สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมจะมาแกะกล่องโทรศัพท์มือถือโนเกียรุ่นหนึ่ง อยากจะบอกว่าฮิตมากๆๆๆๆในช่วงยุค 2000 ต้นๆ รุ่นนี้ขายดีสุดๆ เป็นที่ใฝ่ฝันของวัยรุ่น วัยทำงานในสมัยนั้นเลยทีเดียว และรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นแรกๆที่นำเทรนไม่เหมือนใคร ด้วยการใช้แอลอีดีสีฟ้าสดใส แถมยังสว่างมากๆ ทำให้เวลาใช้งานเท่ จ๊าบมากๆ สะกดทุกสายตา ยิ่งเวลากลางคืนหรือที่แสงน้อย เจ้าโนเกียรุ่นนี้ก็จะทำให้คุณโดดเด่นขึ้นมาในทันที แต่บางคนบอกว่ามันสว่างเกินไปจนแสบตา ก็ว่ากันไป อิอิ 



หลายๆท่านพอได้อ่านย่อหน้าแรกก็คงรู้แล้วว่าคือโนเกียรุ่นอะไร ใช่แล้วครับ คือเจ้าโนเกีย 8250 ฉายาโนเกียปีกผีเสื้อ หน้ากล่องมีรูปชายหนุ่ม แต่งตัวเท่ดูทันสมัย ยืนเก๊กหันหลัง Nokia 8250 มีสโลแกนเป็นทางการก็คือ Walk on the blue side แหม..แค่สโลแกนก็จ๊าบแล้ว รูปแบบกล่องยังใช้รูปแบบเดียวกับโนเกีย 8210 คือจะมีพลาสติกใสครอบกล่องอีกทีหนึ่ง ขนาดกล่องก็เท่ากันเป๊ะ



แกะกล่องออกมาก็เห็นเจ้าโนเกีย 8250 นอนสงบนิ่งอยู่ในลังกระดาษ แถมยังมีทั้งจดหมาย การ์ด คู่มือ ใบรับประกันอะไรเต็มไปหมดเลย



เครื่องนี้ซื้อที่ศูนย์ IEC ซะด้วย มีสติ๊กกง สติ๊กเกอร์ติดบ่งบอกสรรพคุณอะไรให้เต็มไปหมดเลย สมัยนี้ไม่เห็นมีสติ๊กเกอร์แบบนี้แล้วครับ



มีคู่มือเล่มหนาๆมาให้อ่านเล่นด้วย มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีเกือบ 60 หน้าเลยอะ ไม่เคยอ่านจบสักที คือเปิดกล่องมาก็ใช้เป็นเลยว่างั้น 555



เค้าอุตส่าห์แถมมาให้ เปิดให้ดูสักหน่อยเผื่อที่ใครไม่เคยเห็น กระดาษนี่ไม่ใช่กระดาษบางๆกิ๊กก๊อกนะครับ เป็นกระดาษมันอย่างดีเลย พิมพ์สีทั้งเล่ม จริงจังนะครับ ไม่ใช่ว่าแถมไปอย่างงั้น



การ์ดรับประกันจากศูนย์ IEC เป็นบัตรสีทองอย่างดีเลย พรีเมี่ยมมากๆ แหม..เครื่องนี้รับประกัน 5 ปีเลยนะครับ สุดยอดไหมล่ะ อิอิ



มีใบแดงมาด้วย !!! เตือนว่าเครื่องนี้ใช้กับซิมของ AIS เท่านั้นนะจ๊ะ ถ้าใครทะลึ่งเอาไปใส่กับซิมค่ายอื่นล่ะก็ หึหึ พังเสียหายขึ้นมาประกันขาดทันที ไม่รับผิดชอบนะจ๊ะ อิอิ อ่านไปก็ขำไป ตลกยิ่งกว่าโจ๊กใส่ไข่ไม่ใส่ขิงหน้าหออีกครับ ความเป็นจริงถ้าเราใส่ซิมของค่ายอื่นก็แค่ขึ้นว่าซิมการ์ดไม่ยอมรับ ใช้งานไม่ได้ก็แค่นั้น ไม่พังหรอก เหมือนขู่ให้กลัวซะมากกว่า การล็อคอีมี่เครื่องศูนย์ให้ใช้ซิมเฉพาะเครือข่ายของตนเองก็มีมานานแล้ว ปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นอยู่ แต่มันก็ไม่เป็นอุปสรรคสักเท่าไหร่ พอซื้อเสร็จเดินเข้าร้านข้างๆปลดล็อคอีมี่ให้ใส่ได้ทุกระบบ สบายใจละ 555



เก็บใบรับประกันไว้ให้ดีดีนะครับ ถ้าหายเคลมไม่ได้ไม่รู้นะ อิอิ



อันนี้เด็ดมากครับ ผมชอบจริงๆ ค่ายนี้จะมีแถมสติ๊กเกอร์โชว์สรรพคุณมาให้ด้วย บ่งบอกชัดเจนเลยว่า เห้ย..ของเรานี่คลื่นแรง 2 วัตต์เลยนะเฟ้ย ของนายพวก 1 วัตต์กว่าๆอย่ามาแหยม อิอิ สมัยนั้นบอกเลยว่าเจ้าสติ๊กเกอร์นี้ฮิตมากๆไม่แพ้ตัวเครื่องเลย เราจะเห็นได้ว่ากระจกหลังรถยนต์จะมีสติ๊กเกอร์อันนี้ติดอยู่ บอกเลยว่าฮิตไม่แพ้วัดท่าไม้ละกัน 555



ช่วยกรอกช้อมูล และช่วยหยอดตู้แดงส่งกลับบริษัทให้ด้วยนะจ๊ะ สมัยนี้คงไม่มีใครทำแบบนี้แล้วล่ะครับ 



เจ้าของเครื่องสามารถสมัครสมาชิกคลับโนเกียโดยการกรอกข้อมูล แล้วส่งกลับได้ด้วยเช่นกัน แต่ผมไม่เคยส่งไปสักอย่าง



มาดูหน้าตาโนเกีย 8250 ที่เรียกกันว่ารุ่นปีกผีเสื้อ ก็คงเป็นเพราะดีไซน์ของแผงปุ่มกด รูปทรงคล้ายปีกของผีเสื้อ ดีไซน์ได้สวยโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ มาพร้อมกับไฟแอลอีดีสีฟ้าทั้งเครื่อง ยิ่งทำให้โดดเด่นมากในตอนกลางคืน ดีไซน์ของรุ่นนี้ออกมาแนวเท่ๆสำหรับหนุ่มๆ แต่สาวๆก็ชอบใช้กันเยอะมากเหมือนกัน โดยเฉพาะสาวๆที่ชอบเที่ยวกลางคืนในย่าน RCA อิอิ เวลาเพื่อนตามมาทีหลังหาโต๊ะไม่เจอ ต้องชูมือโชว์ไฟ 8250 ให้เพื่อนเห็น หรือโต๊ะที่มี 8250 ก็จะชอบเอาออกมาโชว์ความจ๊าบ ด้วยการเอาเจ้า 8250 กดให้ไฟติดแล้วใส่ในแก้วเปล่า โชว์แสงสีฟ้า ใครเคยทำยอมรับมาซะดีดี แต่อย่าเผลอเมานะ รับรองหายแบบวิบวับ อิอิ



ไฟสีฟ้าสวยๆ สวยจนรุ่นอื่นมองค้อน รีบเดินเข้าร้านมือถือเปลี่ยนหลอดไฟให้เป็นสีฟ้าบ้าง งานนี้ช่างรวยเละ อิอิ
Interface ที่คุ้นตา ด้านซ้ายเป็นแถบความแรงของสัญญาณ ตอนนี้ยระบบ 2จี ยังใช้ได้ แต่ไม่รับปประกันว่าจะใช้ได้ถึงตอนไหน ส่วนแถบด้านขวาโชว์ระดับแบตเตอรี่ ส่วนที่ขึ้นว่า TH 99 เป็นชื่อเครือข่ายของทรูสมัยโบราณครับ 555



ด้านข้างซ้ายเหมือนกันกับโนเกีย 8210 มีเพียงปุ่มเพิ่มละเสียง และรูลำโพง เสียงริงโทนของรุ่นนี้ถือดังมาก แต่ยังแพ้ความดังของ 3310 รายนั้นดังมากกกกกก ถ้าใครเผลอตั้งความดังระดับ 5แล้วล่ะก็ รับรองลั่นทั้งขบวนบีทีเอส 555 อ่อ ด้านล่างจะมีพอร์ทอินฟราเรด ไว้สำหรับรับส่งข้อมูล ภาพ ริงโทน รุ่นแพงๆในสมัยนั้นต้องมี



ด้านข้างขวาโล่งมากจริงๆ เรียบไม่มีอะไรเลย แต่จับถนัดมือมาก และด้วยขนาดที่เล็กและเบา (ขนาด: 45 × 102.5 × 19 มม.น้ำหนัก 81 กรัม) ทำให้พกพาได้สะดวกมาก ถือคุยสายนานๆก็ไม่เมื่อยแขน 



ด้านหลังมีลวดลายที่ฝาหลังพอให้ตื่นเต้น และโลโก้โนเกีย เงาวิบวับตัดกับสีดำ เสาอากาศที่ฝังอยู่ในตัวเครื่อง ไม่เป็นเสาโผล่ออกมา และยังสืบทอดมาถึงปัจจุบัน



ด้านบนจะมีปุ่มเปิดปิดเครื่อง และที่เห็นเป็นรูอยู่มุม รูนั้นเอาไว้ใส่สายคล้องคอแทนพระเครื่องเดินสยามนัดกับเพื่อนตรงน้ำพุ คล้องแขน หรือพวงกุญแจ ตุ๊กตา ไฟวิ่ง เยอะแยะมากมาย ใครพวงยิ่งใหญ่ยิ่งเท่ ยิ่งจ๊าบ 555 บอกเลยว่านี่เป็นเทรนที่ฮิตติดอันดับต้นๆของการดีไซน์มือถือสมัยนั้น ที่ต้องมีรูเอาไว้คล้องสายต่างๆ



ด้านล่างมีรูไมค์ รูเอาไว้เสียบชาร์จแบตกับรูหูฟัง ส่วนแถบสีทองๆนั่นเอาไว้วางชาร์จกับแท่นชาร์จ



ลูกเล่นของโนเกียที่ฮิตมากๆในสมัยนั้น ฮิตพอๆกับการแต่งริงโทน นั่นก็คือเปลี่ยนหน้ากากเป็นสีต่างๆ ร้านค้าเต็มไปด้วยหน้ากากสีและแบบต่างๆ ซื้อเปลี่ยนกันทุกอาทิตย์พอๆกับเปลี่ยนเสียงริงโทน 555



ใครที่ใช้โนเกียแล้วไม่เคยแต่งริงโทน ถือว่าพลาดมากจริงๆ รุ่นนี้กดแต่งเอง แถมยังส่งให้เพื่อนๆได้อีกด้วย ใครไม่อยากกดเองก็ไปแอบหยิบของเพื่อนกดส่งเข้าเครื่องตัวเองก็ได้นะ ใหน่อยก็เดินเข้าร้านให้ร้านโหลดให้ หรือโทรไปโหลดกว่าจะโหลดได้ก็แพงจัด 555



รุ่นนี้พิเศษกว่า 8210 ตรงที่ในเครื่องจะมีรูป เราสามารถเอามาตั้งพักหน้าจอได้ ใครอยากได้รูปที่แปลกใหม่ก็เสียตังค์โหลดเอาเอง ว่าแต่ในรูปนี่แน่ใจว่าเป็นผีเสื้อ หรือเป็นแมงอะไรสักอย่างกันแน่ 555



แน่นอน..ต้องมีเกมงูในตำนาน รุ่นนี้จะมากับเกมงูเวอร์ชั่นแรก หัวงูยังเป็นแท่ง กราฟฟิกสุดแสนจะเชย แต่หารู้ไม่ว่ามันส์สุดๆ เล่นกันทั้งวัน เทียบได้ก็คงเหมือนเกมแรคนาล็อคหรืออาร์โอวี บอกเลย 555



ถึงจะเก่า...แต่ก็ยังสามารถส่งข้อความร่วมทำบุญโครงการต่างๆได้นะ กดส่วนลดกาแฟ กดส่วนลดอาหาร ให้น้องพนักงานสงสัยเล่นๆว่าพี่นี่มันคืออะไร อิอิ



ตั้งริงโทนเพลงนี้ พอรับสายทีไร คนชอบมองกันทุกทีเลย 555
สุดท้ายแล้ว มือถือเครื่องหนึ่ง ไม่ได้เป็นเพียงแค่มือถือ แต่เป็นสิ่งที่บ่งบอก ให้นึกถึงความหลังในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น มีความทรงจำที่มากมาย ทั้งสุข ทุกข์ เหงา เศร้า เพียงแค่เราหยิบมันขึ้นมา ก็ชวนให้คิดถึงวันวาน