'สมพงษ์' ยันเพื่อไทยไม่เคยเปิดดีลจับขั้วรัฐบาลใหม่ แม้พปชร.ระส่ำ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2213548

‘สมพงษ์’ ยันเพื่อไทยไม่เคยเปิดดีลจับขั้วรัฐบาลใหม่ที่ขัดหลักการปชต. แม้พปชร.ระส่ำ
 
วันที่ 3 มิ.ย. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า 
 
ภายหลังจากที่มีการลาออกของกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ได้ปรากฏทั้งข่าวลือ ข่าวปล่อย ถึงการจับขั้วรัฐบาลใหม่ ซึ่งมีกระแสข่าวเกี่ยวพันถึงพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ผมจึงอยากขอชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจน ไม่คลุมเครือ ดังนี้
 
พรรคเพื่อไทยดำรงการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น การร่วมทำงานกับพรรคใด ต้องตั้งอยู่บนความถูกต้อง ชอบธรรมของที่มา รวมถึงแนวนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินที่สอดคล้องกัน
 
พรรคเพื่อไทยปฏิเสธการเข้าสู่อำนาจ ที่ไม่เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย และปฏิเสธการได้อำนาจมาด้วยวิธีการที่คำนึงถึงแต่ประโยชน์เฉพาะตนของนักการเมือง…การทำงานการเมืองและการตัดสินใจทางการเมือง ทุกครั้ง ต้องยึดมั่นและคำนึงถึง ประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
 
พรรคเพื่อไทยยึดมั่นในผลประโยชน์สูงสุดของประเทศในภาวะวิกฤติ การร่วมกันหาทางออก….หากเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ และต่อพี่น้องประชาชน จะกระทำได้ต้องตั้งอยู่บนความถูกต้อง เปิดเผย และซื่อสัตย์ต่อประชาชน และจะต้องมีการหารือร่วมกันของสมาชิกและผู้มีส่วนรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมดในพรรคเพื่อไทย
 
ผมคิดว่าข่าวลือที่ปล่อยกัน ออกเพื่อหวังผลในการดิสเครดิตพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นการกระทำที่มุ่งหวังในการต่อรองผลประโยชน์ของกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง…โดยหวังอาศัยส่วนประกอบและเงื่อนไขต่างๆ เป็นเครื่องมือเพื่อเอื้อประโยชน์แก่การจัดสรรอำนาจของพวกตนเองเพื่อให้ผลประโยชน์และอำนาจลงตัวกันเท่านั้น
 
ดังนั้น ผมขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชนและผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ว่า…
 
“ไม่ว่าใครผู้ใดจะอ้างเป็นตัวแทนพรรคไปเจรจาใดๆ ตราบใดที่ผมยังทำหน้าที่หัวหน้าพรรค ผมยืนยันจะไม่นำพาพรรคไปกระทำการใดๆ ที่ขัดต่อเจตจำนงของพี่น้องประชาชนและหลักการประชาธิปไตยเป็นอันขาด“
 
https://www.facebook.com/s.amornvivat/photos/a.313464156027534/579729329401014/
 

---

 
ส.ส.ก้าวไกล ข้องใจ กองทัพปล่อยทหารน้ำดี เปิดโปงทุจริต ต้องหลบหนีอย่างจนตรอก
https://www.matichon.co.th/politics/news_2213748
 
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคก้าวไกล และโฆษกคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณี ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือ “หมู่อาร์ม” เสมียนงบประมาณแผนกโครงการและงบประมาณกองแผน โครงการศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์ กรมสรรพาวุธทหารบก ร้องเรียนถูกผู้บังคับบัญชาข่มขู่ คุกคาม อันเนื่องมาจากออกมาเปิดเผยปัญหาทุจริตเบี้ยเลี้ยงภายในกรมสรรพาวุธทหารบก และมีการร้องเรียนไปในหลายครั้ง สุดท้ายต้องตัดสินใจหนีจากราชการทหารมาร้องเรียนต่อ กมธ.ป.ป.ช.สภาผู้แทนฯ ทั้งยังมีข่าวเบื้องต้นกองทัพเตรียมเอาผิดฐานหนีราชการทหาร ขณะที่ผู้บัญชาการทหารบกก็ยืนยันว่า ไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนผ่านคอลเซ็นเตอร์ที่เปิด โดยเจ้าตัวก็ชี้แจงกลับว่าได้ร้องเรียนไปถึง 4 ครั้ง พร้อมหลักฐานนั้น
 
นายรังสิมันต์ระบุว่า 

ถ้ากองทัพจริงใจในการปราบโกง ก็จงหยุดล่าตัวผู้ที่เปิดโปงการทุจริตของกองทัพเอง
 
ในระหว่างที่สภากำลังพิจารณา พ.ร.ก. เงินแก้ไขสถานการณ์ COVID-19 อยู่นั้น มีความเคลื่อนไหวกรณีของ ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี ผู้ร้องเรียนการทุจริตในกรมสรรพาวุธทหารบก เกิดขึ้นอีกครั้งว่ากองทัพเตรียมส่งเรื่องให้ออกหมายจับ ส.อ.ณรงค์ชัย ตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร ฐานหนีราชการในเวลาปกติ ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 7 ปี ควบคู่กับดำเนินการความผิดทางวินัยร้ายแรงซึ่งอาจถึงขั้นปลดและถอดยศ
 
สิ่งที่กองทัพกำลังทำอยู่ คือการล่าตัวผู้ที่ออกมาเปิดโปงการทุจริตของกองทัพเอง
 
คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เคยเชิญทั้ง ส.อ.ณรงค์ชัย และนายทหารจากกรมสรรพาวุธมาให้คำชี้แจงทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายกรมสรรพาวุธมักจะอ้างย้ำๆ ซ้ำๆ ว่ากองทัพได้ให้ความเป็นธรรมในการพิจารณาทุกกรณี
 
อย่างไรก็ตาม เมื่อผมถามว่ามีหลักประกันที่เป็นรูปธรรมอะไรบ้างในการคุ้มครองผู้ร้องเรียนการทุจริต ฝ่ายกรมสรรพาวุธ กลับไม่สามารถชี้แจงให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ที่ประชุมได้
 
ฝ่ายกรมสรรพาวุธพยายามนำคลิปการสนทนาระหว่าง ส.อ.ณรงค์ชัยกับผู้บังคับบัญชามาชี้แจง ด้วยนึกว่าจะโน้มน้าวให้ที่ประชุมเชื่อว่าไม่มีการข่มขู่คุกคามอะไร แต่เมื่อคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปสู่สาธารณะก็สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงระบบภายในกองทัพที่กดขี่ผู้น้อย ไม่ได้ช่วยทำให้อุ่นใจได้เลยว่ากระบวนการตรวจสอบในกองทัพจะโปร่งใสและคุ้มครองผู้ร้องเรียน ทั้งยังไม่นับว่าอาจมีส่วนที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ ที่อาจมีถ้อยคำที่แสดงการคุกคามอยู่ด้วยหรือไม่
 
ผมต้องขอเน้นย้ำอีกรอบว่าการที่ ส.อ.ณรงค์ชัยต้องออกจากค่ายมานั้นไม่ได้เป็นคุณต่อการใช้ชีวิตหรือหน้าที่การงานของเขาเลย เขาคงไม่ยอมให้ตัวเองต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้ตั้งแต่แรกหากไม่มีเหตุอันคุกคามต่อชีวิตจริงๆ
 
อย่าลืมว่าวันนี้ประเทศไม่มีศึกสงคราม การที่ ส.อ.ณรงค์ชัยต้องหนีออกมาไม่ใช่เพราะไม่อยากปฏิบัติหน้าที่ที่ทหารพึงกระทำ ไม่ใช่เพราะเขากลัวตายในสนามรบ ไม่ใช่เพราะเขารังเกียจการรับใช้ชาติ แต่เพราะเขาไม่อาจเชื่อมั่นได้ว่าระบบในกองทัพจะไม่คร่าชีวิตของเขา ที่ในวันนี้ปกป้องผลประโยชน์ของชาติอย่างสุดหัวจิตหัวใจด้วยการการเปิดโปงพฤติกรรมที่ฉ้อฉลต่อประเทศ
 
ทว่าสิ่งที่กองทัพ นำโดย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ทำกับ ส.อ.ณรงค์ชัย คือบอกสั้นๆ ว่าการข่มขู่คุกคามเอาชีวิตนั้นไม่มีมูล (โดยไม่มีหลักประกันความปลอดภัยให้เชื่อถือได้อีกเช่นเคย) แล้วจากนั้นก็เอาข้อกฎหมายที่มุ่งใช้กับทหารที่ไม่ยอมรับใช้ชาติ มาใช้กับทหารที่กำลังเป็นโจทก์กับกองทัพเสียเอง
 
ทหารน้ำดีที่ต้องการชำระล้างสิ่งปฏิกูลที่หมักหมมมาเนิ่นนาน ในวันนี้กลับถูกทำให้ต้องจนตรอก และกำลังจะถูกสูบให้กลืนหายไปในห้วงลึกของความโสมม เหลือไว้แต่ความเน่าเหม็นที่จะยังส่งกลิ่นอยู่ต่อไปไม่รู้จบ
 
กรณีการทุจริตที่ ส.อ.ณรงค์ชัย นำมาเปิดโปงนั้นมีหลักฐานที่ถูกนำเสนอเป็นจำนวนมาก เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่เราจะสืบค้นเรื่องทุจริตเข้าไปยังภายในกองทัพได้อย่างเป็นรูปธรรม ผมจึงขอวิงวอนต่อพี่น้องประชาชนทุกท่านให้ช่วยส่งเสียงเรียกร้องต่อเรื่องนี้ไม่ให้เงียบหายไป
 
และหากกองทัพจริงใจต่อการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันจริงๆ ก็อย่าเอากฎหมายมาอ้างเพื่อเป็นเครื่องมือทำลายล้างผู้น้อยที่ออกมาโต้แย้งคนใหญ่คนโตในกองทัพเอง
 
ในส่วนของคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ เรายังจับตาดูกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยในวันพฤหัสบดีนี้จะมีการพิจารณาเห็นชอบให้ตั้งคณะทำงานสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวคู่ขนานไปกับกองทัพ รวมถึงพิจารณาส่งความเห็นไปยัง ป.ป.ช. เพื่อให้ ส.อ.ณรงค์ชัยได้เข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยานตามกฎหมาย เราจะไม่ยอมให้การเสียสละของ ส.อ.ณรงค์ชัย ต้องกลายเป็นความสูญเปล่าเหมือนกรณีอื่นๆ ที่เคยเป็นมา
 
https://www.facebook.com/rangsimanrome/photos/a.212055616217760/491347441621908/