⚛⚛มาลาริน/น่าตำหนินะคะ ฝ่ายแค้นอ่อนจังค่ะ พูดแต่ว่ากู้ 1.9 ล้านล้าน กู้คราวนี้ปชช.มีส่วนได้ใช้เงินแต่หนี้จำนำข้าวไม่เลย

"รมต.-ส.ส."ใส่แมสก์ ร่วมถกพ.ร.ก.กู้เงินวันแรกคึกคัก



วันที่ 27 พ.ค.2563 ที่รัฐสภา บรรยากาศก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณาการพิจารณา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 พ.ศ. 2563 วันแรกเป็นไปอย่างคึกคัก โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามีรัฐมนตรี และส.ส.ทยอยเดินทางเข้ามาร่วมประชุม โดยทุกคนจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า และเดินผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิเทอร์โมสแกน พร้อมทั้งมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้เป็นจุดๆบริการให้กับทุกคนด้วย โดยเป็นไปตามมาตรการคัดกรองของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
 
นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2  กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมจะเสนอให้สภาตั้งคณะกรรมาวิสามัญเพื่อตรวจสอบและติดตามการใช้เงินตาม พ.ร.ก.ดังกล่าวว่าต้องรอดูแนวทางจากที่ประชุม แต่การดำเนินงานปกติของสภามีกลไกที่ตรวจสอบได้อยู่แล้ว ขณะเดียวกันสภาผู้แทนราษฎรมีคณะกรรมาธิการสามัญ และคณะอนุกรรมาธิการจำนวนหลายคณะที่สามารถตรวจสอบติดตามการใช้เงินตาม พ.ร.ก.และการดำเนินงานของรัฐบาลได้ อย่างไรก็ตาม หากสมาชิกสภาติดใจ สามารถเสนอตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาทำหน้าที่ได้

ฝ่ายค้านจัด 78 ขุนพลอภิปราย "มิ่งขวัญ" ร่วมชำแหละด้วย
อย่างไรก็ตามมีการประชุมคณะกรรมการประสานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ก่อนเปิดประชุมสภาฯ โดยมีตัวแทนวิปจากทุกพรรคเข้าร่วมประชุมหารือ โดยนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตนได้หารือกับประธานสภาฯ เนื่องจากกังวลว่าการประชุมในวันถัดไปที่จะเริ่มในเวลา 09.30 น. จะบริหารจัดการไม่ได้ เพราะองค์ประชุมจะมีปัญหา ดังนั้นประธานสภาฯ จึงเสนอว่าให้ใช้วิธีการเลื่อนการประชุม ซึ่งจะไม่ต่างจากการพักการประชุม เพื่อให้การประชุมในวันถัดไปเริ่มประชุมได้ทันที ซึ่งตนก็เห็นด้วย ดังนั้นหากมีการถามความเห็นในที่ประชุมสมาชิกเราควรสนับสนุนกรณีดังกล่าวนี้ด้วย และสำหรับคนที่ประสงค์จะอภิปราย 2-3 รอบ โดยเสนอว่าจะจัดสรรเวลาให้ลงตัวนั้น ไม่สามารถปฎิบัติได้ เพราะประธานสภาฯ ระบุว่าถ้าให้คนหนึ่งคนอื่นๆ จะต้องทำด้วย เพราะมีผู้ประสงค์จะขึ้นหลายรอบมีจำนวนมาก

นายสุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับสัดส่วนผู้อภิปรายของแต่ละพรรค คือ พรรคพท. 54 คน พรรคก้าวไกล (ก.ก.) 14 คน พรรคเสรีรวมไทย 4 คน พรรคประชาชาติ (ปช.) 3 คน พรรคเพื่อชาติ (พช.) 1 คน พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน นอกจากนี้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ (ศม.) มีความประสงค์ที่จะร่วมอภิปรายกับเรา โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งจะแบ่งเวลาจากโควตาของพรรคเพื่อไทย รวม 78 คน โดยการบริหารลำดับคิวจะหารือร่วมกันเป็นวันๆ ไป เพราะต้องเป็นไปตามสถานการณ์ เนื้อหา และน้ำหนักที่เราอยากจะให้

เบื้องต้นวางลำดับคร่าวๆ ก่อน ซึ่งเซ็นเตอร์ในการจัดลำดับ คือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย น.ส. มนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย และนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก.ก. โดยลำดับการอภิปรายในวันแรก จะเริ่มด้วยภาพรวมของพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท โดยวางผู้อภิปรายไว้ทั้งหมด 10 คน ประกอบด้วย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน จะเป็นคนแรกในการอภิปราย ตามด้วย น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคพท. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก.ก.นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคพช. นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย จากนั้นจะเป็นจากพรรคพท. พรรคก.ก. และพรรคพท.อีกครั้ง โดยเน้นย้ำให้ผู้อภิปรายทุกคนรักษาระยะเวลาในการอภิปรายให้ขาดดีกว่าเกิน และสิ่งที่กังวลคือการอภิปรายซ้ำประเด็น โดยเฉพาะพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ฉะนั้นเราจะบริหารอย่างไร เพื่อให้เกิดคุณภาพ ดังนั้นขอให้ทุกพรรคย้ำกับผู้อธิปรายให้ตัดหรือยืดหยุ่น พลิกแพลงเนื้อหาการพูด ไม่ให้เกิดการฉายหนังซ้ำเก่า เพราะจะทำให้เกิดการประท้วงและเป็นเหตุให้ขาดสาระ นอกจากนี้ขอให้แต่ละพรรคส่งตัวแทน มาเป็นกลุ่มพิทักกฎสภาฯ อย่างน้อยขอให้มี 5 คนก่อน อาทิ นายคารม พลพรกลาง ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก.ก. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. นครราชสีมา พรรคพท.
 
"สุภรณ์"จัดทีมวอร์รูมนอกสภาฯเกาะติด พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้าน

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.4 ฉบับ ในระหว่างวันที่ 27-31 พ.ค. 63 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมไปชี้แจงรายละเอียดต่อสภาฯ ร่วมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง พล.อ.ประยุทธ์ มั่นใจสามารถชี้แจงในรายละเอียดได้ทุกประเด็นเพราะทุกเรื่องมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
          
"ผมได้มีการเตรียมทีมวอร์รูมนอกสภาเหมือนเดิม โดยได้มีการพูดคุยกับทีมงานอดีตนักการเมืองที่มีประสบการณ์ ที่เชิญมาช่วยงานรัฐบาลและช่วยงานผม ให้ช่วยกันติดตามการอภิปราย พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้าน และพ.ร.ก.อีก 3 ฉบับในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด และช่วยกันจับประเด็นการอภิปรายของฝ่ายค้านว่าอภิปรายนอกประเด็นหรือไม่ ขอเตือนถึงบรรดาพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ขอให้อภิปรายอยู่ในข้อบังคับการประชุม อย่าได้ใช้วาทะกรรมใช้ลีลาฝีปากที่ไม่สร้างสรรค์ สร้างเรื่อง กล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีอันเป็นเท็จ ต่อรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีเด็ดขาด ทีมวอร์รูมนอกสภาเราจะเฝ้าติดตามฝ่ายค้านทุกคน ขอให้อภิปรายอยู้ในกรอบเนื้อหา พ.ร.ก.ทั้ง 4 ฉบับเท่านั้น
          
อย่าได้ใช้วิชามารเอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวเนื้อหา พ.ร.ก.ทั้ง 4 ฉบับ มาโจมตีรัฐบาล อย่าได้ขุดคุ้ยการบริหารงานในยุครัฐบาล คสช. ขึ้นมาใส่ร้ายป้ายสีอีก มันไร้สาระ ทำให้เสียเวลาการประชุม ประชาชนที่ติดตามรับฟังทางบ้าน จะเบื่อหน่ายรำคาญ ยิ่งมีปากมีเสียงปะทะคารมกันและมีประท้วงบ่อยๆ ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ ส.ส.ในสายตาประชาชนเสียหายมากขึ้น"นายสุภรณ์ กล่าว
          
"ทีมวอร์รูมนอกสภาจะเฝ้าจับตาการประชุมอย่างใกล้ชิด ถ้ามีการอภิปรายนอกประเด็น ใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาลและท่านนายกฯ ผมและคณะพร้อมตอบโต้นอกสภาทันที ขอเตือนส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านช่วยอภิปรายอยู่ในเนื้อหาสาระและอยู่ในข้อบังคับการประชุมอย่างเคร่งครัดจะดีที่สุดเพื่อให้การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพราะนี่เป็นการพิจารณา พ.ร.ก.ไม่ใช่ญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ขอให้พรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าใจให้ตรงประเด็นด้วยนะครับ"นายสุภรณ์ กล่าว

https://www.banmuang.co.th/news/politic/193801

"บิ๊กตู่" เสนอพ.ร.ก.กู้เงินกู้ภัยโควิด 3 ฉบับ ต่อที่ประชุมสภาฯ พิจารณาเห็นชอบ



วันที่ 27 พ.ค.2563 ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เสนอ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 พ.ศ. 2563  ทั้ง 3 ฉบับ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีรัฐมนตรี และส.ส.ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง  โดยทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า และเดินผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิเทอร์โมสแกน พร้อมทั้งมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้เป็นจุดๆบริการให้กับทุกคนด้วย โดยเป็นไปตามมาตรการคัดกรองของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

https://www.banmuang.co.th/news/politic/193819

เรื่องกู้เงินของรัฐบาล...ดิฉันว่าฝ่ายแค้นใจแคบมากค่ะ

เอาแต่ว่ากู้แล้วจะเป็นหนี้สิน ให้ประชาชนต้องใช้หนี้

แต่ดิฉันว่าหนี้กู้เงินครั้งนี้ประชาชนมีส่วนได้ใช้เงินทุกๆคน

เช่น  เอาไปเยียวยาเป็นเงินสดๆ ให้ถึงมือประชาชนใช้จ่ายหลายกลุ่ม หลายอาชีพ

เอาไปสนับสนุนสถานพยาบาลทั่วประเทศ   ดูแลแพทย์ พยาบาลเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ทุกๆคน

เอาไปดูแลเรื่องเศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจขนาดเล็ก ช่วยให้มีทุนทำธุรกิจ  ประชาชนก็ได้รับในรูปของการจ้างแรงงาน การลงทุน  

เอาไปดูแลภัยแล้งในประเทศเพื่อหาน้ำให้เกษตรกรได้ใช้ทำนา ทำไร่ทำสวน ทำประมง  ถึงมือประชาชนอีกแล้วค่ะ

ฯลฯ

แต่....จำนำข้าว  เอาไปให้ชาวนาเพียงเล็กน้อย แค่ชาวนาเท่านั้น คนอื่นไม่ได้ด้วย  แต่คนไทยมีหนี้ที่ต้องใช้ร่วมด้วยทุกคน

ฝ่ายแค้นเอาแค่บูลลี่รัฐบาลเรื่องกู้ครั้งนี้ ดิฉันว่าไม่เป็นธรรมเลยนะคะ

อีกอย่างก็พูดแต่ว่ากู้เงิน 1.9 ล้านล้าน แทนที่จะเป็น 1 ล้านล้าน

พูดแต่การเมืองน้ำเน่า แทนที่จะพูดถึงวิธีใช้งบเงินกู้อย่างไร จะมีอะไรเสนอแนะบ้าง  มีอะไรน่าสงสัยจะสอบถาม  หรือสอบถามรายละเอียดต่างๆแทนการพูดเหน็บแนม

ดิฉันว่า...ฝ่ายแค้นยังคงเล่นการเมืองน่าเบื่อค่ะ 

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ผู้ว่าแบงก์ชาติแจงสภาเข้าใจผิด 9 แสนล้านไม่ได้กู้ ไม่เป็นภาระให้ลูกหลาน

27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16:40 น. 



27 พ.ค. 2563 นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารเห่งประเทศไทย (ธปท.) โพสต์ในเฟสบุ๊กส่วนตัว ว่า ได้ยินหลายท่านอภิปรายในสภาว่า รัฐบาลเสนอ พรก.กู้เงิน 3 ฉบับ รวม 1.9 ล้านล้านบาท ขอเรียนยืนยันอีกครั้งว่า พรก. ที่ ธปท. เสนอ “ไม่” ควรเรียกว่าเป็น พรก. กู้เงิน เพราะหัวใจของ พรก. ทั้งสองฉบับคือการให้อำนาจ ธปท. เข้าไปบริหารจัดการสภาพคล่องได้ตรงจุด

เมื่อครบเวลาสองปี เงินที่ ธปท. ปล่อย soft loans ผ่านสถาบันการเงินไปให้ SMEs สถาบันการเงินก็ต้องเอากลับมาคืน ธปท. ส่วนเงินที่ ธปท. จะลงทุน ผ่านกองทุน BSF เป็นการให้ bridge financing ชั่วคราว เมื่อครบกำหนดก็เอาเงินกลับมาคืน ธปท. (ธปท. ถึงต้องเน้นเรื่องคุณภาพของตราสารที่กองทุน BSF เข้าไปลงทุน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย)

ทั้งกลไกของ soft loans และกองทุน BSF ไม่ใช่การกู้เงิน 900,000 ล้านบาทมาใช้จ่าย หรืออีกนัยหนึ่ง ไม่ได้สร้างภาระการคลัง 900,000 ล้านบาท หรือไม่ได้สร้างภาระภาษี 900,000 ล้านบาทให้ลูกหลานเหมือนกับที่หลายท่านกังวล

ทั้งสองกลไกอาจจะสร้างภาระการคลังในอนาคตได้บ้าง ถ้าสินเชื่อ soft loans ที่ปล่อยให้ SMEs จำนวนมากเกิดกลายเป็นหนี้เสีย หรือตราสารหนี้ที่กองทุน BSF เข้าไปลงทุนไม่ได้รับชำระหนี้คืน ซึ่งตาม พรก. แล้วรัฐบาลจะชดเชยความเสียหายให้เพียงบางส่วนเท่านั้น

ธปท. ตระหนักดีว่าทั้งสองกลไกที่ ธปท. เสนอไม่พึงสร้างภาระการคลังให้กับคนไทยในอนาคต จึงต้องมีเงื่อนไขด้านคุณภาพอย่างรัดกุมทั้งการปล่อยสินเชื่อผ่าน soft loans และการลงทุนผ่านกองทุน BSF”



https://www.thaipost.net/main/detail/67099
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่