สวัสดีครับเพื่อนๆ อย่าพึ่งเบื่อนะครับ ที่ช่วงนี้มีกระทู้แกะกล่องมือถือรุ่นเก่าๆ ถี่ยิ่งกว่าเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ซะอีก เอาเป็นว่าอ่านแก้เซ็งก็แล้วกันครับ วันนี้ผมจะมาแกะกล่องมือถือโนเกียรุ่นเก่ารุ่นหนึ่ง ที่เชื่อว่าเมื่อก่อนเพื่อนๆต้องมีความอยากได้มั่งล่ะ และเครื่องที่นำมาแกะกล่องพรีวิวเล็กๆน้อยๆ ก็เป็นของสหายของผมท่านหนึ่ง อนุญาตให้ผมเอามาลงแบ่งปันให้เพื่อนๆได้รับชมนึกถึงความหลังวันวานเก่าๆ ข้อความอธิบายจะเป็นของสหายผมมีเรียบเรียงใหม่บ้าง พร้อมแล้วไปรับชมกันเลย



เมื่อปี ค.ศ. 2002 หรือ พ.ศ. 2545 ตอนนั้นเพื่อนๆ ทำอะไรกันอยู่นะ สำหรับคนที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นในช่วงนั้นทุกคนย่อมรู้จักโทรศัพท์มือถือโนเกียแน่นอน ยุคนั้นมือถือมีขนาดเล็กมาก และยังเป็นจอขาวดำอยู่เลย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นช่วงรอยต่อของเทคโนโลยีบนมือถือที่เร็วยิ่งกว่า วิน ดีเซล แห่งภาพยนตร์ เดอะฟาส แอนด์ เดอะ ฟิวเรียส เพราะไม่ทันไรจอสีก็มาแล้ว ตามมาด้วยมือถือที่รองรับคลื่น 3G ถึงตอนนี้ก็ 4G 5G แล้ว

วันนี้วัยรุ่นหลือน้อยตอนปลายอย่างเราจะมาแกะกล่อง Nokia 6510 มือถือเครื่องเล็กๆ แต่สเป็กไม่เล็ก (ผมไม่เล็กนะครับ) ให้ได้ชมได้อ่านกัน



ดีไซน์กล่อง ด้านหน้ามีโลโก้โนเกียกับเลขรุ่นอยู่ด้านบน ใช้สีฟ้าอ่อนตัดกับสีขาวที่เป็นพื้นหลังบนกล่อง ถัดลงมามีรูป Nokia 6510 อยู่ตรงกลางเยื้องไปทางซ้าย มุมขวาล่างมีโลโก้โนเกียพร้อมสโลแกน Connecting People ส่วนด้านซ้ายมีตัวหนังสือเล็กๆ แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "สีของโทรศัพท์ในชุดจัดจำหน่ายอาจแตกต่างจากสีที่โชว์บนแพคเกจ"



ด้านหลังกล่อง มีภาพฝรั่ง 3 คน ในลุคนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เลิกงานแล้วก็มีดินเนอร์กับสาวๆแบบผ่อนคลายจิบน้ำเก๊กฮวยกันสักนิด พร้อมกับหมูแดดเดียวที่วางอยู่บนโต๊ะ ( โว๊ะ..รู้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ 555 ) ถัดมาก็เป็นภาพตัวเครื่อง 3 มุม และรายละเอียดของฟังก์ชั่นเด่นๆ



ด้านข้างกล่อง แสดงเลขอีมี่ของตัวเครื่อง ตรงนี้เวลาไปซื้อเครื่อง เราสามารถเช็คดูกับตัวเครื่องว่าอีมี่ตรงกับกล่องไหม ให้มั่นใจได้ว่าเราได้เครื่องใหม่แท้แน่นอน เหมือนเดิมครับ สมัยนั้นต้องมีสติ๊กเกอร์จากศูนย์จัดจำหน่ายติดไว้ให้เท่ๆ...มั๊ง



เมื่อเปิดกล่องออกมา จะพบตัวเครื่องใส่อยู่ในเคส พร้อมกับวอลชาร์จ (เครื่องศูนย์จะมีสติ๊กเกอร์วอยด์รับประกันติดอยู่แบบนี้ในอุปกรณ์ทุกชิ้น) แบตเตอรี่ (มีชุดหูฟังด้วยแต่เก็บแยกกัน) ขนาดลังกระดาษยังมีปั๊มโลโก้ Nokia สุดจริงๆ 555



มีคู่มือมาให้อ่านอีกแล้ว รุ่นนี้สามารถใช้ GPRS เล่นเน็ตได้ด้วยนะเออ มีการตั้งค่าอะไรก็เข้าไปอ่านบ้างแล้วล่ะ วัยรุ่นยุคใหม่ๆคงจะงงว่าจอขาวดำแบบนี้เล่นเน็ตได้ด้วยเหรอ อิอิ สมัยก่อนเล่น GPRS เค้าคิดค่าบริการเป็นนาทีเลยนะจะบอกให้ จำไม่ได้แล้วว่านาทีละเท่าไหร่ รู้แต่ว่าแพงอะ 555



เริ่มไฮเทคขึ้นมาอีกนิดนึงแล้ว มีแผ่นซีดีมาให้ติดตั้งโปรแกรมด้วย บอกตรงๆผมไม่เคยใช้เลยสักที 555



ซื้อมือถือสมัยก่อนต้องมีใบรับประกันแบบนี้ด้วยนะครับ แหมลงไว้ปี 45 ปีนี้ปี 63 แล้วนะตัวเธอ และในใบรับประกันจะบอกรายละเอียดว่าเราได้อะไรบ้าง ถ้าได้ไม่ครบแสดงว่าคนขายแอบจิ๊กไปก็เป็นได้ อิอิ



Nokia 6510 ซีรี่ส์ 6 ของโนเกีย ทำออกมาเพื่อจับตลาดกลุ่มนักธุรกิจโดยเฉพาะ ด้วยดีไซน์ที่สวยงาม เรียบหรู ดูภูมิฐาน สะกดทุกสายตา แต่เต็มไปด้วยฟังก์ชั่นต่างๆ ที่อัดแน่นอยู่ภายใน โดยหลักๆ เป็นรุ่นที่ทำการอัพเกรดความละเอียดหน้าจอขึ้นมา (ละเอียดกว่า Nokia 8310 ซึ่งในไทยตอนนั้นฮิตสุดๆ เพราะเครื่องเล็ก แสงสีไฟสุดจี๊ดแสบทรวง เปลี่ยนหน้ากากได้ และมีวิทยุ FM !) และที่เด็ดสุดคือ รุ่นนี้ใช้ไฟแบคไลท์สีฟ้าสวยมากกกกก ! ย้ำว่าสีฟ้า มาจากโรงงานเลย (แต่ออกโทนสีฟ้าอ่อน ไม่เข้มเท่าโนเกีย 8250ผีเสื้อ )  ทำให้เราไม่ต้องไปพึ่งช่างให้โมเปลี่ยนหลอดไฟเป็นสีต่างๆ
และต้องบอกเลยว่าศูนย์จัดจำหน่ายมือถือสมัยก่อนบ้าสติ๊กเกอร์กันมากๆ กลัวลูกค้าจะไม่รู้ เป็นกันทุกค่าย สมัยก่อนศูนย์จัดจำหน่ายมือถือก็จะมีอุปกรณ์เสริมเป็นของตัวเองด้วย เยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะซองหนัง หรือสายต่อพ่วงอะไรต่างๆ



ด้านข้างเรียบๆมีเพีบงปุ่มกดเพิ่มเสียงและลดเสียงเท่านั้น



อีกด้านนึงก็มีเพียงพอร์ทอินฟราเรดไว้รับส่งข้อมูล พอร์ทนี้จะมีเฉพาะรุ่นใหญ่เท่านั้น



ด้านบนมีปุ่มเปิดปิด และรูลำโพงเสียงเรียกเข้า มือถือสมัยก่อนไม่ค่อยมีปุ่มอะไรวุ่นวาย เน้นที่ดีไซน์กันมากกว่าครับ



บั้นท้ายก็มีเพียงรูไมค์โครโฟน รูชาร์จ รูเสียบหูฟัง และแถบสัมผัสเอาไว้ชาร์แบตกับแท่นชาร์จครับ



ด้านหลังก็มมาในแบบเนียนเรียบ เรียบมากๆไม่มีอะไรเลย 555 ก็ทำไงได้มือถือสมัยก่อนไม่มีกล้องนี่นา ถึงจะเรียบแต่ก็ยังมีการเล่น ลายเส้นโค้งเว้าดูสวยงามลงตัว รุ่นนี้จะเน้นมาดเท่เรียบๆ ไม่เหมือนกับ 8310 รายนั้นเน้นวัยรุ่นเฟี้ยวฟ้าว แสงสีจี๊ดจ๊าดสะใจ



รุ่นนี้ฟังวิทยุได้ด้วย แต่ต้องต่อเชื่อมหูฟังก่อน บันทึกได้ตั้ง 20 สถานี สมัยก่อนมือถือฟังวิทยุได้ก็เท่สุดๆไปเลย เดินสยามใส่หูฟังก้มหน้ากดหาคลื่น โอ้วโคตะระเท่ๆๆๆ 555
อ่อ รุ่นนี้สามารถพิมพ์ข้อความภาษาไทยได้สมบูรณ์แล้วนะ เครื่องศูนย์ไทยก็จะมีแผงปุ่มกดภาษาไทยติดมากับเครื่องเลย แต่กว่าจะกดคล่อง ต้องใช้สมาธิมากๆ ถ้าเกิดว่ากดเลยตัวพยัญชนะ ก็ต้องเสียเวลากดให้วนมาอีกที กว่าจะได้แต่ละข้อความนี่เหนื่อยเลย อิอิ



รองรับ HIGH SPEED CIRCUIT SWITCHED DATA (HSCSD) ใช้เป็นโมเด็มในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปผ่านอินฟรา-เรด สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์หรือการอีเมลล์ โดยรองรับการรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วถึง 43.2 kb ต่อวินาที (ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในยุคนั้นถือว่าเร็วสุดๆแล้ว)



ลองเอามาวางเทียบกับโนเกีย 4.2 ดูเทคโนโลยีเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วกับปัจจุบัน ทำให้เราเห็นได้ว่าเทคโนโลยีไปไกลขึ้นและเร็วขึ้นจริงๆ



ถึงจะเก่า แต่เจ้าของก็ยังคงพกโนเกีย 6510 ไปในสถานที่ต่างๆ แค่ได้ควักเอามาวางบนโต๊ะกาแฟ นั่งจิบกาแฟช้าๆ แค่นี้เจ้าของเครื่องก็มีความสุขแล้วครับ

ปล. ทุกภาพถ่ายจาก Nokia 808 PureView