อดีตสหภาพบินไทย ระดมพล เร่งจัดส่งเอกสาร คำร้อง-ใบมอบอำนาจลุยเป็นตัวแทนยื่นฟ้องศาลแรงงาน -ลุ้นพนักงานอาจมีข่าวดีได้เงินเดือนเดือน พ.ค.คืน 9วัน
นายนเรศ ผึ้งแย้ม อดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย เปิดเผย ถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 63นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกประกาศบริษัท ที่ 046/63 ขยายเวลาการปรับลดเงินเดือนพนักงานออกไปอีก 3 เดือน คือ มิ.ย-ส.ค. 63 ว่า ประกาศฉบับดังกล่าว แตกต่างจากประกาศฉบับแรก ที่ 043/63 ที่เห็นชอบให้ปรับลดเงินเดือนพนักงานไปแล้ว 2 เดือน คือ ระหว่าง 4 เม.ย.-31 พ.ค.2563 โดยประกาศฉบับแรกเป็นประกาศ เชิงการบังคับให้พนักงานต้องยินยอมลดเงินเดือน แต่ประกาศฉบับล่าสุด เป็นประกาศ ให้พนักงานสมัครใจลดเงินเดือน
ดังนั้น หากพนักงานคนใดไม่สมัครใจบริษัทจะไม่สามารถหักลดเงินเดือนพนักงานได้ แต่หากฝ่าฝืนหักเงินทั้งที่พนักงานไม่ยินยอมพนักงานมีสิทธิ์ที่จะดำเนินการตามกฎหมายกับบริษัท โดยพนักงานคนใดไม่ยินยอม จะต้องทำการกรอกแบบ ฟอร์ม ในใบคร7 หรือ ใบคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน เพื่อร้องไปยังอธิบดีกรมคุ้มครองสวัสดิการแรงงาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 รวมทั้งต้องทำหนังสือมอบอำนาจให้ตนเป็นตัวแทนฟ้องร้องในศาลแรงงานกลางต่อไป
“ดีดีให้พนักงานเซ็นต์ยินยอมโดยให้ส่งเอกสารยินยอม กลับมาให้บริษัทภายในวันที่ 15 มิ.ย. นี้ สำหรับพนักงานที่ไม่ต้องการเซ็นต์ยินยอมให้หักเงินเดือนนั้นซึ่งขณะนี้แสดงความจำนงค์เข้ามาจำนวนมากนั้น ผมขอให้รอดูว่าสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ก่อนถ้า เงินในบัญชีถูกหักให้พนักงานจัดส่งเอกสาร ทั้ง 3 รายการมาให้ผม คือ 1.เอกสารหลังฐานเงินในบัญชีที่ถูกหัก 2.กรอกแบบฟอร์มในใบ คร 7 และ3.จัดทำใบมอบอำนาจ ผมจะ เป็นตัวแทนในการยื่นฟ้องศาลแรงงานกลางให้ ซึ่งขณะนี้ได้แจ้งรายละเอียดขั้นตอนการจัดเตรียมเอกสารต่างๆไปยังพนักงานตามแผนกต่างๆครบหมดแล้ว ทั้งฝ่ายช่าง ลูกเรือ ฯลฯ ให้ทยอยจัดส่งเอกสารมา เพื่อรวบรวม เอกสารจากพนักงานไปยื่นฟ้องพร้อมกันทั้งหมด”
นายนเรศ กล่าวถึง สาเหตุที่ตนไม่เห็นด้วยกับกรณีที่บริษัทจะขยายเวลาปรับลด เงินเดือนต่ออีก 3 เดือนว่า เนื่องจากขณะนี้บริษัทมีสภาพคล่องเหลืออยู่เกือบ 1 หมื่นล้านบาท เพียงพอที่จะจ่ายเงินพนักงานปีอีก 3 เดือนจนถึงเดือน มิ.ย.-ส.ค.63 เพราะล่าสุดฝ่ายบริหารได้เจรจาขอผ่อนผันการชำระหนี้การค้าที่ถึงกำหนดชำระได้หมดทั้งก้อนคือได้ราว7พันล้านบาท และยังมีเงินสดสำหรับจ่ายเงินเดือนพนักงานเหลืออยู่อีก 900ล้านบาท ประกอบกับปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพักชำระหนี้ไม่ต้องเร่งหาเงินไปจ่ายหนี้เจ้าหนี้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องปรับลดเงินเดือนพนักงาน
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 11 / 2563 เมื่อ วันที่ 29 พฤษภาคม ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงประเด็นการปรับลดเงินเดือนพนักงานในครั้งที่1ระหว่างวันที่ 23-31 พ.ค. 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทได้พ้นสภาพจากการเป็นรัฐวิสาหกิจมาเป็นบริษัทเอกชนแล้วว่าบริษัทสามารถทำได้หรือไม่ เพื่อความชัดเจนที่ประชุมบอร์ดขอให้บริษัททำหนังสือไปหารือและขอความเห็นจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นการเร่งด่วนแล้ว
ทั้งนี้ หากกรมสวัสดิการตอบว่าการประกาศการปรับลดเงินเดือนฉบับแรกมีผลสิ้นสุด เมื่อวันที่ 22 พ.ค. คือวันที่การบินไทยเปลี่ยนสภาพจากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทเอกชน บริษัทอาจจะจำเป็นต้องคืนเงินเดือนส่วนที่หักไปในช่วงระหว่างวันที่ 23-31พ.ค. คืนให้แก่พนักงานในรอบเงินเดือนในเดือนมิ.ย.63 ต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายจนอาจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_4234244
ด่วน!! อดีตสหภาพบินไทย ระดมพลพนักงานค้านลดเงินเดือน ฟ้องศาลแรงงาน
อดีตสหภาพบินไทย ระดมพล เร่งจัดส่งเอกสาร คำร้อง-ใบมอบอำนาจลุยเป็นตัวแทนยื่นฟ้องศาลแรงงาน -ลุ้นพนักงานอาจมีข่าวดีได้เงินเดือนเดือน พ.ค.คืน 9วัน
นายนเรศ ผึ้งแย้ม อดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย เปิดเผย ถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 63นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกประกาศบริษัท ที่ 046/63 ขยายเวลาการปรับลดเงินเดือนพนักงานออกไปอีก 3 เดือน คือ มิ.ย-ส.ค. 63 ว่า ประกาศฉบับดังกล่าว แตกต่างจากประกาศฉบับแรก ที่ 043/63 ที่เห็นชอบให้ปรับลดเงินเดือนพนักงานไปแล้ว 2 เดือน คือ ระหว่าง 4 เม.ย.-31 พ.ค.2563 โดยประกาศฉบับแรกเป็นประกาศ เชิงการบังคับให้พนักงานต้องยินยอมลดเงินเดือน แต่ประกาศฉบับล่าสุด เป็นประกาศ ให้พนักงานสมัครใจลดเงินเดือน
ดังนั้น หากพนักงานคนใดไม่สมัครใจบริษัทจะไม่สามารถหักลดเงินเดือนพนักงานได้ แต่หากฝ่าฝืนหักเงินทั้งที่พนักงานไม่ยินยอมพนักงานมีสิทธิ์ที่จะดำเนินการตามกฎหมายกับบริษัท โดยพนักงานคนใดไม่ยินยอม จะต้องทำการกรอกแบบ ฟอร์ม ในใบคร7 หรือ ใบคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน เพื่อร้องไปยังอธิบดีกรมคุ้มครองสวัสดิการแรงงาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 รวมทั้งต้องทำหนังสือมอบอำนาจให้ตนเป็นตัวแทนฟ้องร้องในศาลแรงงานกลางต่อไป
“ดีดีให้พนักงานเซ็นต์ยินยอมโดยให้ส่งเอกสารยินยอม กลับมาให้บริษัทภายในวันที่ 15 มิ.ย. นี้ สำหรับพนักงานที่ไม่ต้องการเซ็นต์ยินยอมให้หักเงินเดือนนั้นซึ่งขณะนี้แสดงความจำนงค์เข้ามาจำนวนมากนั้น ผมขอให้รอดูว่าสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ก่อนถ้า เงินในบัญชีถูกหักให้พนักงานจัดส่งเอกสาร ทั้ง 3 รายการมาให้ผม คือ 1.เอกสารหลังฐานเงินในบัญชีที่ถูกหัก 2.กรอกแบบฟอร์มในใบ คร 7 และ3.จัดทำใบมอบอำนาจ ผมจะ เป็นตัวแทนในการยื่นฟ้องศาลแรงงานกลางให้ ซึ่งขณะนี้ได้แจ้งรายละเอียดขั้นตอนการจัดเตรียมเอกสารต่างๆไปยังพนักงานตามแผนกต่างๆครบหมดแล้ว ทั้งฝ่ายช่าง ลูกเรือ ฯลฯ ให้ทยอยจัดส่งเอกสารมา เพื่อรวบรวม เอกสารจากพนักงานไปยื่นฟ้องพร้อมกันทั้งหมด”
นายนเรศ กล่าวถึง สาเหตุที่ตนไม่เห็นด้วยกับกรณีที่บริษัทจะขยายเวลาปรับลด เงินเดือนต่ออีก 3 เดือนว่า เนื่องจากขณะนี้บริษัทมีสภาพคล่องเหลืออยู่เกือบ 1 หมื่นล้านบาท เพียงพอที่จะจ่ายเงินพนักงานปีอีก 3 เดือนจนถึงเดือน มิ.ย.-ส.ค.63 เพราะล่าสุดฝ่ายบริหารได้เจรจาขอผ่อนผันการชำระหนี้การค้าที่ถึงกำหนดชำระได้หมดทั้งก้อนคือได้ราว7พันล้านบาท และยังมีเงินสดสำหรับจ่ายเงินเดือนพนักงานเหลืออยู่อีก 900ล้านบาท ประกอบกับปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพักชำระหนี้ไม่ต้องเร่งหาเงินไปจ่ายหนี้เจ้าหนี้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องปรับลดเงินเดือนพนักงาน
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 11 / 2563 เมื่อ วันที่ 29 พฤษภาคม ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงประเด็นการปรับลดเงินเดือนพนักงานในครั้งที่1ระหว่างวันที่ 23-31 พ.ค. 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทได้พ้นสภาพจากการเป็นรัฐวิสาหกิจมาเป็นบริษัทเอกชนแล้วว่าบริษัทสามารถทำได้หรือไม่ เพื่อความชัดเจนที่ประชุมบอร์ดขอให้บริษัททำหนังสือไปหารือและขอความเห็นจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นการเร่งด่วนแล้ว
ทั้งนี้ หากกรมสวัสดิการตอบว่าการประกาศการปรับลดเงินเดือนฉบับแรกมีผลสิ้นสุด เมื่อวันที่ 22 พ.ค. คือวันที่การบินไทยเปลี่ยนสภาพจากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทเอกชน บริษัทอาจจะจำเป็นต้องคืนเงินเดือนส่วนที่หักไปในช่วงระหว่างวันที่ 23-31พ.ค. คืนให้แก่พนักงานในรอบเงินเดือนในเดือนมิ.ย.63 ต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายจนอาจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_4234244