1️⃣  เอกสาร หรือ หลักฐาน การยืนยันตัวตน และ รายได้
ในหัวข้อนี้จะเป็นการเตรียมตัวในเรื่องของเอกสารต่างๆ ตั้งแต่สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และ ที่สำคัญที่สุดคือเอกสารยืนยันรายได้ ไม่ว่าจะเป็น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน หลักฐานการเสียภาษีต่างๆ หรือในกรณีที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ทะเบียนการค้า รวมไปถึง Statement ที่มีเงินเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ โดยอย่างน้อยควรจะมีประวัติการทำงาน หรือ ทะเบียนการค้า ที่มีอายุงานมากกว่า 2 ปีขึ้นไป

2️⃣  ภาระหนี้สินและประวัติการผ่อนชำระหนี้สิน
วิธีคำนวณคร่าวๆ คือถ้ามีภาระหนี้สิน เกิน 60% ของรายได้ ธนาคารมักจะไม่อนุมัติสินเชื่อให้ เนื่องจากธนาคารมองว่า มีเกณฑ์ที่จะผ่อนชำระสินเชื่อที่จะขอเพิ่มไม่ไหว ซึ่งในส่วนนี้ทำให้ผู้ขอสินเชื่อจำเป็นที่ต้องลดภาระหนี้ตัวเองในบางส่วนออก หรือ ปิดหนี้สินบางส่วนก่อน และอีกส่วนสำคัญคือประวัติการผ่อนชำระหนี้สินที่ผ่านมา หากปรากฎว่ามีประวัติการผ่อนชำระที่ดีมาโดยตลอด ไม่มีการผิดนัดชำระแต่อย่างใด ธนาคารมักจะมองว่าเป็นลูกหนี้ที่ดี แต่หากมีประวัติการผ่อนชำระล่าช้า หรือมีกรณีค้างชำระ ตรงนี้ก็จะมีผลในการประเมิณสินเชื่อให้เช่นกันว่าจะอนุมัติหรือไม่ เพราะฉะนั้นแล้ว พยายามอย่าผิดนัดชำระหนี้สินโดยเด็ดขาด เพราะมันจะส่งผลในระยะยาวเวลาที่เราจะยื่นขอสินเชื่อต่างๆ

3️⃣  ความน่าเชื่อถือ
สำหรับหัวข้อนี้ ธนาคารจะประเมินจากหลายอย่าง เช่นกรณีอาชีพพิเศษ แพทย์ อัยการ ข้าราชการระดับสูง นอกจากนี้ก็จะมีในเรื่องของ ทรัพย์สินปลอดภาระที่มีในครอบครอง สถานะการสมรสหรือโสด จำนวนบัตรเครดิตที่มีอยู่มือ ความถี่ในการขอสินเชื่อภายใน 1 ปีที่ผ่านมา และ เงินเก็บในบัญชีธนาคาร

#BuyHomeCenter
#การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์