ก่อนที่จะไปพูดถึงโนเกีย 8210 ใครที่ยังไม่ได้อ่านสกู๊ปครบรอบ 20 ปี 3310 เชิญเข้าไปอ่านได้จากกระทู้นี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/39944641
ในยุคที่มือถือส่วนใหญ่ยังมีดีไซน์ที่ดูใหญ่ หนาบึก หันไปทางไหนก็มีแต่คนมอง แม้ใกล้เข้าทศวรรษ 2000’s ดีไซน์ของมือถือก็ยังดูใหญ่และหนา ถึงแม้ขนาดเครื่องจะลดลงมาตามยุคสมัยแล้วก็ตาม มือถือที่เป็นกระแสในตอนนั้นคือมือถือขนาดเล็ก บาง เบา และดีไซน์ที่แตกต่างจากชาวบ้าน มือถือกลุ่มนี้มักใส่เทคโนโลยีที่เรียกว่าล้ำสมัยมาให้หลายอย่าง แต่ก็ต้องแลกกับราคาสูงลิบลิ่วชนิดที่น้อยคนจะได้สัมผัส ถ้าย้อนไปเมื่อปี 2541 โนเกียได้ออกมือถือรุ่น 8810 พรีเมียมโฟนฝาสไลด์ชุบโครเมียม เงาเลื่อมทั้งตัว เปิดมาราคามาเกือบแสนบาทพร้อมเปิดเบอร์กับจีเอสเอ็มสองวัตต์ ถึงรุ่นนี้จะซ่อนไม้เด็ดไว้มากมายเช่นเสาอากาศพร้อมระบบสั่นในตัวเครื่อง ตัวเครื่องที่เล็กกะทัดรัด กับบอดี้ที่แวววาวแสบตา แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถทำยอดขายได้ดีแม้จะมีการจัดแคมเปญแข่งเล่นเกมงูเพื่อกระตุ้นยอดขายและลดราคามาเรื่อยๆ ด้วยเหตุที่ก่อนหน้านี้ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤติต้มยำกุ้ง การจะถอยมือถือราคาแพงขนาดนี้อาจต้องคิดแล้วคิดอีก จนกระทั่งในช่วงปลายปี 2542 ที่โนเกียได้ออกมือถือรุ่น 8850 ฝาสไลด์สีเงินบอดี้ทำจากอะลูมิเนียมทั้งตัว แต่ราคาเปิดตัวก็ถือว่ายังแตะหลัก 6 หมื่นบาทรวมเปิดเบอร์และลดราคามาเรื่อยๆ ในปี 2543 ก็ยังไม่สามารถทำยอดขายได้ดีนักจนกระทั่งลดราคามาแตะหลัก 3 หมื่นบาทในปี 2544 ถึงจะขายออกได้บ้าง
"Nokia 8810 เปิดตัวในปี 2541"
แต่ก็ใช่ว่าโนเกียจะลดละความพยายาม ในเดือนตุลาคม 2542 โนเกียได้ออกมือถือรุ่น 8210 พร้อมกับงานเปิดตัวที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส กับนิยามของมือถือแนว “แฟชั่นโฟน” ในสไตล์โนเกีย หน้ากากและดีไซน์ตัวเครื่องได้เคนโซ (Kenzo) แบรนด์แฟชั่นสุดหรูจากฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบ หน้ากากด้านหน้าเปลี่ยนสีได้สารพัด ด้วยขนาดที่เล็ก และน้ำหนักที่เบาเพียง 79 กรัม แถมซ่อนฟีเจอร์เด็ดไว้มากมาย ทั้งการส่ง SMS เป็นรูปภาพ (Picture Message) พอร์ตอินฟราเรดที่สามารถใช้เป็นโมเด็มเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ได้ รวมไปถึงเกมงูสุดคลาสสิกก็มีมาให้ในรุ่นนี้
"ภาพโปรโมท Nokia 8210 ในช่วงจำหน่ายแรกๆ"
กลับมาที่ประเทศไทย ทางโนเกียประเทศไทยก็ได้ส่งรุ่นนี้เข้ามาขายในเดือนกุมภาพันธ์ 2543 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “พลังชีวิตไร้ขีดจำกัด” สไตล์เฉพาะตัวที่ผสานสีสัน ความกระตือรือร้นและความเป็นตัวของตัวเอง โดยเปิดตัวพร้อมกับเสื้อผ้า คอลเล็คชั่นฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงปี 2000 ชุดพิเศษจากคริสเตียนดิออร์ โดยราคาพร้อมเปิดเบอร์รายเดือนอยู่ที่ประมาณ 35,000 บาท และได้ลดราคามาเรื่อยๆ โดยสีที่บ้านเรานำเข้ามาจำหน่ายมีอยู่ด้วยกันสามสีคือสีน้ำเงิน สีแดง และสีขาวประกายมุก และมีหน้ากากสีเหลือง สีส้ม สีเขียว สีน้ำตาล และสีดำ วางจำหน่ายแยกต่างหาก
"Nokia 8210 ตัวที่ผู้เขียนได้มาเป็นเครื่องสีขาว"
ด้วยความที่โนเกียชูจุดขายรุ่นนี้ว่าเป็นมือถือแฟชั่น จึงได้นำไปใช้ในภาพยนตร์แอ็คชั่นเกิร์ลพาวเวอร์แห่งยุคอย่าง Charlie’s Angels โดยให้นักแสดงนำทั้งสามคนถือ 8210 กันคนละเครื่อง คนละสี โดย Cameron Diaz ถือเครื่องสีขาว Drew Barrymore ถือเครื่องสีแดง และ Lucy Liu ถือเครื่องสีดำ สร้างกระแสความนิยมในกลุ่มหนุ่มสาววัยทำงานได้เป็นอย่างดี โดยโนเกีย 8210 ได้รับความนิยมต่อเนื่อง มีการวางจำหน่ายถึงช่วงสิ้นปี 2544 ก่อนจะส่งไม้ต่อให้โนเกีย 8310 รับหน้าที่สานต่อตำแหน่งแฟชั่นโฟนจากโนเกียในลำดับต่อไป
"โฆษณา Nokia 8210 ในช่วงที่หนัง Charlie's Angels เพิ่งเข้าโรงในต่างประเทศ"
ผ่านมาแล้วยี่สิบปีกับโนเกีย 8210 สำหรับตัวผู้เขียนแล้วอาจจะไม่ได้สัมผัส ไม่ได้ใช้จริงจังเหมือนรุ่นอื่น แต่หลังจากได้หยิบมาใช้งานจริงก็ต้องบอกว่าดีไซน์สวยทีเดียว อาจจะไม่ได้ดูหรูหราหมาเห่าแบบ 8850 หรือสวยเตะตาแบบ 8250 ที่เคยใช้จริงอยู่ช่วงนึง แต่ก็ยังมีความเท่ในแบบฉบับของตัวเอง ส่วนตัวชอบสีแดง มันดูเข้ากันดีกับไฟหน้าจอสีเขียว แต่เท่าที่จำได้ในยุคนั้น คนจะใช้สีน้ำเงินกับสีแดงกันเยอะ ด้วยความที่โนเกียรุ่นนี้ออกแบบมาเป็นสไตล์ของ Unisex คือผู้ชายถือก็ดูเท่ หล่อ ผู้หญิงถือก็ดูโฉบเฉี่ยว เก๋ไก๋ ซึ่งก็ตรงกับคอนเซ็ปต์ “พลังชีวิตไร้ขีดจำกัด” ที่โนเกียตั้งไว้ ใครที่เคยถือ เคยใช้ในยุคนั้นจะรู้ดีว่ามันเคยเท่ขนาดไหน ถ้าเอามาถือในยุคนี้ มันก็ยังดูเท่ดีนะ ถึงจะเชยไปหน่อยก็เถอะ
.
ปามมี่ สาวเชียงใหม่
.
7 มิถุนายน 2563
ขอบคุณข้อมูลจาก ryt9.com, wikipedia และ m2.com นะคะ
[Scoop] [20th Anniversary] Nokia 8210 พลังชีวิตไร้ขีดจำกัด กับแฟชั่นโฟนรุ่นแรกจากโนเกีย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในยุคที่มือถือส่วนใหญ่ยังมีดีไซน์ที่ดูใหญ่ หนาบึก หันไปทางไหนก็มีแต่คนมอง แม้ใกล้เข้าทศวรรษ 2000’s ดีไซน์ของมือถือก็ยังดูใหญ่และหนา ถึงแม้ขนาดเครื่องจะลดลงมาตามยุคสมัยแล้วก็ตาม มือถือที่เป็นกระแสในตอนนั้นคือมือถือขนาดเล็ก บาง เบา และดีไซน์ที่แตกต่างจากชาวบ้าน มือถือกลุ่มนี้มักใส่เทคโนโลยีที่เรียกว่าล้ำสมัยมาให้หลายอย่าง แต่ก็ต้องแลกกับราคาสูงลิบลิ่วชนิดที่น้อยคนจะได้สัมผัส ถ้าย้อนไปเมื่อปี 2541 โนเกียได้ออกมือถือรุ่น 8810 พรีเมียมโฟนฝาสไลด์ชุบโครเมียม เงาเลื่อมทั้งตัว เปิดมาราคามาเกือบแสนบาทพร้อมเปิดเบอร์กับจีเอสเอ็มสองวัตต์ ถึงรุ่นนี้จะซ่อนไม้เด็ดไว้มากมายเช่นเสาอากาศพร้อมระบบสั่นในตัวเครื่อง ตัวเครื่องที่เล็กกะทัดรัด กับบอดี้ที่แวววาวแสบตา แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถทำยอดขายได้ดีแม้จะมีการจัดแคมเปญแข่งเล่นเกมงูเพื่อกระตุ้นยอดขายและลดราคามาเรื่อยๆ ด้วยเหตุที่ก่อนหน้านี้ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤติต้มยำกุ้ง การจะถอยมือถือราคาแพงขนาดนี้อาจต้องคิดแล้วคิดอีก จนกระทั่งในช่วงปลายปี 2542 ที่โนเกียได้ออกมือถือรุ่น 8850 ฝาสไลด์สีเงินบอดี้ทำจากอะลูมิเนียมทั้งตัว แต่ราคาเปิดตัวก็ถือว่ายังแตะหลัก 6 หมื่นบาทรวมเปิดเบอร์และลดราคามาเรื่อยๆ ในปี 2543 ก็ยังไม่สามารถทำยอดขายได้ดีนักจนกระทั่งลดราคามาแตะหลัก 3 หมื่นบาทในปี 2544 ถึงจะขายออกได้บ้าง
.
ปามมี่ สาวเชียงใหม่
.
7 มิถุนายน 2563