจากการดำนินงานของรัฐบาล การต้องปฏิบัติตัวเสียใหม่เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก และ สื่อหลักของโลกไม่โจมตีเป็นสิ่งที่จะเป็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข แม้กระทั่ง พรก. ฉุกเฉินที่ถูกโจมตีอยู่ในปัจจุบันก็จะต้องรีบยกเลิก
4. ส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาประเทศในแนวทางใหม่ และการสร้างบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่า ยูนิคอร์น ที่รัฐบาลเพิ่งคิดจะทำ หลังจากที่ตนได้บอกมาหลายปีแล้ว
5. การปรับปรุงระบบราชการ เพื่อปรับประเทศไทยเข้าสู่ระบบดิจิตอล หรือ ใช้เทคโนโลยีเพื่อนำมาปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง ที่จะทำให้ประเทศพัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างโอกาสเพิ่มให้กับประชาชนและการจ้างงานจำนวนมากในแนวทางใหม่ อีกทั้ง ปราบปราบการคอรัปชั่น การหนีภาษี ลดความเหลื่อมล้ำได้ด้วย ซึ่งยังจะช่วยพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของไทยที่ล่าสุดเพิ่งจะหล่นลงมา 4 อันดับ อยู่ที่อันดับที่ 29
6. การดำเนินนโยบายการเงินและนโยบายการคลังให้สอดคล้องกัน โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่าบาทกลับมาแข็งค่าทั้งที่เศรษฐกิจย่ำแย่ จะยิ่งทำร้ายเศรษฐกิจให้แย่เพิ่มขึ้น การจัดการหนี้สาธารณะให้เหมาะสม เพื่อรองรับการใช้จ่ายภาครัฐในอนาคต และปัญหาการอนุญาตให้เอกชนออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ที่ไม่มีกำหนดไถ่ถอนซึ่งมีความเสี่ยงสูงในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
7. การปรับปรุงราคาพลังงานเพื่อช่วยประชาชนลดค่าใช้จ่าย และลดการเอาเปรียบของบริษัทพลังงานที่ผูกขาด โดยรัฐบาลเริ่มลดราคาหน้าโรงกลั่นตามที่ได้เคยเสนอไว้ จึงอยากให้พิจารณาทำเรื่องอื่นด้วย เช่น การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลให้ลดลง ลดราคาค่าเอทานอล ลดราคาไฟฟ้า
8. การปรับโครงสร้างภาษีเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในอนาคต และลดความเหลื่อมล้ำ และ ป้องกันการหนีภาษี โดยเสนอให้คนไทยทุกคนต้องยื่นแบบฟอร์มภาษี คนที่รายได้ไม่ถึงก็ไม่ต้องเสีย และจะได้การช่วยเหลือจากรัฐอย่างเป็นระบบ
9. การหารายได้เพิ่มให้รัฐในแนวทางใหม่ เช่น การออกหวยออนไลน์ การออกใบอนุญาตทำคาสิโน การร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาแหล่งพลังงาน การพัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในด้านต่างๆ
10. การพัฒนาความรู้ความสามารถให้กับประชาชน โดยความเท่าเทียมทางการศึกษา และ การพัฒนาความสามารถของประชาชนให้เข้ากับความต้องการของประเทศและเข้ากับโลกในอนาคต
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ และรัฐบาลควรจะต้องเริ่มแก้ไขเรื่องที่เป็นปัญหาเหล่านี้ก่อน
โดยแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจยังมีอีกมากซึ่งจะนำมาเสนออย่างต่อเนื่องต่อไปและอยากให้รัฐบาลไปแก้ไขปรับใช้ อย่าได้มีอคติปิดกั้นการรับรู้เหมือนในอดีต เพราะเป็นแนวทางที่ประเทศที่พัฒนาแล้วทุกประเทศใช้ในการดำเนินการ
“ก้าวไกล” จี้รัฐ ปลดล็อก100% ช่วยนักดนตรี-อาชีพกลางคืนเดือดร้อนหนักด่วน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2233368
“ก้าวไกล” จี้รัฐ ปลดล็อก 100% ช่วยนักดนตรี-อาชีพกลางคืนด่วน ชี้ เป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 มิถุนายน ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล พร้อมนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลปลดล็อคธุรกิจกลางคืน โดยนายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า ตามที่รัฐบาลได้ปลดล็อคเฟส 4 สามารถดื่มสุราในร้านอาหารได้ แต่ห้ามมีการเล่นดนตรีสด แต่มีการปลดล็อคให้จัดแสดงคอนเสิร์ต โดยศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือศบค. ระบุว่า ต้องดูใบอนุญาตเป็นกรณีไป ทำให้ไม่มีความชัดเจนและความคลุมเครือ ทั้งยังเป็นการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ ที่ผ่านมาได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีเจ้าหน้าที่ไปบุกร้านอาหาร พร้อมทั้งข่มขู่นักดนตรี สั่งให้หยุดเล่น ซึ่งรัฐควรอุดช่องว่างตรงนี้ ตอนนี้เราปลดล็อคทุกอย่างหมดแล้ว เหลือเพียงธุรกิจกลางคืนเท่านั้น อยากให้รัฐเข้าใจว่าธุรกิจกลางคืนไม่ได้เป็นกลุ่มเสี่ยงอย่างเดียว เช่นนักดนตรี เพราะไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับลูกค้า นักดนตรีไม่ใช่เชื้อโรค แต่เป็นอาชีพสุจริตที่สร้างความสุข คลายความเหนื่อยล้า หลายคนมีครอบครัวมีลูกที่ต้องดูแล มีหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระเหมือนกันทุกครอบครัว แต่อาชีพเหล่านี้ไม่มีความมั่นคงเท่าอาชีพอื่น แต่กลับต้องเสียสละมากกว่าคนอื่น ถูกปลดล็อคทีหลังคนอื่น ซ้ำยังไม่ได้รับการเยียวยา และบางส่วนยังถูกปฏิเสธการเยียวยา ขณะที่ไม่สามารถกลับมาประกอบอาชีพได้
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า จึงขอให้รัฐบาลเห็นความสำคัญ และสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ ปลดล็อค 100 % ควบคุมโรคเท่าที่จำเป็น มีการคลายล็อคและล็อคใหม่ หากมีการแพร่ระบาดรุนแรง จนกว่าจะมีวัคซีน แต่การล็อคจนแน่นแบบนี้กลายเป็นว่าจะทอดทิ้งกลุ่มอาชีพกลางคืน
“ประเทศไทยเหมือนเรือลำใหญ่ ที่ควรจะเอาทุกคนขึ้นเรือไปด้วยกัน แล้วช่วยกันประคับประคอง พายุแรกคือโรคระบาด ลูกสองคือเศรษฐกิจ รัฐเลือกที่จะถีบคนกลุ่มหนึ่งลงจากเรือ เพื่อทำให้เรือไปต่อ นักดนตรีคืออาชีพที่เป็นความฝันของใครหลายคน อย่าทำให้คนที่ทำตามความฝันกลายเป็นเรื่องผิดเลยครับ” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
ด้านนายธัญวัจน์ กล่าวว่า นอกจากอาชีพนักดนตรี ยังมีนักเต้น นักแสดงโชว์ นางโชว์ พนักงานบริการเสิร์ฟ รวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง เช่น ร้านเช่าชุดแสดง ช่างหน้า ช่างผมและคนเบื้องหน้าเบื้องหลังเวทีที่จำเป็นต้องปิดตัวลง ส่งผลต่อเศรษฐกิจรอบด้าน เช่น ตลาดกลางคืน ร้านอาหารรอบดึก แท็กซี่ สามล้อ ก็ได้รับผลกระทบจากการล็อคดาวน์ที่ยังไม่เปิด 100% รวมถึงมีการประกาศให้ขายแอลกอฮอล์ได้แต่ไม่ให้มีพนักงานเชียร์เบียร์ได้
“ถามว่ารัฐบาลอยากกระตุ้นเศรษฐกิจจริงหรือไม่ และมีความเข้าใจกับอาชีพกลางคืนมากแค่ไหน ทราบไหมว่าคนเหล่านี้พร้อมที่จะทำตามเงื่อนไขตามมาตรการของกระทรวงสาธารณะสุข ถามว่ารัฐเคยลงไปดูหรือไม่ว่าพวกเขาพร้อมบริการและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากรัฐต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจจริงจังต้องนึกถึงคนเหล่านี้ด้วย โดนเฉพาะเรื่องการเยียวยา เพราะพวกเขาคือกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้” นายธัญวัจน์ กล่าว