‘ก้าวไกล’ โวย กองทัพเรือ ปล่อยคลิปฟอกขาว เรือดำน้ำ เครื่องยนต์จีน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7412259
รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล โวย กองทัพเรือ ปล่อยคลิปฟอกขาว เรือดำน้ำ เครื่องยนต์จีน เผย เครื่องยนต์ไม่เคยใช้ที่ไหนแม้แต่จีน
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2565 นาย
พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่กองทัพเรือเผยแพร่คลิปวิดีโออธิบายการขับเคลื่อนเรือดำน้ำด้วยเครื่องยนต์จากจีน (CHD 620) แทนที่เครื่องยนต์จากเยอรมัน (MTU 396) ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตามข้อตกลงระหว่างกองทัพเรือกับบริษัท CSOC ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนว่า
ตนไม่ทราบว่าเหตุใดกองทัพเรือต้องพยายามชี้แจง ดูเหมือนเป็นความพยายามอย่างเป็นขั้นเป็นตอนที่จะนำไปสู่การแก้ไขสัญญาและยอมรับเครื่องยนต์ดีเซล CHD620 ที่ผลิตจากจีน แทนเครื่องยนต์ MTU396 ของเยอรมันใช่หรือไม่ ซึ่งหากในการเจรจาวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ กองทัพเรือยอมแก้ไขสัญญา ไทยจะกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล CHD 620 ของจีนในเรือดำน้ำ เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมีประเทศใช้งานเครื่องยนต์ดังกล่าวมาก่อน แม้แต่ประเทศจีนเอง
นาย
พิจารณ์ กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องไปยังกองทัพเรือ อย่าอ้างกับประชาชนว่าถ้าไม่ยอมรับเครื่องยนต์ดีเซล CHD 620 จากจีนแล้วจะทำให้เงินที่จ่ายไปแล้วกว่า 7 พันล้านบาทไม่ได้คืน เพราะเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองและสัญญาที่กองทัพทำกับฝ่ายจีน
“
กองทัพเรือจะเห็นแก่ผลประโยชน์ของประเทศชาติมากแค่ไหน ผมขอให้อย่าคิดแต่เรื่องเงินทอน ผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง กองทัพเรือไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะต้องยอมรับการทำผิดสัญญาของจีน อย่าทำตัวเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น ที่กลัวว่าถ้ารอบนี้ไม่ได้ซื้อ แล้วไม่รู้เมื่อไรจะได้ซื้ออีก เพราะนี่ไม่ใช่แค่เรือ 1 ลำ แต่แผนของกองทัพเรือ คือเรือดำน้ำถึง 3 ลำ รวมมูลค่าการลงทุน 36,000 ล้านบาท นี่คือชีวิต สวัสดิภาพ ความเสี่ยงภัยของทหารเรือไทย” นาย
พิจารณ์กล่าว
นาย
พิจารณ์ กล่าวอีกว่า หลังจากเห็นภาษากายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีต่อ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างเดินทางเยือนไทยเพื่อร่วมการประชุม APEC ทำให้รู้สึกเป็นห่วงท่าทีในการเจรจาต่อรองเรื่องเรือดำน้ำของกองทัพเรือและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าจะสามารถรักษาผลประโยชน์ของประเทศได้หรือไม่ ดังนั้นตนขอให้รอรัฐบาลใหม่ ซึ่งอาจเป็นพรรคก้าวไกล เข้ามาจัดการเรื่องนี้ จะดีกว่า
“สุพิศาล” เผย ทุจริตสอบตำรวจมีมานาน ทำวงการเน่าเฟะ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_464738/
“สุพิศาล” เผย ทุจริตสอบตำรวจมีมานาน ทำวงการเน่าเฟะ-กินสินบนอื้อ ย้ำข้อเสนอ “ก้าวไกล” ต้องปฏิรูปตำรวจ-สร้างรัฐเปิดเผย
พลตำรวจตรี
สุพิศาล ภักดีนฤนาท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะอดีตผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวถึงกรณีการทุจริตการสอบนายสิบของตำรวจภูธรภาค 5 และตำรวจภูธรภาค 9 ซึ่งมีการเรียกรับเงินเพื่อให้ช่วยสอบเข้าตำรวจ จนนำไปสู่การตั้งกรรมการสอบสวนและให้นักเรียนนายสิบที่ทุจริต พ้นสภาพหลายร้อยคนว่า กระบวนการทุจริตในการสอบของตำรวจมีมานานแล้ว และทำกันจนเป็นเรื่องปกติ ในอดีตที่ตนอยู่ในวงการตำรวจ ก็รับทราบถึงวิธีการทุจริตมากมาย เช่น การให้เข้าสอบแทนกัน
โดยมีบุคคลที่เป็นหัวกะทิ ทำหน้าที่เป็น “มือสอบ” ใช้วิธีการหลายรูปแบบ ตั้งแต่เข้าห้องสอบ เพื่อจำข้อสอบแล้วกดรหัสมอร์สส่งเข้าไปให้ผู้เข้าสอบผ่านนาฬิกาหรือโทรศัพท์ หรืออาจจะนั่งสอบอยู่ด้วยกันแล้วใช้รหัสมือในการส่งสัญญาณมาทีละคำตอบ หรือการรับจ้างเข้าไปสอบโดยทั้งผู้จ้างและผู้รับจ้าง จะเขียนชื่อและรหัสผู้สอบลงบนข้อสอบสลับกัน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการทุจริตที่เป็นแพ็คเกจใหญ่ ที่มีการนัดแนะลูกค้าอย่างเป็นระบบ ทั้งขั้นตอนการส่งรหัสสัญญาณ การใช้อุปกรณ์ ไปจนถึงการขโมยข้อสอบออกมาผ่านการซื้อตัวผู้ออกข้อสอบ ซึ่งโดยปกติจะถูกนำตัวไปกักบริเวณแล้วให้ออกข้อสอบแยกกัน
พลตำรวจตรี
สุพิศาล กล่าวว่า แม้ปัจจุบันจะมีการตรวจสอบป้องกันการทุจริตการสอบที่เข้มงวดรัดกุมขึ้นแล้ว เช่น การให้ใส่แต่กางเกงวอร์มที่ไม่มีกระเป๋าเข้าห้องสอบ การมีอุปกรณ์ตรวจจับเครื่องมือทุจริต หรือการยึดเอาโทรศัพท์และนาฬิกาไว้ แต่การทุจริตก็ยังเกิดขึ้นได้จากวิธีการใหม่ๆ ของขบวนการทุจริต และโดยเฉพาะเมื่อผู้คุมสอบเป็นพวกเดียวกัน ก็จะเกิดการปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเกิดขึ้น
ส่วนข้อเสนอนโยบายของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจและการป้องกันการทุจริต ที่มีหลักการสำคัญว่า ตำรวจต้องยึดโยงกับประชาชน ตรวจสอบได้โดยประชาชน และมีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ จะสามารถนำไปสู่การบรรเทาปัญหาการทุจริตเช่นนี้ลงได้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีสัดส่วนมาจากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลในสภา หรือการมีคณะกรรมการนโยบายความปลอดภัยสาธารณะจังหวัด ที่จะมีสัดส่วนจากภาคประชาชนและท้องถิ่น
ร่วมในกระบวนการอนุมัติการแต่งตั้งผู้บังคับการจังหวัดที่จะมาประจำในพื้นที่ รวมทั้งการปรับให้ความก้าวหน้าทางอาชีพของตำรวจทุกคนมีความเป็นธรรม เช่น การให้นายตำรวจชั้นประทวนที่จบการศึกษาปริญญาตรี ได้สิทธิเลื่อนยศเป็นชั้นสัญญาบัตรก่อนกลุ่มอื่น การเปิดรับคนทุกเพศเข้าเรียนนายร้อยตำรวจ การรับประกันว่าตำรวจทุกเพศจะได้รับโอกาสเลื่อนขั้นตำแหน่ง รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลรัฐเกี่ยวกับกระบวนการสอบที่สามารถเปิดเผยได้ เป็นต้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการสอบต่างๆ ของตำรวจทำกันแบบกระมิดกระเมี้ยน แอบสอบ หรือปิดห้องสอบเฉพาะสำหรับบางสายทักษะ ทำให้ได้แต่คนที่กินสินบาทคาดสินบนมาอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สังคมตำรวจถึงเน่าเฟะแบบที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ เราจึงต้องทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเปิดเผยและให้มีการแข่งขันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้นายตำรวจที่มีความรู้ความสามารถ ไม่ทุจริต ไม่อยู่ในอาณัติของใครมาทำหน้าที่
"สมคิด" เชื่อรัฐบาลคุยกันไม่ลงตัว หยุดผลักดันร่างกฎหมายกัญชา
https://siamrath.co.th/n/406956
วันที่ 13 ธ.ค.65 ที่รัฐสภา นาย
สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ฐานะรองประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงผลการะประชุมวิปรัฐบาล ต่อการพิจารณาวาระร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง พ.ศ..... วาระสอง ในวันที่ 14 ธันวาคม นี้ ว่า พรรคฝ่ายค้านจะไม่เห็นด้วยในประเด็นที่มีผลกระทบกับสังคมและไม่เป็นไปเพื่อทางการแพทย์ เช่น มาตรา 3 ว่าด้วยการนำกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษ ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านจะไม่เห็นด้วย และในมาตราอื่นๆ ที่ไม่แก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสม จะไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ในหลักการ พรรคฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย ยกเว้นมาตราที่เป็นประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น
“
ผมแปลกใจที่ส.ส.พรรครัฐบาล เตรียมยื่นใบลาออก ในวันที่ 14 ธ.ค.แสดงว่ารัฐบาลคุยกันไม่ลงตัวเกี่ยวกับการผลักดันร่างกฎหมายกัญชา กัญชง จึงให้ส.ส.รัฐบาลลาออก แทนการร่วมลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว เพราะหากสู้กันจริง และรัฐบาลไม่สามารถคุมเสียงองค์ประชุมหรือผลลงมติได้ ก็จะทำให้มีปัญหา” นาย
สมคิด กล่าว
เมื่อถามถึงจำนวนเสียงของพรรคฝ่ายค้านจะก้ำกึ่งหรือชนะโหวตฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ นาย
สมคิด กล่าวว่า หากวิปรัฐบาลระดมเสียงเต็มที่ พรรคฝ่ายค้านเอาชนะไม่ได้ โดยจำนวน ส.ส.รัฐบาลที่เป็นเนื้อแท้ตอนนี้ มีเพียง 170 -180 คนเท่านั้น หากเทียบกับ ฝั่งรัฐบาล ที่มีมากกว่า ยังห่างกันเกิน 50 เสียง ขณะที่ส.ส.รัฐบาลที่จะลาออก ในวันที่ 15 ธ.ค. ตนเชื่อว่าคงมีเฉพาะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ
“นิติธร”ฉะแหลก แผนลับนิรโทษกรรม ยกเว้น112 ซัดสร้างขัดแย้งอีก เปิดโปง กปปส.
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_3723339
นาย
นิติธร ล้ำเหลือ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวตอนหนึ่ง ในรายการ เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “เปิดให้หมด สิ่งที่ประชาชนต้องรู้” เปิดโปงเกมดัน กม.นิรโทษกรรม เข้าสภา แฉกลุ่มม็อบ กปปส.แอบเจรจาลับทหารในค่าย วางแผนออก กม. เฉพาะส่วน หวังให้ช่วยการเมือง 3 ป.ยามเพลี่ยงพล้ำ ลั่นต้องออก พรก.นิรโทษฯ ชุมนุมทุกฝ่าย ทั้ง 112 เท่าเทียม ล้างขัดแย้ง ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
JJNY : 5in1 ‘ก้าวไกล’โวยทัพเรือ│“สุพิศาล”เผยทุจริตสอบตร.│"สมคิด"เชื่อคุยกันไม่ลงตัว│“นิติธร”ฉะแหลก│ส.อ.ท.จี้ชะลอเอฟที
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7412259
รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล โวย กองทัพเรือ ปล่อยคลิปฟอกขาว เรือดำน้ำ เครื่องยนต์จีน เผย เครื่องยนต์ไม่เคยใช้ที่ไหนแม้แต่จีน
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2565 นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่กองทัพเรือเผยแพร่คลิปวิดีโออธิบายการขับเคลื่อนเรือดำน้ำด้วยเครื่องยนต์จากจีน (CHD 620) แทนที่เครื่องยนต์จากเยอรมัน (MTU 396) ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตามข้อตกลงระหว่างกองทัพเรือกับบริษัท CSOC ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนว่า
ตนไม่ทราบว่าเหตุใดกองทัพเรือต้องพยายามชี้แจง ดูเหมือนเป็นความพยายามอย่างเป็นขั้นเป็นตอนที่จะนำไปสู่การแก้ไขสัญญาและยอมรับเครื่องยนต์ดีเซล CHD620 ที่ผลิตจากจีน แทนเครื่องยนต์ MTU396 ของเยอรมันใช่หรือไม่ ซึ่งหากในการเจรจาวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ กองทัพเรือยอมแก้ไขสัญญา ไทยจะกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล CHD 620 ของจีนในเรือดำน้ำ เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมีประเทศใช้งานเครื่องยนต์ดังกล่าวมาก่อน แม้แต่ประเทศจีนเอง
นายพิจารณ์ กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องไปยังกองทัพเรือ อย่าอ้างกับประชาชนว่าถ้าไม่ยอมรับเครื่องยนต์ดีเซล CHD 620 จากจีนแล้วจะทำให้เงินที่จ่ายไปแล้วกว่า 7 พันล้านบาทไม่ได้คืน เพราะเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองและสัญญาที่กองทัพทำกับฝ่ายจีน
“ กองทัพเรือจะเห็นแก่ผลประโยชน์ของประเทศชาติมากแค่ไหน ผมขอให้อย่าคิดแต่เรื่องเงินทอน ผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง กองทัพเรือไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะต้องยอมรับการทำผิดสัญญาของจีน อย่าทำตัวเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น ที่กลัวว่าถ้ารอบนี้ไม่ได้ซื้อ แล้วไม่รู้เมื่อไรจะได้ซื้ออีก เพราะนี่ไม่ใช่แค่เรือ 1 ลำ แต่แผนของกองทัพเรือ คือเรือดำน้ำถึง 3 ลำ รวมมูลค่าการลงทุน 36,000 ล้านบาท นี่คือชีวิต สวัสดิภาพ ความเสี่ยงภัยของทหารเรือไทย” นายพิจารณ์กล่าว
นายพิจารณ์ กล่าวอีกว่า หลังจากเห็นภาษากายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีต่อ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างเดินทางเยือนไทยเพื่อร่วมการประชุม APEC ทำให้รู้สึกเป็นห่วงท่าทีในการเจรจาต่อรองเรื่องเรือดำน้ำของกองทัพเรือและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าจะสามารถรักษาผลประโยชน์ของประเทศได้หรือไม่ ดังนั้นตนขอให้รอรัฐบาลใหม่ ซึ่งอาจเป็นพรรคก้าวไกล เข้ามาจัดการเรื่องนี้ จะดีกว่า
“สุพิศาล” เผย ทุจริตสอบตำรวจมีมานาน ทำวงการเน่าเฟะ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_464738/
“สุพิศาล” เผย ทุจริตสอบตำรวจมีมานาน ทำวงการเน่าเฟะ-กินสินบนอื้อ ย้ำข้อเสนอ “ก้าวไกล” ต้องปฏิรูปตำรวจ-สร้างรัฐเปิดเผย
พลตำรวจตรีสุพิศาล ภักดีนฤนาท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะอดีตผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวถึงกรณีการทุจริตการสอบนายสิบของตำรวจภูธรภาค 5 และตำรวจภูธรภาค 9 ซึ่งมีการเรียกรับเงินเพื่อให้ช่วยสอบเข้าตำรวจ จนนำไปสู่การตั้งกรรมการสอบสวนและให้นักเรียนนายสิบที่ทุจริต พ้นสภาพหลายร้อยคนว่า กระบวนการทุจริตในการสอบของตำรวจมีมานานแล้ว และทำกันจนเป็นเรื่องปกติ ในอดีตที่ตนอยู่ในวงการตำรวจ ก็รับทราบถึงวิธีการทุจริตมากมาย เช่น การให้เข้าสอบแทนกัน
โดยมีบุคคลที่เป็นหัวกะทิ ทำหน้าที่เป็น “มือสอบ” ใช้วิธีการหลายรูปแบบ ตั้งแต่เข้าห้องสอบ เพื่อจำข้อสอบแล้วกดรหัสมอร์สส่งเข้าไปให้ผู้เข้าสอบผ่านนาฬิกาหรือโทรศัพท์ หรืออาจจะนั่งสอบอยู่ด้วยกันแล้วใช้รหัสมือในการส่งสัญญาณมาทีละคำตอบ หรือการรับจ้างเข้าไปสอบโดยทั้งผู้จ้างและผู้รับจ้าง จะเขียนชื่อและรหัสผู้สอบลงบนข้อสอบสลับกัน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการทุจริตที่เป็นแพ็คเกจใหญ่ ที่มีการนัดแนะลูกค้าอย่างเป็นระบบ ทั้งขั้นตอนการส่งรหัสสัญญาณ การใช้อุปกรณ์ ไปจนถึงการขโมยข้อสอบออกมาผ่านการซื้อตัวผู้ออกข้อสอบ ซึ่งโดยปกติจะถูกนำตัวไปกักบริเวณแล้วให้ออกข้อสอบแยกกัน
พลตำรวจตรีสุพิศาล กล่าวว่า แม้ปัจจุบันจะมีการตรวจสอบป้องกันการทุจริตการสอบที่เข้มงวดรัดกุมขึ้นแล้ว เช่น การให้ใส่แต่กางเกงวอร์มที่ไม่มีกระเป๋าเข้าห้องสอบ การมีอุปกรณ์ตรวจจับเครื่องมือทุจริต หรือการยึดเอาโทรศัพท์และนาฬิกาไว้ แต่การทุจริตก็ยังเกิดขึ้นได้จากวิธีการใหม่ๆ ของขบวนการทุจริต และโดยเฉพาะเมื่อผู้คุมสอบเป็นพวกเดียวกัน ก็จะเกิดการปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเกิดขึ้น
ส่วนข้อเสนอนโยบายของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจและการป้องกันการทุจริต ที่มีหลักการสำคัญว่า ตำรวจต้องยึดโยงกับประชาชน ตรวจสอบได้โดยประชาชน และมีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ จะสามารถนำไปสู่การบรรเทาปัญหาการทุจริตเช่นนี้ลงได้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีสัดส่วนมาจากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลในสภา หรือการมีคณะกรรมการนโยบายความปลอดภัยสาธารณะจังหวัด ที่จะมีสัดส่วนจากภาคประชาชนและท้องถิ่น
ร่วมในกระบวนการอนุมัติการแต่งตั้งผู้บังคับการจังหวัดที่จะมาประจำในพื้นที่ รวมทั้งการปรับให้ความก้าวหน้าทางอาชีพของตำรวจทุกคนมีความเป็นธรรม เช่น การให้นายตำรวจชั้นประทวนที่จบการศึกษาปริญญาตรี ได้สิทธิเลื่อนยศเป็นชั้นสัญญาบัตรก่อนกลุ่มอื่น การเปิดรับคนทุกเพศเข้าเรียนนายร้อยตำรวจ การรับประกันว่าตำรวจทุกเพศจะได้รับโอกาสเลื่อนขั้นตำแหน่ง รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลรัฐเกี่ยวกับกระบวนการสอบที่สามารถเปิดเผยได้ เป็นต้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการสอบต่างๆ ของตำรวจทำกันแบบกระมิดกระเมี้ยน แอบสอบ หรือปิดห้องสอบเฉพาะสำหรับบางสายทักษะ ทำให้ได้แต่คนที่กินสินบาทคาดสินบนมาอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สังคมตำรวจถึงเน่าเฟะแบบที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ เราจึงต้องทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเปิดเผยและให้มีการแข่งขันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้นายตำรวจที่มีความรู้ความสามารถ ไม่ทุจริต ไม่อยู่ในอาณัติของใครมาทำหน้าที่
"สมคิด" เชื่อรัฐบาลคุยกันไม่ลงตัว หยุดผลักดันร่างกฎหมายกัญชา
https://siamrath.co.th/n/406956
วันที่ 13 ธ.ค.65 ที่รัฐสภา นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ฐานะรองประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงผลการะประชุมวิปรัฐบาล ต่อการพิจารณาวาระร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง พ.ศ..... วาระสอง ในวันที่ 14 ธันวาคม นี้ ว่า พรรคฝ่ายค้านจะไม่เห็นด้วยในประเด็นที่มีผลกระทบกับสังคมและไม่เป็นไปเพื่อทางการแพทย์ เช่น มาตรา 3 ว่าด้วยการนำกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษ ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านจะไม่เห็นด้วย และในมาตราอื่นๆ ที่ไม่แก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสม จะไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ในหลักการ พรรคฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย ยกเว้นมาตราที่เป็นประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น
“ผมแปลกใจที่ส.ส.พรรครัฐบาล เตรียมยื่นใบลาออก ในวันที่ 14 ธ.ค.แสดงว่ารัฐบาลคุยกันไม่ลงตัวเกี่ยวกับการผลักดันร่างกฎหมายกัญชา กัญชง จึงให้ส.ส.รัฐบาลลาออก แทนการร่วมลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว เพราะหากสู้กันจริง และรัฐบาลไม่สามารถคุมเสียงองค์ประชุมหรือผลลงมติได้ ก็จะทำให้มีปัญหา” นายสมคิด กล่าว
เมื่อถามถึงจำนวนเสียงของพรรคฝ่ายค้านจะก้ำกึ่งหรือชนะโหวตฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า หากวิปรัฐบาลระดมเสียงเต็มที่ พรรคฝ่ายค้านเอาชนะไม่ได้ โดยจำนวน ส.ส.รัฐบาลที่เป็นเนื้อแท้ตอนนี้ มีเพียง 170 -180 คนเท่านั้น หากเทียบกับ ฝั่งรัฐบาล ที่มีมากกว่า ยังห่างกันเกิน 50 เสียง ขณะที่ส.ส.รัฐบาลที่จะลาออก ในวันที่ 15 ธ.ค. ตนเชื่อว่าคงมีเฉพาะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ
“นิติธร”ฉะแหลก แผนลับนิรโทษกรรม ยกเว้น112 ซัดสร้างขัดแย้งอีก เปิดโปง กปปส.
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_3723339
นายนิติธร ล้ำเหลือ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวตอนหนึ่ง ในรายการ เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “เปิดให้หมด สิ่งที่ประชาชนต้องรู้” เปิดโปงเกมดัน กม.นิรโทษกรรม เข้าสภา แฉกลุ่มม็อบ กปปส.แอบเจรจาลับทหารในค่าย วางแผนออก กม. เฉพาะส่วน หวังให้ช่วยการเมือง 3 ป.ยามเพลี่ยงพล้ำ ลั่นต้องออก พรก.นิรโทษฯ ชุมนุมทุกฝ่าย ทั้ง 112 เท่าเทียม ล้างขัดแย้ง ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้