ยอดดับฉนวนกาซาทะลุหมื่น เป็นเด็กกว่า 4.1 พัน ‘ไบเดน’ ตั้งข้อสงสัยตัวเลขถูกหรือไม่
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4270471
ยอดดับฉนวนกาซาทะลุหมื่น เป็นเด็กกว่า 4.1 พัน ‘ไบเดน’ ตั้งข้อสงสัยตัวเลขถูกหรือไม่
กระทรวงสาธารณสุขของฮามาสในฉนวนกาซาออกมาระบุตัวเลขความสูญเสียหลังสงครามอิสราเอล-ฮามาสเกิดขึ้นครบ 1 เดือนว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาล่าสุดอยู่ที่ 10,022 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็กปาเลสไตน์ 4,104 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 25,408 คน
ขณะที่ตัวเลขความสูญเสียในฝั่งอิสราเอล มีผู้เสียชีวิต 1,400 ราย โดยเป็นเด็ก 31 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5,400 คน และมีผู้ถูกจับไปเป็นตัวประกันอีกมากกว่า 200 คน
ด้านนักการเมืองบางคนรวมถึงประธานาธิบดี
โจ ไบเดน ของสหรัฐ ตั้งคำถามถึงความถูกต้องของตัวเลขผู้เสียชีวิตในส่วนของฮามาส เช่นเดียวกับกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ที่ระบุว่า ข้อมูลใดๆ ที่องค์กรก่อการร้ายแจ้งควรพิจารณาด้วยความระมัดระวัง
บีบีซีได้เผยขั้นตอนที่นำมาสู่การประกาศตัวเลขผู้เสียชีวิตโดยกระทรวงสาธารณสุขฮามาส ซึ่งระบุว่าเมื่อมีผู้เสียชีวิตอันเป็นผลจากการโจมตีของอิสราเอล โรงพยาบาลจะบันทึกรายละเอียดต่างๆ อาทิ ชื่อ นามสกุล อายุ เพศ และหมายเลขประจำตัวประชาชนลงในคอมพิวเตอร์ จากนั้นจะมีการถ่ายโอนข้อมูลจากโรงพยาบาลแต่ละแห่งไปยังระบบคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง เมื่อกระทรวงทำการประมวลผลแล้วจะมีการส่งข้อมูลไปยังสำนักงานสถิติกลางปาเลสไตน์ (PCBS)
อย่างไรก็ดี PCBS บอกกับบีบีซีว่า ตัวเลขดังกล่าวจะครอบคลุมเฉพาะผู้เสียชีวิตในโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ไม่ครอบคลุมถึงผู้เสียชีวิตใต้ซากอาคารหรือผู้ที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ ปกติแล้วจะมีการบันทึกสาเหตุการเสียชีวิตแบบเฉพาะเจาะจงไว้ด้วย แต่ขณะนี้ไม่สามารถทำได้เนื่องจากจำนวนตัวเลขการเสียชีวิตที่สูงมาก
ด้าน
ริชาร์ด เบรนเนน โฆษกองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า เขาเชื่อว่าตัวเลขความสูญเสียในฉนวนกาซานั้นเชื่อถือได้ เพราะมั่นใจว่าระบบการจัดการข้อมูลที่กระทรวงสาธารณสุขในกาซาได้ดำเนินการตลอดหลายปีที่ผ่านมา สามารถที่จะรับมือกับการวิเคราะห์ข้อมูลได้ และฐานข้อมูลในช่วงหลายปีที่ผ่านมาถือว่ามีความแข็งแกร่ง
คาดปูตินลงเลือกตั้ง ปธน. สมัยหน้า อยู่ต่อถึงปี 2030 “เป็นอย่างน้อย”
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/209730
มีรายงานว่า
วลาดิเมียร์ ปูติน จะลงเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียสมัยหน้าปี 2024 คาดได้รับชัยชนะแน่นอน และอยู่ในอำนาจต่ออีกอย่างน้อย 6 ปี
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นวันเกิดของ
วลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งในปีนี้เขามีอายุ 71 ปีแล้ว และถือเป็นประธานาธิบดีรัสเซียที่ดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนานที่สุด โดยดำรงตำแหน่ง 8 ปี ช่วงปี 2000-2008 และกว่า 11 ปีตั้งแต่ 2012 จนถึงปัจจุบัน
และล่าสุดดูเหมือนว่า
ปูตินจะยังคงเดินหน้าทำลายสถิติตัวเองไปเรื่อย ๆ เมื่อแหล่งข่าว 6 คนให้ข้อมูลแก่สำนักข่าวรอยเตอร์ตรงกันว่า
ปูตินจะลงรับสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ที่จะมีขึ้นในเดือนมีนาคม 2024
ทั้งนี้ เดิมประธานาธิบดีรัสเซียมีวาระการดำรงตำแหน่งสมัยละ 4 ปี แต่ขยายเป็นสมัยละ 6 ปีหลังสมัยของ
ดมิทรี เมดเวเดฟ ทำให้หากปูตินชนะการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง เขาจะได้อยู่ในอำนาจต่อไปอีก 6 ปี จนถึงปี 2030 เป็นอย่างน้อย
แหล่งข่าวบอกว่า ที่
ปูตินตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี เนื่องจากเขารู้สึกว่า ต้องเป็นผู้นำทางรัสเซียผ่านช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยอันตรายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
แหล่งข่าวที่พูดคุยกับรอยเตอร์โดยไม่เปิดเผยชื่อเนื่องจากความอ่อนไหวทางการเมือง ระบุว่า ตอนนี้ทีมที่ปรึกษาของ
ปูตินกำลังเตรียมการหาเสียงเลือกตั้ง คาดว่า หาก
ปูตินร่วมชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี ชัยชนะจะตกเป็นของเขาแน่นอน เพราะจากผลสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่า เขามีคะแนนนิยมในรัสเซียถึง 80% และด้วยการสนับสนุนของรัฐ สื่อของรัฐ และแทบไม่มีเสียงคัดค้านจากสาธารณชนกระแสหลัก จึงมั่นใจได้ว่า เขาจะชนะการเลือกตั้งอย่างแน่นอน
แหล่งข่าวรายหนึ่งบอกว่า “
โลกที่เรากำลังมองดูนั้นอันตรายมาก” อีกคนบอกว่า
ปูตินเพิ่งตัดสินใจเรื่องนี้เมื่อเร็ว ๆ นี้และจะมีการประกาศในไม่ช้า
ที่ผ่านมา แม้ว่านักการทูต สายลับ และเจ้าหน้าที่ต่างประเทศจำนวนมาก จะประเมินว่า
ปูตินจะยังคงอยู่ในอำนาจไปตลอดชีวิต แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแผนการของเขาที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมีนาคม 2024
ด้านโฆษกรัฐบาลรัสเซีย
ดมิทรี เปสคอฟ ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ โดยก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายนเขาเคยบอกว่า หาก
ปูตินตัดสินใจลงสมัครเลือกตั้ง จะไม่มีใครสามารถสู้กับเขาได้
กระนั้น แม้ว่า
ปูตินอาจไม่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่แท้จริงในการเลือกตั้ง แต่เขาก็ต้องเผชิญความท้าทายจากสงครามกับยูเครนที่ยังคงดำเนินอยู่
สงครามในยูเครนได้ก่อให้เกิดการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาในปี 1962 การคว่ำบาตรของชาติตะวันตกได้สร้างผลกระทบครั้งใหญ่ที่สุดต่อเศรษฐกิจรัสเซียในรอบหลายทศวรรษ และปูตินยังเผชิญกับการกบฏโดย เยฟกินี พริโกซิน ทหารรับจ้างที่ทรงอิทธิพลที่สุดของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการท้าทายอำนาจของเขาครั้งใหญ่
ชาติตะวันตกระบุว่า
ปูตินเป็นอาชญากรสงคราม และเป็นเผด็จการที่ทำให้รัสเซียอ่อนแอลง ขณะเดียวกันก็รวมชาติตะวันตกให้เป็นหนึ่งเดียวกันและทำให้มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรทางทหารอย่างนาโต โดยเฉพาะการยื่นขอเป็นสมาชิกของฟินแลนด์และสวีเดน
“
รัสเซียกำลังเผชิญกับอำนาจอันเป็นหนึ่งเดียวกันของชาติตะวันตก ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จึงไม่สมควร” แหล่งข่าวคนหนึ่งกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวรัสเซียบางคน สงครามได้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของรัสเซียหลังยุคโซเวียต
อเล็กเซ นาวาลนี นักการเมืองฝ่ายค้านรัสเซียซึ่งเป็นที่รู้กัว่าต่อต้าน
ปูติน กล่าวว่า
ปูตินได้นำรัสเซียไปสู่ทางตันทางยุทธศาสตร์ สู่ความพินาศ สร้างระบบการปกครองที่เปราะบางเพราะเต็มไปด้วยพวกผู้ประจบประแจงและทุจริต ซึ่งท้ายที่สุดจะสร้างความวุ่นวายมากกว่าเสถียรภาพ
โอเลก ออร์ลอฟ หนึ่งในนักรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดของรัสเซีย เคยกล่าวไว้เมื่อเดือนกรกฎาคมว่า “รัสเซียกำลังถอยหลัง ... เราละทิ้งลัทธิเผด็จการคอมมิวนิสต์ แต่ตอนนี้กำลังก้าวไปสู่ลัทธิเผด็จการแบบอื่น”
เรียบเรียงจาก
Reuters
ก้าวไกล โต้สส.แจ้ ยัน เบญจา-พรรค ไม่เกี่ยว อุ้มผู้ช่วยสส. รับผลประโยชน์บ่อขยะ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7951371
ก้าวไกล โต้สส.แจ้ ยันพรรคไม่ได้นิ่งนอนใจ ไม่ได้อุ้มผู้ช่วยสส. ชี้ปัญหาเรื่องผลประโยชน์บ่อขยะไม่เกี่ยวกับ เบญจา -กก.บห.พรรค จ่อเรียกสอบผู้ช่วยสส.
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 พ.ย.2566 ที่จ.ระยอง นาย
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงกรณีนายวุ
ฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ซึ่งถูกขับออกจากพรรคจากกรณีถูกกล่าวหามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศว่า ขอชี้แจงเรื่องนายวุ
ฒิพงศ์ ให้ข้อมูลสร้างความเสียหาย กระทบต่อพรรค เรื่องการถูกขับออกจากสมาชิกพรรคเนื่องจากมีทีมงานคนหนึ่งในจ.ปราจีนบุรี รับผลประโยชน์จากบริษัทบ่อขยะ เป็นผู้ช่วยสส. ทำงานใกล้ชิดกับกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) คนหนึ่ง เป็นเหตุให้ถูกขับออกนั้น ขอเรียนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหานี้
ขอชี้แจง
1. ผู้บริหารพรรคได้รับทราบเรื่องข้อมูลที่อดีตสส.ปราจีนบุรี ร้องเรียนระหว่างที่อดีตสส.แก้ข้อกล่าวหาเรื่องคุกคามทางเพศ พยายามนำเรื่องนี้มาโต้แย้งว่าการร้องเรียนมีแรงจูงใจจากผลประโยชน์ทางการเมือง ที่มีเจ้าหน้าที่พรรคไปรับผลประโยชน์ เมื่อผู้บริหารพรรคทราบจาก กรรมการวินัยและตัวอดีตสส.ปราจีน เคยนำเสนอ พรรคไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้ เพียงแต่ผู้บริหารได้คุยกับกก.วินัยของพรรคว่า ต้องพิจารณาแยกจากกัน หมายความว่าข้อเท็จจริงนี้ไม่เกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องคุกคามทางเพศ ต้องพิจารณาแยกจากกัน เราพิจารณาจากข้อเท็จจริงแต่ละเรื่อง
2. พรรคไม่นิ่งนอนใจ พรรคและตนได้แจ้งกก.วินัยไปหลายสัปดาห์แล้วว่าเมื่อพิจารณาคุกคามทางเพศเสร็จ ต้องพิจารณาเรื่องเจ้าหน้าที่พรรครับผลประโยชน์ ซึ่งเราดำเนินการอยู่ ตอนนี้รอผู้ถูกกล่าวหาซึ่งบวชอยู่ สึกมาเมื่อไหร่ก็เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ
ยืนยันว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ช่วยและใกล้ชิดกับ น.ส.
เบญจา แสงจันทร์ ซึ่งเป็นกก.บห. ก็ไม่ส่งผลต่อการพิจารณาเช่นกัน และไม่ได้มีส่วนในขั้นตอนโหวตของกก.วินัย เนื่องจากน.ส.
เบญจา ไม่ได้มีส่วนในการโหวตของกก.วินัย และผลการพิจารณาของกก.วินัย ส่งมาที่ กก.บห. โดยน.ส.
เบญจา ก็ของดออกเสียงเพราะทราบดีว่าถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้อง กก.ที่เหลือลงมติเอกฉันท์สส.ปราจีนฯมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง
ยืนยันว่า น.ส.
เบญจา ไม่มีส่วนร้องเรียนเรื่องนี้ และการแต่งตั้งผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ช่วย น.ส.
เบญจา นั้น ความจริงน.ส.
เบญจา แต่งตั้งเพราะพรรคนำเสนอรายชื่อให้แต่งตั้ง เนื่องจากเห็นว่าเป็นคณะทำงานในจ.ปราจีนบุรี ที่ทำงานกับพรรคมาตั้งแต่ต้น จึงไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคล
ตอนนี้เมื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ทางน.ส.
เบญจา ได้นำรายชื่อบุคคลที่ถูกกล่าวหาออกจากการเป็นผู้ช่วย สส.เพื่อไม่ให้เกิดอคติหรือเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องนี้ ทั้งนี้ พรรคจะสอบสวนว่ามีการรับผลประโยชน์หรือไม่ หากมีการโยงถึงน.ส.
เบญจา ก็ต้องถูกฟ้อง และสิ่งที่สส.ปราจีนฯกล่าวหานั้นไม่เกี่ยวกับน.ส.
เบญจา เพียงแต่กล่าวหาว่าเป็นผู้ช่วยสส.ของน.ส.เบญจา จึงเป็นแรงจูงใจขับเขาออกจากพรรค
เรื่องนี้ต้องพิจารณาแยกกัน เรื่องคุกคามทางเพศอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องถูกกล่าวหาผลักดันให้เกิดการร้องเรียนมีผลประโยชน์ก็แยกกัน
JJNY : ยอดดับฉนวนกาซาทะลุหมื่น ไบเดนสงสัย│คาดปูตินลงเลือกตั้งปธน.สมัยหน้า│ก้าวไกลโต้สส.แจ้│ชอปปิงวันคนโสด‘ส่อกร่อย’
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4270471
ยอดดับฉนวนกาซาทะลุหมื่น เป็นเด็กกว่า 4.1 พัน ‘ไบเดน’ ตั้งข้อสงสัยตัวเลขถูกหรือไม่
กระทรวงสาธารณสุขของฮามาสในฉนวนกาซาออกมาระบุตัวเลขความสูญเสียหลังสงครามอิสราเอล-ฮามาสเกิดขึ้นครบ 1 เดือนว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาล่าสุดอยู่ที่ 10,022 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็กปาเลสไตน์ 4,104 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 25,408 คน
ขณะที่ตัวเลขความสูญเสียในฝั่งอิสราเอล มีผู้เสียชีวิต 1,400 ราย โดยเป็นเด็ก 31 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5,400 คน และมีผู้ถูกจับไปเป็นตัวประกันอีกมากกว่า 200 คน
ด้านนักการเมืองบางคนรวมถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ตั้งคำถามถึงความถูกต้องของตัวเลขผู้เสียชีวิตในส่วนของฮามาส เช่นเดียวกับกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ที่ระบุว่า ข้อมูลใดๆ ที่องค์กรก่อการร้ายแจ้งควรพิจารณาด้วยความระมัดระวัง
บีบีซีได้เผยขั้นตอนที่นำมาสู่การประกาศตัวเลขผู้เสียชีวิตโดยกระทรวงสาธารณสุขฮามาส ซึ่งระบุว่าเมื่อมีผู้เสียชีวิตอันเป็นผลจากการโจมตีของอิสราเอล โรงพยาบาลจะบันทึกรายละเอียดต่างๆ อาทิ ชื่อ นามสกุล อายุ เพศ และหมายเลขประจำตัวประชาชนลงในคอมพิวเตอร์ จากนั้นจะมีการถ่ายโอนข้อมูลจากโรงพยาบาลแต่ละแห่งไปยังระบบคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง เมื่อกระทรวงทำการประมวลผลแล้วจะมีการส่งข้อมูลไปยังสำนักงานสถิติกลางปาเลสไตน์ (PCBS)
อย่างไรก็ดี PCBS บอกกับบีบีซีว่า ตัวเลขดังกล่าวจะครอบคลุมเฉพาะผู้เสียชีวิตในโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ไม่ครอบคลุมถึงผู้เสียชีวิตใต้ซากอาคารหรือผู้ที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ ปกติแล้วจะมีการบันทึกสาเหตุการเสียชีวิตแบบเฉพาะเจาะจงไว้ด้วย แต่ขณะนี้ไม่สามารถทำได้เนื่องจากจำนวนตัวเลขการเสียชีวิตที่สูงมาก
ด้านริชาร์ด เบรนเนน โฆษกองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า เขาเชื่อว่าตัวเลขความสูญเสียในฉนวนกาซานั้นเชื่อถือได้ เพราะมั่นใจว่าระบบการจัดการข้อมูลที่กระทรวงสาธารณสุขในกาซาได้ดำเนินการตลอดหลายปีที่ผ่านมา สามารถที่จะรับมือกับการวิเคราะห์ข้อมูลได้ และฐานข้อมูลในช่วงหลายปีที่ผ่านมาถือว่ามีความแข็งแกร่ง
คาดปูตินลงเลือกตั้ง ปธน. สมัยหน้า อยู่ต่อถึงปี 2030 “เป็นอย่างน้อย”
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/209730
มีรายงานว่า วลาดิเมียร์ ปูติน จะลงเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียสมัยหน้าปี 2024 คาดได้รับชัยชนะแน่นอน และอยู่ในอำนาจต่ออีกอย่างน้อย 6 ปี
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นวันเกิดของ วลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งในปีนี้เขามีอายุ 71 ปีแล้ว และถือเป็นประธานาธิบดีรัสเซียที่ดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนานที่สุด โดยดำรงตำแหน่ง 8 ปี ช่วงปี 2000-2008 และกว่า 11 ปีตั้งแต่ 2012 จนถึงปัจจุบัน
และล่าสุดดูเหมือนว่า ปูตินจะยังคงเดินหน้าทำลายสถิติตัวเองไปเรื่อย ๆ เมื่อแหล่งข่าว 6 คนให้ข้อมูลแก่สำนักข่าวรอยเตอร์ตรงกันว่า ปูตินจะลงรับสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ที่จะมีขึ้นในเดือนมีนาคม 2024
ทั้งนี้ เดิมประธานาธิบดีรัสเซียมีวาระการดำรงตำแหน่งสมัยละ 4 ปี แต่ขยายเป็นสมัยละ 6 ปีหลังสมัยของ ดมิทรี เมดเวเดฟ ทำให้หากปูตินชนะการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง เขาจะได้อยู่ในอำนาจต่อไปอีก 6 ปี จนถึงปี 2030 เป็นอย่างน้อย
แหล่งข่าวบอกว่า ที่ปูตินตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี เนื่องจากเขารู้สึกว่า ต้องเป็นผู้นำทางรัสเซียผ่านช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยอันตรายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
แหล่งข่าวที่พูดคุยกับรอยเตอร์โดยไม่เปิดเผยชื่อเนื่องจากความอ่อนไหวทางการเมือง ระบุว่า ตอนนี้ทีมที่ปรึกษาของปูตินกำลังเตรียมการหาเสียงเลือกตั้ง คาดว่า หากปูตินร่วมชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี ชัยชนะจะตกเป็นของเขาแน่นอน เพราะจากผลสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่า เขามีคะแนนนิยมในรัสเซียถึง 80% และด้วยการสนับสนุนของรัฐ สื่อของรัฐ และแทบไม่มีเสียงคัดค้านจากสาธารณชนกระแสหลัก จึงมั่นใจได้ว่า เขาจะชนะการเลือกตั้งอย่างแน่นอน
แหล่งข่าวรายหนึ่งบอกว่า “โลกที่เรากำลังมองดูนั้นอันตรายมาก” อีกคนบอกว่า ปูตินเพิ่งตัดสินใจเรื่องนี้เมื่อเร็ว ๆ นี้และจะมีการประกาศในไม่ช้า
ที่ผ่านมา แม้ว่านักการทูต สายลับ และเจ้าหน้าที่ต่างประเทศจำนวนมาก จะประเมินว่า ปูตินจะยังคงอยู่ในอำนาจไปตลอดชีวิต แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแผนการของเขาที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมีนาคม 2024
ด้านโฆษกรัฐบาลรัสเซีย ดมิทรี เปสคอฟ ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ โดยก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายนเขาเคยบอกว่า หากปูตินตัดสินใจลงสมัครเลือกตั้ง จะไม่มีใครสามารถสู้กับเขาได้
กระนั้น แม้ว่าปูตินอาจไม่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่แท้จริงในการเลือกตั้ง แต่เขาก็ต้องเผชิญความท้าทายจากสงครามกับยูเครนที่ยังคงดำเนินอยู่
สงครามในยูเครนได้ก่อให้เกิดการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาในปี 1962 การคว่ำบาตรของชาติตะวันตกได้สร้างผลกระทบครั้งใหญ่ที่สุดต่อเศรษฐกิจรัสเซียในรอบหลายทศวรรษ และปูตินยังเผชิญกับการกบฏโดย เยฟกินี พริโกซิน ทหารรับจ้างที่ทรงอิทธิพลที่สุดของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการท้าทายอำนาจของเขาครั้งใหญ่
ชาติตะวันตกระบุว่าปูตินเป็นอาชญากรสงคราม และเป็นเผด็จการที่ทำให้รัสเซียอ่อนแอลง ขณะเดียวกันก็รวมชาติตะวันตกให้เป็นหนึ่งเดียวกันและทำให้มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรทางทหารอย่างนาโต โดยเฉพาะการยื่นขอเป็นสมาชิกของฟินแลนด์และสวีเดน
“รัสเซียกำลังเผชิญกับอำนาจอันเป็นหนึ่งเดียวกันของชาติตะวันตก ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จึงไม่สมควร” แหล่งข่าวคนหนึ่งกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวรัสเซียบางคน สงครามได้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของรัสเซียหลังยุคโซเวียต
อเล็กเซ นาวาลนี นักการเมืองฝ่ายค้านรัสเซียซึ่งเป็นที่รู้กัว่าต่อต้านปูติน กล่าวว่า ปูตินได้นำรัสเซียไปสู่ทางตันทางยุทธศาสตร์ สู่ความพินาศ สร้างระบบการปกครองที่เปราะบางเพราะเต็มไปด้วยพวกผู้ประจบประแจงและทุจริต ซึ่งท้ายที่สุดจะสร้างความวุ่นวายมากกว่าเสถียรภาพ
โอเลก ออร์ลอฟ หนึ่งในนักรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดของรัสเซีย เคยกล่าวไว้เมื่อเดือนกรกฎาคมว่า “รัสเซียกำลังถอยหลัง ... เราละทิ้งลัทธิเผด็จการคอมมิวนิสต์ แต่ตอนนี้กำลังก้าวไปสู่ลัทธิเผด็จการแบบอื่น”
เรียบเรียงจาก Reuters
ก้าวไกล โต้สส.แจ้ ยัน เบญจา-พรรค ไม่เกี่ยว อุ้มผู้ช่วยสส. รับผลประโยชน์บ่อขยะ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7951371
ก้าวไกล โต้สส.แจ้ ยันพรรคไม่ได้นิ่งนอนใจ ไม่ได้อุ้มผู้ช่วยสส. ชี้ปัญหาเรื่องผลประโยชน์บ่อขยะไม่เกี่ยวกับ เบญจา -กก.บห.พรรค จ่อเรียกสอบผู้ช่วยสส.
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 พ.ย.2566 ที่จ.ระยอง นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงกรณีนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ซึ่งถูกขับออกจากพรรคจากกรณีถูกกล่าวหามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศว่า ขอชี้แจงเรื่องนายวุฒิพงศ์ ให้ข้อมูลสร้างความเสียหาย กระทบต่อพรรค เรื่องการถูกขับออกจากสมาชิกพรรคเนื่องจากมีทีมงานคนหนึ่งในจ.ปราจีนบุรี รับผลประโยชน์จากบริษัทบ่อขยะ เป็นผู้ช่วยสส. ทำงานใกล้ชิดกับกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) คนหนึ่ง เป็นเหตุให้ถูกขับออกนั้น ขอเรียนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหานี้
ขอชี้แจง
1. ผู้บริหารพรรคได้รับทราบเรื่องข้อมูลที่อดีตสส.ปราจีนบุรี ร้องเรียนระหว่างที่อดีตสส.แก้ข้อกล่าวหาเรื่องคุกคามทางเพศ พยายามนำเรื่องนี้มาโต้แย้งว่าการร้องเรียนมีแรงจูงใจจากผลประโยชน์ทางการเมือง ที่มีเจ้าหน้าที่พรรคไปรับผลประโยชน์ เมื่อผู้บริหารพรรคทราบจาก กรรมการวินัยและตัวอดีตสส.ปราจีน เคยนำเสนอ พรรคไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้ เพียงแต่ผู้บริหารได้คุยกับกก.วินัยของพรรคว่า ต้องพิจารณาแยกจากกัน หมายความว่าข้อเท็จจริงนี้ไม่เกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องคุกคามทางเพศ ต้องพิจารณาแยกจากกัน เราพิจารณาจากข้อเท็จจริงแต่ละเรื่อง
2. พรรคไม่นิ่งนอนใจ พรรคและตนได้แจ้งกก.วินัยไปหลายสัปดาห์แล้วว่าเมื่อพิจารณาคุกคามทางเพศเสร็จ ต้องพิจารณาเรื่องเจ้าหน้าที่พรรครับผลประโยชน์ ซึ่งเราดำเนินการอยู่ ตอนนี้รอผู้ถูกกล่าวหาซึ่งบวชอยู่ สึกมาเมื่อไหร่ก็เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ
ยืนยันว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ช่วยและใกล้ชิดกับ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ซึ่งเป็นกก.บห. ก็ไม่ส่งผลต่อการพิจารณาเช่นกัน และไม่ได้มีส่วนในขั้นตอนโหวตของกก.วินัย เนื่องจากน.ส.เบญจา ไม่ได้มีส่วนในการโหวตของกก.วินัย และผลการพิจารณาของกก.วินัย ส่งมาที่ กก.บห. โดยน.ส.เบญจา ก็ของดออกเสียงเพราะทราบดีว่าถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้อง กก.ที่เหลือลงมติเอกฉันท์สส.ปราจีนฯมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง
ยืนยันว่า น.ส.เบญจา ไม่มีส่วนร้องเรียนเรื่องนี้ และการแต่งตั้งผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ช่วย น.ส.เบญจา นั้น ความจริงน.ส.เบญจา แต่งตั้งเพราะพรรคนำเสนอรายชื่อให้แต่งตั้ง เนื่องจากเห็นว่าเป็นคณะทำงานในจ.ปราจีนบุรี ที่ทำงานกับพรรคมาตั้งแต่ต้น จึงไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคล
ตอนนี้เมื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ทางน.ส.เบญจา ได้นำรายชื่อบุคคลที่ถูกกล่าวหาออกจากการเป็นผู้ช่วย สส.เพื่อไม่ให้เกิดอคติหรือเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องนี้ ทั้งนี้ พรรคจะสอบสวนว่ามีการรับผลประโยชน์หรือไม่ หากมีการโยงถึงน.ส.เบญจา ก็ต้องถูกฟ้อง และสิ่งที่สส.ปราจีนฯกล่าวหานั้นไม่เกี่ยวกับน.ส.เบญจา เพียงแต่กล่าวหาว่าเป็นผู้ช่วยสส.ของน.ส.เบญจา จึงเป็นแรงจูงใจขับเขาออกจากพรรค
เรื่องนี้ต้องพิจารณาแยกกัน เรื่องคุกคามทางเพศอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องถูกกล่าวหาผลักดันให้เกิดการร้องเรียนมีผลประโยชน์ก็แยกกัน