สวัสดีครับ

หลังจากหายหน้าหายตาไปซักพัก จัดการชีวิตอะไรทั้งหลายแหล่
ตอนนี้ก็กลับมาเข้าที่เข้าทาง น่าจะกลับมารีวิวได้เหมือนเดิม
(ณ ช่วงเวลานี้นะ เดี๋ยวนี้อะไรก็ไม่แน่นอนอะ = =: )

เอาละ เข้าเรื่อง

วันนี้มารีวิวหมูกรอบจากหม้อทอดไร้น้ำมัน

ซึ่งจริง ๆ มันก็ไม่ได้ใหม่ต๊ะติ๊งโหน่งอะไรหรอก แต่สำหรับข้าพเจ้าที่ไม่เคยใช้หม้อทอดไร้น้ำมัน
มันก็ดูใหม่ น่าตื่นตาตื่นใจ ความรู้สึกน่าจะเหมือนตอนมนุษย์ดึกดำบรรพ์ค้นพบการจุดไฟครั้งแรก

ด้วยความนิยมของกระแสหม้อทอด กว่าจะได้หม้อมา บอกเลยว่าลำบากระดับนึง

ตอนแรกกดผ่านช็อปปี้ไปร้านนึง ร้านก็เงียบกริบ ตอนนั้นนึกว่าเดี่ยวร้านก็ส่งเองแหละ
พอถึงเวลาส่ง ร้านดันยกเลิกซะงั้น โดยให้เหตุผลว่าไม่มีของ

คือ.. ข้าพเจ้ารอเป็นสัปดาห์ ไม่มีของก็ยกเลิกหรือบอกตั้งแต่วันสองวันแรกสิ
จะรอให้มันถึงเดตไลน์เพื่อ? ขายของเป็นไหมเนี่ย? อุบอิบ ๆ ๆ = =:

อะ ไม่ได้ ไม่เป็นไร เปลี่ยนร้าน

คราวนี้สั่งอีกร้าน ถามไปก่อนเลย มีสต็อกสินค้าส่งได้ใช่ไหม?
ร้านก็บอกว่ามี แต่กว่าร้านจะส่งให้ ล่อไปสิบกว่าวัน

ได้เรียนรู้ว่า มีของหรือไม่มี กับจะส่งหรือไม่ส่งเป็นอีกเรื่อง
คราวหน้าสั่งอะไรพวกนี รวดถามไปด้วยดีกว่าว่าจะส่งเมื่อไหร่ = =:

---

สิ่งที่ต้องเตรียม

1. หมูสามชั้น ปริมาณตามที่ต้องการ แปรผันโดยตรงต่อน้ำหนักตัวในอนาคต
2. เกลือพอประมาณ
3. น่ำส้มสายชูพอดี ๆ

---

ว่าแล้ว เราต้องโชว์หม้อทอดที่น่ารักของข้าพเจ้า

1. หม้อ Philips รุ่น HD9621

เอ่อ...  ยอมรับว่าราคาแรงพอสมควร แต่สำหรับคนที่ทำกับข้าวประจำอย่างเราแล้ว
มองระยะยาวก็คิดว่าน่าจะใช้งานคุ้มค่าแหละ คิดซะว่าคือการลงทุนระยะยาว

2. หล่อเข้ม ดูหน้าตาดี

3. เดืนทางมาไกล น่าจะเหนื่อย เลยให้พักผ่อนก่อน

4. พักผ่อนพอแล้ว ก็เตรียมพร้อมใช้งานทันที

5. ช่วงนี้เพิ่อป้องกันการระบาดซ้ำ การใส่หน้ากากเป็นสิ่งพึงกระทำ

6. หมูสามชั้น เหมือนทางห้างจะรู้ว่าช่วงนี้คนนิยมทำหมูกรอบกัน เขาเลยตัดใส่แพ็คมาขนาดพอดี้พอดี เหมือนจงใจทำมาให้เราชัด ๆ

7. หมูสามชั้น ของแท้ต้องอุดมชั้นไขมัน มาลีน ๆ แบบหมู Cardio ไม่ได้

8. หมูสามชั้นมีสามชิ้น บั้งหมูเป็น 3 แบบ แบบแรกบั้งตรง ๆ ทำมุม 90 องศา ตั้งฉากกับขอบเนื้อหมู
ชิ้นที่สอง บั้งทำมุมประมาณ 30 องศา  ชิ้นที่ 3 บั้งทำมุมประมาณ 45 องศา

ถามว่าทำไมต้องบั้งให้ต่างกัน? ระดับนี้แล้ว จะมารีวิวธรรมดา ๆ ไก่กาไม่ได้
เดี๋ยวพาไปชมครับ

9. ก่อนอื่นทาเกลือให้ทั่ว ใส่เกลือเท่าไหร่ จำมิได้

10. คว่ำหนังหมูลง ใส่น้ำส้มสายชูผสมเกลือให้ท่วมส่วนชั้นไขมัน เสร็จแล้วนำไปแช่ตู้เย็นซัก 3 ชั่วโมง แต่อันนี้แช่ข้ามคืนไปเลย

11. หมูชิ้นแรก บั้งทำมุม 90 องศา เอาไปตากแดดปกติ ใส่จาน ใส่กะละมัง แล้วหุ้มด้วยถุงซักผ้า กันแมลง หรือนกมาคาบไป
ต่อไปนี้ ขอเรียกหมูชิ้นนี้ว่า "หมูซันนี่"

12. หมูชิ้นที่สอง บั้งทำมุม 30 องศา เอาไปตากหน้าพัดลม ขอเรียกหมูชิ้นนี้ว่า "หมูวินดี้"

13. หมูชิ้นสุดท้าย ปั้งทำมุม 45 องศา เอาไปใส่เครื่องฉายแสง UV

เอ่อ... ก็พอจะรู้ ว่ามันเอาไว้ฆ่าเชื้อ ไม่ได้ช่วยไล่ความชื้นเท่าไหร่ แต่มันอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ  บางมีแสง UV อาจจะช่วยให้หมูกรอบขึ้นก็ได้นะ
ขอเรียกหมูชิ้นนี้ว่า "หมูยูวี่"

14. หมูยูวี่นี่มีความเป็นภาระนิดนึง ตรงที่เครื่องมันทำงานได้สูงสุด 15 นาที ต้องคอยเดินมากดทุก ๆ 15 นาที

15. หมูซันนี่ ได้ซันนี่แรง ๆ สมใจ

16. จนกระทั่งซักผ้าเสร็จ ต้องแบ่งระเบียงไว้ตากผ้าด้วย คราวนี้ต้องเล็งองศาตากผ้าดี ๆ แล้วต้องคอยมาขยับผ้า ให้แสงแดงลอดลงมาพอดีชิ้นหมู

17. หลังจากผ่านไปราว ๆ 4 ชั่วโมง ไล่จากซ้ายไปขวา หมูซันนี่-หมูวินดี้-หมูยูวี่... ดูสีหนังหมู จะเห็นว่าสีเข้มสุดจะเป็นหมูวินดี้
รองลงมาจะเป็นหมูซันนี่ ส่วนหมูยูวี่นี่สีซีดกว่าเพื่อน

เอาหลังมือแตะ ๆ ดู บอกไม่ถูกว่าอันไหนแห้งกว่ากัน
 
18. ทำการลงหม้อทอด หันด้านชั้นไขมันลงด้านล่าง พร้อมทอด ใส่น้ำลงไปตรงก้นหม้อนิดหน่อย กันควันเยอะ 
แต่ก็แลกมากับการที่ลมในหม้อ อาจจะหมุนเวียนได้ไม่เต็มที่

ยอมแลก เพราะกลัวสัญญาณเตือนภัยดังอะ = =:

19. ตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 200 องศา 10 นาที

20. ผ่านไป 10 นาที หน้าตาออกมาประมาณนี้

21. กลับด้านหมู หันด้านหนังหมูขึ้น  ส่วนหมูสองชิ้นขวาเล็ก ๆ นั่นไปต้องไปสนใจ ใส่แถม ๆ มาให้คุ้มค่าไฟเฉย ๆ 
 
22. อุณหภูมิ 200 องศาอีก 20 นาที หลังจากนั้นก็พลิกหันด้านข้าง ต่ออีก 5 นาที

23. ออกมาหน้าตาประมาณนี้ จริง ๆ หน้าตาก็ไม่ได้แย่นะ แต่มันก็ไม่ได้พองปุ๊ป๊ะเหมือนหมูกรอบทั่วไปอะนะ = =:

24. หมูกรอบอินดี้ พองบ้างไม่พองบ้าง เดาว่าส่วนนึงเพราะไม่ได้เอาส้อมจิ้มหนังให้พรุน ๆ ด้วยมั้ง?
ความร้อนมันเลยไม่ปุ๊ป๊ะเข้าเนื้อเท่าไหร่ อีกสันนิษฐานก็คือเอาน้ำใส่ก้นหม้อไปด้วย เลยหมุนเวียนความร้อนได้ไม่เต็มที่

เอาล่ะ เรามาดูกันว่าแต่ละชิ้นเป็นอย่างไร

25. หมูซันนี่ ทำตามมาตรฐานหมูกรอบ 

26. หมูวินดี้ ผู้ตากผ่านพัดลมฮาตาริ

27. หมูยูวี่ แม้จะผ่านเครื่องฉายแสง UV แต่ก็หน้าตาดีผิดคาด

28. จัดลงจานให้เรียบร้อย กินกับไอติมวานิลาน่าจะเข้ากันดี

29. เตรียมรับรสชาติ

อั้ม!!!

ใช้ได้ หมูกรอบ แม้จะไม่กรอบบ้างไม่กรอบบ้าง แต่ก็เข้ากันดีกับไอติมวานิลลา
หมูกรอบก็จะกรอบ ๆ เค็ม ๆ มีมัน ๆ  ส่วนไอติมวานิลลาก็จะตัดรสชาติหวาน ๆ เย็น ๆ 

โดยรวมถือว่าไม่แย่เลยนะ เข้ากันได้ บางทีอนาคตเราอาจใช้หมูกรอบแทนแผ่นเวเฟอร์ก็ได้นะ

สเวนเซ่นส์น่าจะลองออกเป็นเมนูซีซั่นต่อไป ไอติมหมูกรอบงี้
มีเมนู Banana split แล้ว เพิ่ม Crispy pork spark ก็น่าจะดี

ทีนี้ มาแจงรสสัมผัสของหมูทั้งสามแบบละกัน

หลังจากทอดแล้ว อันไหนกรอบสุดโดนสุด?
ยกให้ "หมูซันนี่" ครับ เวิร์คสุด ส่วนอีกสองหน่อ กรอบพอ ๆ กันครับ

ก็ยังงง ๆ ว่า ทำไม "หมูวินดี้" กับ "หมูยูวี่" ถึงออกมากรอบพอ ๆ กัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น "หมูยูวี่" ก็ไม่แน่นำให้ทำนะ 
เพราะมันจะมีกลิ่นหมูติดเครื่องฉายแสง UV เสียเวลามาทำความสะอาดโดยใช่เหตุ

30. หมดเรียบร้อย โรงเรียนเลิก

---

สรุป 

กินได้ ใช้ได้เลย ไม่เลวร้าย

แต่หมูกรอบ ยังไงกินกับข้าวสวยหรือข้าวมัน 
ใส่ซีอิ๊วดำหรือน้ำจิ้มข้าวมันไก่ ยังไงก็อร่อยกว่าเยอะ

---

ต่อไปเป็นช่วงของแถม...

ไปต่อคอมเมนต์ข้างล่างนะ
ยาวเกินหมื่นตัวอักษร เขาไม่ให้พิมพ์ต่ออะ = =: