สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านย้อนอดีตวันวาน กลับไปช่วงประมาณปี 1999 ช่วงนั้นท่านสมาชิกทำอะไรกันอยู่นะ ถ้าคุณเป็นวัยรุ่นช่วงนั้น ผมคิดว่าต้องรู้จักมือถือโนเกียเป็นอย่างดี และรุ่นแรกๆที่ฮิตมากๆ ก็คือเจ้าโนเกีย 8210 นี่แหละ ตอนนั้นสาวๆจะชอบใช้กันมาก เป็นรุ่นขวัญใจสาวๆเลยล่ะ และรุ่นนี้ยังได้เป็นมือถือคู่ใจของเหล่าสาวๆในหนังเรื่องชาลีแองเจิ้ลอีกด้วย ทำให้ยิ่งฮิตกันเข้าไปใหญ่ ด้วยขนาดตัวเครื่องที่เล็ก บาง เบา และสีสันของหน้ากากที่สามารถเปลี่ยนได้ โดยเฉพาะสีแดงกับสีขาว เดินไปทางไหนก็จะเจอกับ 8210 ของสาวๆสีแดงสีขาวเต็มไปหมด ทำไงได้ล่ะ ก็เครื่องมันเหมาะกับมือเล็กเรียวของสาวๆมากๆ แต่ผู้ชายก็ใช้ได้นะ อิอิ
แม้ตัวเครื่องเล็กนิดเดียว แต่กล่องใหญ่ !!!
สมัยก่อนกล่องของมือถือแต่ละยี่ห้อทำออกมาได้สวยงามอลังการมาก และแต่ละรุ่นก็จะมีการดีไซน์กล่องที่แตกต่างกันไป เครื่องจากศูนย์ไทยสมัยก่อนจะมีการติดสติ๊กเกอร์โชว์อวดสรรพคุณเยอะแยะมากมาย
ดูภายนอกกันมาแล้ว มาแกะกล่องกันเลยดีกว่า ลองมาดูมือถือเมื่อ 21 ปีที่แล้ว ภายในกล่องจะมีอะไรให้มาบ้างนะ
ชั้นนอกถูกหุ้มด้วยพลาสติกแข็ง จะเลื่อนขึ้นหรือเลื่อนลงก็ได้นะ แล้วแต่ความถนัด อิอิ
ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าของอยู่ครบ !!!
ภายในกล่องถาดชั้นแรกก็จะมีตัวเครื่องโนเกีย 8210 ถาดชั้นที่สองก็จะมีวอลชาร์จ คู่มือ ส่วนหน้ากากอีกชั้นนึงผมจำไม่ได้ว่ามีแถมหรือซื้อมาใส่เอง จริงๆแล้วมีแบตเตอรี่ด้วยนะ แต่ผ่านมา 21 ปีแล้ว แบตเสื่อมไปหมดแล้วล่ะครับ
ข้างกล่องระบุชื่อรุ่นและหมายเลขอีมี่เหมือนรุ่นใหม่ๆ ขนาดตัวเครื่อง : 44.5 × 101.5 × 17 มม. และน้ำหนักเมื่อใส่แบตแล้วหนักเพียง 79 กรัม เป็นอะไรที่ถูกในสาวๆมาก มือถือสมัยก่อนยิ่งเล็ก ยิ่งบาง ยิ่งจ๊าบ ตรงข้ามกับสมัยนี้เลยครับ อิอิ
ลองใส่ซิมดีแทค สัญญาณ 2 จีก็ยังมีอยู่นะครับ ยังใช้โทรได้ กดส่วนลดต่างๆได้ สัญญาณไม่ได้ดับสูญหายไปไหน แต่จะอยู่ได้นานต่อไปอีกเท่าไหร่ ตอนนี้ยังไม่รู้ครับ ถึงตอนนั้นเจ้าโนเกีย 8210 ก็คงต้องนอนกล่องยาวเป็นของสะสมไป
ลองเอามาวางบนฝ่ามือผู้ชายวัยรุ่นตอนปลายอย่างผม จะเห็นว่าเจ้าโนเกีย 8210 เล็กมากๆ อาจจะกดปุ่มไม่ค่อยถนัดนัก บางทีวางสมาร์ทโฟนที่ใช้ แล้วเปลี่ยนไปจับโนเกีย 8210 โอ้ว...มันช่างเบาหวิวเสียเหลือเกิน แทบไม่รู้สึกถึงน้ำหนัก ถือคุยนานๆไม่มีอาการเมื่อยแขนเลย หรือเราอาจเคยชินกับสมาร์ทโฟนที่หนักกว่าไปแล้วก็เป็นได้
มีคู่มือการใช้งานมาให้อ่านด้วย บอกการใช้งานละเอียดยิบ มีเป็นภาษาไทยกับอังกฤษ เล่มใหญ่หนาทีเดียว เคยแต่อ่านผ่านๆ ไม่เคยอ่านจบสักที
ด้านหลังเรียบมากจริงๆ ไม่มีลวดลายอะไร มีเพียงโลโก้ Nokia บอกยี่ห้อแค่นั้น ด้านบนฝังเสาอากาศไว้ในตัวเครื่อง ไม่มีเสายื่นออกมาให้เกะกะกวนใจ
ด้านข้างมีเพียงปุ่มสำหรับปรับระดับเสียงสนทนา และพอร์ตอินฟราเรด สมัยนั้นรุ่นแพงๆจะมี ส่วนใหญ่จะเอาไว้ใช้เชื่อมต่อโปรแกรมสำหรับอัพริงโทน ภาพพักหน้าจอ ข้อความรูปภาพต่างๆ ต้องมีอุปกรณ์เชื่อมต่อ ค่อนข้างยุ่งยาก ส่วนใหญ่ให้ร้านมือถือทำ ค่าทำแพงเหมือนกันนะ ช่างมือถือในยุคที่โนเกียรุ่งเรือง รวยไปกันหลายรายละ ขนาดแค่เปลี่ยนหลอดไฟสีๆ ถ้ารู้ต้นทุนแล้วจะหนาว 555
ด้านท้ายก็มีแค่รูให้เสียบสายชาร์จกับหูฟัง Small talk ขีดทองแดง 2 แถบนั้น เอาไว้สำหรับตั้งชาร์จไฟที่แท่นชาร์จครับ
ด้านข้างอีกข้างหนึ่ง ไม่มีปุ่มอะไรเลย เรียบสุดๆ
มือถือโนเกียขึ้นชื่อเรื่องสัญญาณบางทีอยู่ในตึกที่อับสัญญาณ แบรนด์อื่นเดี้ยงหมด ยกเว้นโนเกียเครื่องเดียว แม้ว่าจะใช้เครือข่ายเดียวกันก็ตาม !!!
ด้านบนมีเพียงปุ่มเปิดปิดเครื่อง ขนาดปุ่มยังดีไซน์ได้เข้ากับลายเส้นของหน้ากากจริงๆ
เรื่องแบตก็เสื่อมตามกาลเวลา ใครคิดว่าใช้แบตก้อนเดิมอยู่คงต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ 555
ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ขนาดผ่านมา 20 กว่าปี ยังมีแบตขาย หาง่ายตามร้านขายของออนไลน์ทั่วไป บางทีหาง่ายกว่าแบตของสมาร์ทโฟนบางรุ่นซะอีก ปกติถ้าแบตยังไม่เสื่อม ใช้งานคุยปกติ เล่นเกมบ้างก็จะอยู่ได้ 2 วันสบายๆครับ
วัยรุ่นสมัยนั้นคุ้นเคยกับปุ่มเหล่านี้กันทุกคน เพราะว่ากว่าจะกดส่งข้อความได้แต่ละข้อความ ต้องใช้ความพยายามกันหน่อย วัยรุ่นสมัยนี้คงไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ อิอิ
การส่งข้อความรูปภาพ มีมาตั้งแต่สมัยก่อนมือถือจอสีซะอีก อิอิ แค่นี้ก็ตื่นตาตื่นใจ ไฮเทคสุดๆแล้วในยุคนั้น
สุดท้ายแล้ว วัยรุ่นสมัยนี้คงจะงงว่านี่มันคือรูปอะไร แต่ถ้าวัยรุ่นยุคนั้นทุกคนรู้แน่นอนว่ามันคือเกมงูในตำนาน ว่าแล้วก็ต้องขอตัวไปเล่นเกมงูก่อนนะครับ หวังว่าจะทำให้วัยรุ่นยุค 90 ตอนปลาย ได้นึกถึงความหลัง กระชุ่มกระชวยขึ้นมาได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ อิอิ
สมาชิกท่านใดมีประสบการณ์ หรือชอบรุ่นไหนก็มาแชร์กันได้นะครับ เป็นความจริงที่ว่า คนแก่ชอบเล่าเรื่องความหลัง 555
มีวิดีโอด้วย ดูเล่นเพลินๆครับ
[SR] แกะกล่อง Nokia 8210 รุ่นใหม่ล่าสุด แต่เมื่อ 21 ปีที่แล้วนะ
แม้ตัวเครื่องเล็กนิดเดียว แต่กล่องใหญ่ !!!
สมัยก่อนกล่องของมือถือแต่ละยี่ห้อทำออกมาได้สวยงามอลังการมาก และแต่ละรุ่นก็จะมีการดีไซน์กล่องที่แตกต่างกันไป เครื่องจากศูนย์ไทยสมัยก่อนจะมีการติดสติ๊กเกอร์โชว์อวดสรรพคุณเยอะแยะมากมาย
ดูภายนอกกันมาแล้ว มาแกะกล่องกันเลยดีกว่า ลองมาดูมือถือเมื่อ 21 ปีที่แล้ว ภายในกล่องจะมีอะไรให้มาบ้างนะ
ชั้นนอกถูกหุ้มด้วยพลาสติกแข็ง จะเลื่อนขึ้นหรือเลื่อนลงก็ได้นะ แล้วแต่ความถนัด อิอิ
ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าของอยู่ครบ !!!
ภายในกล่องถาดชั้นแรกก็จะมีตัวเครื่องโนเกีย 8210 ถาดชั้นที่สองก็จะมีวอลชาร์จ คู่มือ ส่วนหน้ากากอีกชั้นนึงผมจำไม่ได้ว่ามีแถมหรือซื้อมาใส่เอง จริงๆแล้วมีแบตเตอรี่ด้วยนะ แต่ผ่านมา 21 ปีแล้ว แบตเสื่อมไปหมดแล้วล่ะครับ
ข้างกล่องระบุชื่อรุ่นและหมายเลขอีมี่เหมือนรุ่นใหม่ๆ ขนาดตัวเครื่อง : 44.5 × 101.5 × 17 มม. และน้ำหนักเมื่อใส่แบตแล้วหนักเพียง 79 กรัม เป็นอะไรที่ถูกในสาวๆมาก มือถือสมัยก่อนยิ่งเล็ก ยิ่งบาง ยิ่งจ๊าบ ตรงข้ามกับสมัยนี้เลยครับ อิอิ
ลองใส่ซิมดีแทค สัญญาณ 2 จีก็ยังมีอยู่นะครับ ยังใช้โทรได้ กดส่วนลดต่างๆได้ สัญญาณไม่ได้ดับสูญหายไปไหน แต่จะอยู่ได้นานต่อไปอีกเท่าไหร่ ตอนนี้ยังไม่รู้ครับ ถึงตอนนั้นเจ้าโนเกีย 8210 ก็คงต้องนอนกล่องยาวเป็นของสะสมไป
ลองเอามาวางบนฝ่ามือผู้ชายวัยรุ่นตอนปลายอย่างผม จะเห็นว่าเจ้าโนเกีย 8210 เล็กมากๆ อาจจะกดปุ่มไม่ค่อยถนัดนัก บางทีวางสมาร์ทโฟนที่ใช้ แล้วเปลี่ยนไปจับโนเกีย 8210 โอ้ว...มันช่างเบาหวิวเสียเหลือเกิน แทบไม่รู้สึกถึงน้ำหนัก ถือคุยนานๆไม่มีอาการเมื่อยแขนเลย หรือเราอาจเคยชินกับสมาร์ทโฟนที่หนักกว่าไปแล้วก็เป็นได้
มีคู่มือการใช้งานมาให้อ่านด้วย บอกการใช้งานละเอียดยิบ มีเป็นภาษาไทยกับอังกฤษ เล่มใหญ่หนาทีเดียว เคยแต่อ่านผ่านๆ ไม่เคยอ่านจบสักที
ด้านหลังเรียบมากจริงๆ ไม่มีลวดลายอะไร มีเพียงโลโก้ Nokia บอกยี่ห้อแค่นั้น ด้านบนฝังเสาอากาศไว้ในตัวเครื่อง ไม่มีเสายื่นออกมาให้เกะกะกวนใจ
ด้านข้างมีเพียงปุ่มสำหรับปรับระดับเสียงสนทนา และพอร์ตอินฟราเรด สมัยนั้นรุ่นแพงๆจะมี ส่วนใหญ่จะเอาไว้ใช้เชื่อมต่อโปรแกรมสำหรับอัพริงโทน ภาพพักหน้าจอ ข้อความรูปภาพต่างๆ ต้องมีอุปกรณ์เชื่อมต่อ ค่อนข้างยุ่งยาก ส่วนใหญ่ให้ร้านมือถือทำ ค่าทำแพงเหมือนกันนะ ช่างมือถือในยุคที่โนเกียรุ่งเรือง รวยไปกันหลายรายละ ขนาดแค่เปลี่ยนหลอดไฟสีๆ ถ้ารู้ต้นทุนแล้วจะหนาว 555
ด้านท้ายก็มีแค่รูให้เสียบสายชาร์จกับหูฟัง Small talk ขีดทองแดง 2 แถบนั้น เอาไว้สำหรับตั้งชาร์จไฟที่แท่นชาร์จครับ
ด้านข้างอีกข้างหนึ่ง ไม่มีปุ่มอะไรเลย เรียบสุดๆ
มือถือโนเกียขึ้นชื่อเรื่องสัญญาณบางทีอยู่ในตึกที่อับสัญญาณ แบรนด์อื่นเดี้ยงหมด ยกเว้นโนเกียเครื่องเดียว แม้ว่าจะใช้เครือข่ายเดียวกันก็ตาม !!!
ด้านบนมีเพียงปุ่มเปิดปิดเครื่อง ขนาดปุ่มยังดีไซน์ได้เข้ากับลายเส้นของหน้ากากจริงๆ
เรื่องแบตก็เสื่อมตามกาลเวลา ใครคิดว่าใช้แบตก้อนเดิมอยู่คงต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ 555
ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ขนาดผ่านมา 20 กว่าปี ยังมีแบตขาย หาง่ายตามร้านขายของออนไลน์ทั่วไป บางทีหาง่ายกว่าแบตของสมาร์ทโฟนบางรุ่นซะอีก ปกติถ้าแบตยังไม่เสื่อม ใช้งานคุยปกติ เล่นเกมบ้างก็จะอยู่ได้ 2 วันสบายๆครับ
วัยรุ่นสมัยนั้นคุ้นเคยกับปุ่มเหล่านี้กันทุกคน เพราะว่ากว่าจะกดส่งข้อความได้แต่ละข้อความ ต้องใช้ความพยายามกันหน่อย วัยรุ่นสมัยนี้คงไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ อิอิ
การส่งข้อความรูปภาพ มีมาตั้งแต่สมัยก่อนมือถือจอสีซะอีก อิอิ แค่นี้ก็ตื่นตาตื่นใจ ไฮเทคสุดๆแล้วในยุคนั้น
สุดท้ายแล้ว วัยรุ่นสมัยนี้คงจะงงว่านี่มันคือรูปอะไร แต่ถ้าวัยรุ่นยุคนั้นทุกคนรู้แน่นอนว่ามันคือเกมงูในตำนาน ว่าแล้วก็ต้องขอตัวไปเล่นเกมงูก่อนนะครับ หวังว่าจะทำให้วัยรุ่นยุค 90 ตอนปลาย ได้นึกถึงความหลัง กระชุ่มกระชวยขึ้นมาได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ อิอิ
สมาชิกท่านใดมีประสบการณ์ หรือชอบรุ่นไหนก็มาแชร์กันได้นะครับ เป็นความจริงที่ว่า คนแก่ชอบเล่าเรื่องความหลัง 555
มีวิดีโอด้วย ดูเล่นเพลินๆครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้