สวัสดีครับทุกท่าน ก่อนการกลับมาของ nokia 2016 แล้วจะกลับมาอย่างเต็มตัวในปี 2017 วันนี้ขอพาย้อนรอยอดีตช่วงที่ยิ่งใหญ่ของ nokia ในยุคที่ทำให้หลายๆคน รู้จัก MBK โดยเฉพาะวัยรุ่นในสมัยยุค 2000 ไม่มีใครที่ไม่รู้จักมือถือยี่ห้อโนเกีย ซึ่งรุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากวัยรุ่นสมัยนั้นก็คือ 8310 ที่ออกแบบมาโดนใจวัยโจ๋เป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องขนาดเล็กจิ๋ว สีสันที่จี๊ดโดนใจ หน้ากากหลากสีที่ชอบเปลี่ยนกันเป็นว่าเล่น เป็นที่นิยมในกลุ่มดารานักร้อง เอามาใช้ในเอ็มวี หรือละครก็เยอะ
ขนาด ที่เล็กจิ๋ว 97 x 43 x 19 มิลลิเมตร น้ำหนักที่เบาหวิว 84 กรัม ซึ่งเทรนของมือถือสมัยก่อนคือยิ่งเล็ก ยิ่งจ๊าบ ซึ่งตรงกันข้ามกับยุคสมัยปัจจุบัน แนบหูทีบังหน้ามิด ยิ่งจ๊าบ อิอิ
เมื่อลองวางในมือของผู้ชายวัยรุ่น(ดึก)อย่างผม ก็ดูเจ้า 8310 นี้เล็กจิ๋วพอสมควร เวลาโทรอาจจะจับไม่ค่อยถนัดบ้าง แต่ถ้าอยู่ในมือสาวๆคิดว่าน่าจะจับได้พอดีมือครับ แต่เวลาคุยนานๆไม่เมื่อยแขนเหมือน 3310 ครับ เพราะว่าน้ำหนักรุ่นนี้เบามากๆ ใส่ในกระเป๋ากางเกงยังไม่รู้สึกถึงน้ำหนักเลยครับ
หน้าจอเป็นแบบขาวดำ หลอดไฟแอลอีดีสีขาวดูเท่สุดๆ ไม่หวั่นแม้แสงแดดจะแรงเพียงใด ก็สามารถมองเห็นตัวอักษรได้ชัดเจน ปุ่มกดเงาวับจับจิตด้วยโครเมี่ยม แม้ว่าปุ่มจะดูเล็กแต่ก็ยังกดง่าย แต่ถ้าเล่นเกมผมยังคิดว่า 3310 ปุ่มกดได้ถนัดมากกว่าครับ
หน้ากากของรุ่นนี้ก็มีให้เปลี่ยนหลายสีมาก ซึ่งหน้ากากชุดหนึ่งนั้นมีสีที่แตกต่างกันประมาณ3สีกันเลยทีเดียว
ส่วนด้านหลังออกแบบเรียบๆ พลาสติกสีดำด้านบนเป็นบริเวณเสารับสัญญาณ มีรูสำหรับห้องสายคล้องมือ พวงกุญแจหรือคล้องคอสมัยก่อนฮิตกันมาก ซึ่งรุ่นนี้เล็กและเบาคล้องคอได้ไม่มีปัญหา แต่บางคนเอา3310มาคล้องคอ เวลาเดินมันก็จะเหวี่ยงเห็นแล้วจุกแทนเลยครับ อิอิกำ
ฝาหลังมีเพียงแผ่นโลโก้โครเมี่ยมโนเกีย แค่นี้ก็ดูขลังแล้วครับ
เปิดฝาหลังออก ก็จะเห็นช่องใส่แบต ใช้งานทั่วไปอยู่ได้ประมาณ 4 วัน รุ่นนี้เป็นรุ่นปลายๆก่อนที่จะเข้ายุคจอสี ซึ่งออกแบบได้มากินไฟค่อนข้างน้อยกว่าพวก 8210 8250 หรือ 8850 ใช้แบตก้อนเดียวกัน แต่เจ้า 8310 สามารถอยู่ได้นานกว่ารุ่นพวกนี้ถึง 1-2 วันกันเลยทีเดียว ความร้อนระหว่างใช้งานก็น้อยกว่าด้วย
ถึงรุ่นเก่า แต่รองรับภาษาไทยได้สมบูรณ์นะครับ ทั้งส่งข้อความ รับข้อความ เมนูไทย ผมพกไปกดรหัสส่วนลดต่างๆได้อย่างไม่มีปัญหา เวลายื่นให้น้องพนักงานจดโค๊ต น้องๆก็ชอบเอาไปเซลฟี่กันสนุกสนาน
ด้านข้างมีเพียงปุ่มกดเพิ่ม ลดเสียง และช่องรับส่งสัญญาณอินฟราเรดเท่านั้น รุ่นนี้มี GPRS รับ-ส่งข้อมูลสูงสุด 40.2 Kbps. เร็วมากๆเลยใช่ไหมครับ
ด้านล่างก็จะมีแค่รูเสียบที่ชาร์จ หูฟัง รูไมค์ และคอนแทคสำหรับตั้งชาร์จบนแท่นชาร์จ
รุ่นนี้มีฟังก์ชั่นวิทยุเอฟเอ็มในตัว ถือว่าจ๊าบมากในยุคนั้น รุ่นไฮเอนบางรุ่นยังไม่มีฟังก์ชั่นนี้เลย เป็นที่ตื่นตาตื่นใจมาก สามารถบันทึกสถานีได้ โดยหูฟังก็จะเป็นแบบ 2 หู เวลาใส่ฟังดูเท่และจ๊าบมาก ซึ่งในยุคนั้นหูฟังสมอลล์ทอร์คจะมีแค่หูฟังข้างเดียว ปัจจุบันก็ยังใช้ได้อยู่นะครับ
แสงสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มรุ่นนี้ค่อนข้างสว่างมาก ใช้หาของในที่มืดได้ดี ปุ่มกดก็สว่างมากหมดปัญหาเมมเบอร์ผิดของสาวๆอาร์ซีเอ อิอิกำ
ไม่อยากใส่หูฟัง ก็เปิดวิทยุผ่านลำโพงก็ยังได้นะครับ
รุ่นนี้เป็นรุ่นหนึ่งที่มีหน้ากากหลากสีสันมากที่สุด ไม่เฉพาะสีสันของหน้ากากอย่างเดียวนะครับ สีสันของปุ่มกดก็ยังมีหลากสีเช่นกัน เลือกสีตามใจชอบได้เลยครับ
วันไหนเบื่อๆก็เปลี่ยนปุ่มเล่น อารมณ์ก็เปลี่ยนแล้วครับ อิอิ
เครื่องนี้ผมใช้สำรอง เวลาหยิบโทรทีไรก็ทำให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆสมัยวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี
สุดท้ายนี้รอการเปิดตัวโนเกีย 2016 ว่าจะทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนคึกคักขนาดไหน ไม่มีใครรู้ ก็ต้องติดตามดูกันไปครับ
ขอตัวไปเล่นเกมงูในตำนานก่อนครับ อิอิกำ
[CR] Nokia 8310 สีสันของวัยรุ่นยุค 2000
ขนาด ที่เล็กจิ๋ว 97 x 43 x 19 มิลลิเมตร น้ำหนักที่เบาหวิว 84 กรัม ซึ่งเทรนของมือถือสมัยก่อนคือยิ่งเล็ก ยิ่งจ๊าบ ซึ่งตรงกันข้ามกับยุคสมัยปัจจุบัน แนบหูทีบังหน้ามิด ยิ่งจ๊าบ อิอิ
เมื่อลองวางในมือของผู้ชายวัยรุ่น(ดึก)อย่างผม ก็ดูเจ้า 8310 นี้เล็กจิ๋วพอสมควร เวลาโทรอาจจะจับไม่ค่อยถนัดบ้าง แต่ถ้าอยู่ในมือสาวๆคิดว่าน่าจะจับได้พอดีมือครับ แต่เวลาคุยนานๆไม่เมื่อยแขนเหมือน 3310 ครับ เพราะว่าน้ำหนักรุ่นนี้เบามากๆ ใส่ในกระเป๋ากางเกงยังไม่รู้สึกถึงน้ำหนักเลยครับ
หน้าจอเป็นแบบขาวดำ หลอดไฟแอลอีดีสีขาวดูเท่สุดๆ ไม่หวั่นแม้แสงแดดจะแรงเพียงใด ก็สามารถมองเห็นตัวอักษรได้ชัดเจน ปุ่มกดเงาวับจับจิตด้วยโครเมี่ยม แม้ว่าปุ่มจะดูเล็กแต่ก็ยังกดง่าย แต่ถ้าเล่นเกมผมยังคิดว่า 3310 ปุ่มกดได้ถนัดมากกว่าครับ
หน้ากากของรุ่นนี้ก็มีให้เปลี่ยนหลายสีมาก ซึ่งหน้ากากชุดหนึ่งนั้นมีสีที่แตกต่างกันประมาณ3สีกันเลยทีเดียว
ส่วนด้านหลังออกแบบเรียบๆ พลาสติกสีดำด้านบนเป็นบริเวณเสารับสัญญาณ มีรูสำหรับห้องสายคล้องมือ พวงกุญแจหรือคล้องคอสมัยก่อนฮิตกันมาก ซึ่งรุ่นนี้เล็กและเบาคล้องคอได้ไม่มีปัญหา แต่บางคนเอา3310มาคล้องคอ เวลาเดินมันก็จะเหวี่ยงเห็นแล้วจุกแทนเลยครับ อิอิกำ
ฝาหลังมีเพียงแผ่นโลโก้โครเมี่ยมโนเกีย แค่นี้ก็ดูขลังแล้วครับ
เปิดฝาหลังออก ก็จะเห็นช่องใส่แบต ใช้งานทั่วไปอยู่ได้ประมาณ 4 วัน รุ่นนี้เป็นรุ่นปลายๆก่อนที่จะเข้ายุคจอสี ซึ่งออกแบบได้มากินไฟค่อนข้างน้อยกว่าพวก 8210 8250 หรือ 8850 ใช้แบตก้อนเดียวกัน แต่เจ้า 8310 สามารถอยู่ได้นานกว่ารุ่นพวกนี้ถึง 1-2 วันกันเลยทีเดียว ความร้อนระหว่างใช้งานก็น้อยกว่าด้วย
ถึงรุ่นเก่า แต่รองรับภาษาไทยได้สมบูรณ์นะครับ ทั้งส่งข้อความ รับข้อความ เมนูไทย ผมพกไปกดรหัสส่วนลดต่างๆได้อย่างไม่มีปัญหา เวลายื่นให้น้องพนักงานจดโค๊ต น้องๆก็ชอบเอาไปเซลฟี่กันสนุกสนาน
ด้านข้างมีเพียงปุ่มกดเพิ่ม ลดเสียง และช่องรับส่งสัญญาณอินฟราเรดเท่านั้น รุ่นนี้มี GPRS รับ-ส่งข้อมูลสูงสุด 40.2 Kbps. เร็วมากๆเลยใช่ไหมครับ
ด้านล่างก็จะมีแค่รูเสียบที่ชาร์จ หูฟัง รูไมค์ และคอนแทคสำหรับตั้งชาร์จบนแท่นชาร์จ
รุ่นนี้มีฟังก์ชั่นวิทยุเอฟเอ็มในตัว ถือว่าจ๊าบมากในยุคนั้น รุ่นไฮเอนบางรุ่นยังไม่มีฟังก์ชั่นนี้เลย เป็นที่ตื่นตาตื่นใจมาก สามารถบันทึกสถานีได้ โดยหูฟังก็จะเป็นแบบ 2 หู เวลาใส่ฟังดูเท่และจ๊าบมาก ซึ่งในยุคนั้นหูฟังสมอลล์ทอร์คจะมีแค่หูฟังข้างเดียว ปัจจุบันก็ยังใช้ได้อยู่นะครับ
แสงสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มรุ่นนี้ค่อนข้างสว่างมาก ใช้หาของในที่มืดได้ดี ปุ่มกดก็สว่างมากหมดปัญหาเมมเบอร์ผิดของสาวๆอาร์ซีเอ อิอิกำ
ไม่อยากใส่หูฟัง ก็เปิดวิทยุผ่านลำโพงก็ยังได้นะครับ
รุ่นนี้เป็นรุ่นหนึ่งที่มีหน้ากากหลากสีสันมากที่สุด ไม่เฉพาะสีสันของหน้ากากอย่างเดียวนะครับ สีสันของปุ่มกดก็ยังมีหลากสีเช่นกัน เลือกสีตามใจชอบได้เลยครับ
วันไหนเบื่อๆก็เปลี่ยนปุ่มเล่น อารมณ์ก็เปลี่ยนแล้วครับ อิอิ
เครื่องนี้ผมใช้สำรอง เวลาหยิบโทรทีไรก็ทำให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆสมัยวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี
สุดท้ายนี้รอการเปิดตัวโนเกีย 2016 ว่าจะทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนคึกคักขนาดไหน ไม่มีใครรู้ ก็ต้องติดตามดูกันไปครับ
ขอตัวไปเล่นเกมงูในตำนานก่อนครับ อิอิกำ