เป็นอีกหนึ่งมือถือที่สร้างปรากฏการณ์ให้คนรู้จักในฐานะ “แฟชั่นโฟน” รุ่นที่สองของโนเกีย ถัดจากโนเกีย 8210 ที่เปิดตัวในประเทศไทยช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2543 ภายใต้คอนเซปต์ “Live with Passion พลังชีวิตไร้ขีดจำกัด”
ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2544 โนเกียได้นำมือถือรุ่น 8250 ภาคต่อของมือถือแฟชั่นโฟนมาจัดจำหน่ายในประเทศไทย เป็นมือถือเครื่องแรกที่มีไฟเรืองแสงสีฟ้าครามเข้มที่หน้าจอและบริเวณปุ่มกด ซึ่งสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี มาพร้อมฟังก์ชั่นแชท แต่งเสียงเรียกเข้าเพิ่มได้ถึง 6 เสียง รองรับการส่งข้อมูลผ่านพอร์ตอินฟราเรตที่ความเร็ว 14.4kbps โดยมีการจัดงานเปิดตัวแนวนิทรรศการแฟชั่น “Walk on the Blue Side with Nokia 8250, Walk into the Optical Labyrinth to Experience the Breakthrough Fashion Exhibition” ซึ่งโนเกียได้ร่วมสนับสนุนการพัฒนาแฟชั่นของดีไซเนอร์ไทยรุ่นใหม่เป็นครั้งแรก โดยได้นำงานดีไซน์ของนักออกแบบหน้าใหม่มาแสดงในงานเปิดตัวของโนเกีย 8250 ที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม รวมทั้งในงานฉลองการเปิดตัวที่อาคารอื้อจือเหลียง มีเซเลบริตี้ที่มีชื่อเสียงในวงการหลายคนเข้าร่วมในงานเปิดตัวครั้งนี้ด้วย
"งานเปิดตัว Nokia 8250 ที่ประเทศใต้หวัน"
"โฆษณา Nokia 8250 เวอร์ชั่นจีน"
ผ่านไป 20 ปีกับการเปิดตัวมือถือโนเกีย 8250 วันนี้ดิฉันได้นำมือถือรุ่นนี้กลับมาปัดฝุ่นใส่ซิมการ์ดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อย้อนรำลึกอดีตอันแสนหอมหวานกับมือถือเครื่องนี้ โดยดิฉันได้รับเครื่องต่อมาจากนักสะสมท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการนักสะสมมือถือเก่าแห่ง “กลุ่มบ้านคนรักโนเกีย”
"ตัวเครื่องพร้อมกล่อง สภาพสวยงาม"
"ใส่ซิมดีแทคแล้วยังใช้ได้อยู่"
"พอร์ตอินฟราเรดที่นอกจากจะใช้ส่งข้อมูลแล้ว ยังสามารถเล่นเกมงูกับมือถือโนเกียอีกเครื่องได้อีกด้วย
"เกมงูเวอร์ชั่น1.0 เก่าไปหน่อย เพราะใน 3310 เกมงูอัพเป็นเวอร์ชั่น 2.0 แล้ว
โนเกีย 8250 ได้สร้างตำนานบทใหม่แก่วงการมือถือในขณะนั้น ด้วยความที่รุ่นนี้มีจัดจำหน่ายเฉพาะในแถบเอเชียเท่านั้น ดีไซน์ขนาดกะทัดรัด จับถนัดมือ หน้ากากที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ปุ่มควบคุมที่ออกแบบคล้ายรูปผีเสื้อ ทำให้หลายคนเรียกติดปากว่ารุ่น “ผีเสื้อ” รวมไปถึงสีไฟหน้าจอและปุ่มกดที่เป็นสีฟ้าดูสะดุดตา ทำให้เกิดกระแสการเปลี่ยนสีไฟหน้าจอในมือถือหลายรุ่นให้กลายเป็นสีฟ้า ทำให้ร้านอุปกรณ์มือถือร่ำรวยกันเป็นแถว โดยโนเกีย 8250 วางขายในราคา 25,900 บาท ในระบบดิจิตอล จีเอสเอ็ม 2 วัตต์ และ ระบบดีแทค (อ้างอิงจากโบรชัวร์ดีแทค ราคานี้ไม่รวมค่าซิมการ์ด ค่าเปิดเบอร์และค่าประกันเลขหมาย 4,270 บาท) แต่ราคาของ 8250 ก็ถูกลงเรื่อยๆ จากการมาของเครือข่ายมือถือ Orange และมาหยุดที่ราคาหลัก 10,000 บาทในช่วงกลางปี 2545 ในยุคที่มือถือจอสีเริ่มมีกระแสในประเทศไทย
"ราคา Nokia 8250 ระบบดีแทคในช่วงเปิดตัว เดือนกุมภาพันธ์ 2544
"ราคา Nokia 8250 ช่วงปลายปี 2544 จาก GSM Advance"
"ราคา Nokia 8250 ช่วงท้ายตลาด ปี 2545"
แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 20 ปี โนเกีย 8250 ก็ยังสร้างความประทับใจอยู่ตลอด แม้ว่าโลกเราจะเข้าสู่ยุคของสมาร์ทโฟนแล้วก็ตาม ทุกวันนี้ก็ยังใช้งานได้ดีอยู่ แม้สัญญาณอาจจะมีหายบ้างในบางพื้นที่ (ก็มันจะเข้ายุค 5G แล้วนี่เนอะ) แต่อย่างน้อยก็เป็นความสุขทางใจที่ได้ใช้มือถือเครื่องนี้
ปามมี่ สาวเชียงใหม่
25 มิถุนายน 2564
เครดิตรูปภาพและข้อมูลจาก ryt9.com และกลุ่มบ้านคนรักโนเกีย
"ใครที่ยังไม่ได้อ่านครบรอบ 20 ปี Nokia 8210 เชิญที่ลิ้งค์ด้านล่าง"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/39963151
[ย้อนอดีต] ครบรอบ 20 ปี Nokia 8250 “Walk on the Blue Side”
ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2544 โนเกียได้นำมือถือรุ่น 8250 ภาคต่อของมือถือแฟชั่นโฟนมาจัดจำหน่ายในประเทศไทย เป็นมือถือเครื่องแรกที่มีไฟเรืองแสงสีฟ้าครามเข้มที่หน้าจอและบริเวณปุ่มกด ซึ่งสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี มาพร้อมฟังก์ชั่นแชท แต่งเสียงเรียกเข้าเพิ่มได้ถึง 6 เสียง รองรับการส่งข้อมูลผ่านพอร์ตอินฟราเรตที่ความเร็ว 14.4kbps โดยมีการจัดงานเปิดตัวแนวนิทรรศการแฟชั่น “Walk on the Blue Side with Nokia 8250, Walk into the Optical Labyrinth to Experience the Breakthrough Fashion Exhibition” ซึ่งโนเกียได้ร่วมสนับสนุนการพัฒนาแฟชั่นของดีไซเนอร์ไทยรุ่นใหม่เป็นครั้งแรก โดยได้นำงานดีไซน์ของนักออกแบบหน้าใหม่มาแสดงในงานเปิดตัวของโนเกีย 8250 ที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม รวมทั้งในงานฉลองการเปิดตัวที่อาคารอื้อจือเหลียง มีเซเลบริตี้ที่มีชื่อเสียงในวงการหลายคนเข้าร่วมในงานเปิดตัวครั้งนี้ด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้