ชะตารักเหนือกาล : A Timeless Love. #6#

บทนำ  https://ppantip.com/topic/39789680
บทที่1 https://ppantip.com/topic/39803591
บทที่2 https://ppantip.com/topic/39812186
บทที่3 https://ppantip.com/topic/39828482
บทที่4 https://ppantip.com/topic/39843959
บทที่5 https://ppantip.com/topic/39874942

เช้าวันต่อมา..
ญารินรู้สึกว่าอาการครั่นเนื้อครั่นตัว และอาการปวดหัวค่อยทุเลาลงกว่าเมื่อวาน เธอถึงสำนึกได้ว่า สิ่งที่ถูกบังคับให้ดื่มเข้าไปเมื่อวานนั้น คือยาแก้ไข้ และเริ่มสำนึกผิดที่ทำให้หญิงรับใช้คนนั้นต้องมาลำบากกับเธอ

“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ” 

หญิงสาวบ่นอุบอิบ แต่ยามเมื่อนึกถึงผู้ที่ทำให้เธอดื่มยาเข้าไปได้..ใบหน้า พลัน ร้อนวูบวาบ ไม่รู้จะโกรธ หรือ ขอบคุณเขาดี สองมือยกขึ้นโอบสองข้างแก้มที่ยังร้อนผ่าว..

“ก็พูดกันไม่รู้เรื่องนี่เนอะ..แบบนี้..ฉันก็ต้องขอบคุณ คุณสินะ”

เธอใคร่ครวญเหตุผล แล้วสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อหญิงรับใช้คนเดิมเปิดประตูเข้ามา พร้อมถือถาดอาหารมาด้วย และข้างๆก็เป็นถ้วยยาสีคล้ำเช่นเดิม
(อาหารเช้า)

“หือ !?” ญารินพยายามทำความเข้าใจ ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร.. “อริสตัน ?”

หญิงรับใช้พยักหน้า พร้อมทำท่าหยิบกิน ก่อนชี้ไปที่ถ้วยยา

ญารินทำหน้าเจื่อน เมื่อจดจำรสชาติของมันได้ขึ้นใจ

หญิงรับใช้คะยั้นคะยอพร้อมท่าทาง ญารินเห็นว่า คนนี้ไม่มีเจตนาร้าย จึงหยิบขนมปังที่หั่นเป็นแผ่นบาง กลิ่นหอมกรุ่นจากแป้งอบใหม่ บีบน้ำย่อยในท้องของเธอดิ้นขลุกขลัก ทั้งชีสและสลัดนั้นช่างแสนอร่อยเกินบรรยาย ทว่า..เธอกลับทานไม่หมด เสมือนร่างกายกำลังปรับตัวหลังฟื้นไข้

ใบหน้าของหญิงรับใช้ผิดหวังเล็กน้อย ที่หญิงสาวผู้อ่อนวัยทานอาหารไม่หมด..ได้แต่หวัง ว่าเจ้านายจะไม่ถือเรื่องนี้เป็นความผิดของเธอ จากนั้นก็หยิบถ้วยยายื่นให้

ญารินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ รับยาถ้วยนั้นมาถือในมืออย่างอิดออด  พลางเงยใบหน้าขึ้น พูดต่อรอง“กินแค่อึกเดียวได้ไหม” แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจ

หญิงรับใช้ยังคงจ้องตาเขม็ง พลางพยักพเยิดให้เธอรีบดื่มมันลงไป แต่ก่อนนั้น ก็หันไปหยิบกระปุกหินอ่อนใบเล็กมาเปิดฝา หยิบไม้พายอันเล็กตักน้ำผึ้งเข้มข้นให้ดู
(นายท่านให้เอามาให้ จะช่วยให้เจ้ากินยาได้ง่ายขึ้น)

แม้ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดอะไร แต่พอได้ชิมรสชาติหวานหอมของน้ำผึ้งรวง เธอก็เข้าใจในทันที
“อืม..แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย”

หญิงสาวฝืนดื่มยาสลับทานน้ำผึ้งจนยาหมดถ้วย ก็ส่งถ้วยยาคืนหญิงรับใช้ เหลือเพียงกระปุกน้ำผึ้งเท่านั้น ที่เธอยังติดใจในรสชาติหวานฉ่ำ
“ขอบคุณค่ะ”

เธอเอ่ยออกไป และเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่วหน้า ก็ลุกขึ้นพูดอีกครั้งพร้อมมือตบบริเวณหัวใจของตนเบาๆ “ขอบคุณค่ะ”

หญิงรับใช้เอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจ..ญารินถอนใจเฮือก ยกมือไหว้เธอแบบคนไทยไปเลย “ขอบคุณค่ะ”

คราวนี้อีกฝ่ายเบิกตาโพลง เพราะมันเป็นกิริยาที่ปฏิบัติต่อผู้สูงศักดิ์ ไม่ใช่ทาสเช่นตัวเธอ พลางส่ายหน้ารีบวางถาดอาหารมาจับมือทั้งสองข้างของหญิงสาวตรงหน้าแยกออกมาไว้ข้างตัว
(อย่าทำเช่นนั้นอีก เจ้าอยากให้ข้าถูกตีรึอย่างไร)

ญารินเห็นท่าทีเลิกลั่กของอีกฝ่าย ก็ยิ้มเจื่อน.. ‘คงทำอะไรผิดอีกแล้วสินะ’
“โอเค ๆ ..ขอโทษค่ะ..ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว” เธอไขว้มือเป็นรูปตัวเอ็กซ์พร้อมพยักหน้าหงึกหงัก จนอีกฝ่ายวางใจ คว้าถาดอาหารเปล่าเดินออกไปจากห้อง..ญารินถอนใจเฮือก ทิ้งตัวลงนั่ง

“เราต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนกันเนี่ย”

ระหว่างรักษาตัวจากพิษไข้ หญิงสาวสังเกตพฤติกรรมของผู้คนรอบกายว่าสิ่งที่พวกเขากระทำเป็นกิจวัตร คือชีวิตประจำวันจริงๆ ทั้งเสื้อผ้า การกินอยู่ ไม่ใช่การเล่นละครแต่งคอสเพลต์อย่างที่เข้าใจในคราวแรก เครื่องมือสื่อสาร เทคโนโลยีต่างๆไม่มีเลยสักชนิดเดียว แม้แต่ไฟฟ้า

“นี่เราหลุดมายุคไหนกันเนี่ย” แล้วใจก็เผลอไพล่ไปคิดถึงอีกคน “ถ้าอย่างนั้น เขานั่นก็เป็นของจริง...เขาไม่ใช่คนเรอะ !?”

หัวใจกระตุกวาบ แต่ในความรู้สึกกลับย้อนแย้ง เมื่อนึกถึงใบหน้าแสนหล่อเหลาอันไร้ที่ติ..เธอยังจดจำได้ทุกรายละเอียด ตั้งแต่ดวงตาคมสีอำพันแม้ดูเย็นชา ทว่าลึกลงไปกลับเห็นความอ้างว้างแฝงเร้นอยู่ภายใน ยามเธอสบตาราวกับต้องมนต์สะกดให้หลงใหลอยู่ในภวังค์ ทั้งจมูกโด่งเป็นสันรับเรียวคิ้วเข้มโค้งได้รูป จนบางครั้งนึกอยากลูบเล่น รวมถึงริมฝีปากสีเรื่อที่เต็มไปด้วยความละมุนละไม และผิวกายของเขานั้นช่างขาวละเอียด ยามอยู่ภายใต้แสงของดวงอาทิตย์ดูกระจ่างสวยงาม..เธอไม่อยากเชื่อเลย ว่าสิ่งที่เห็น คือรูปลักษณ์ของ ปิศาจ !

“โอ้ย ! ยัยยูริ คิดอะไรของแกอยู่เนี่ย” เธอโอดครวญพลางใช้สองมือตบสองข้างแก้มเป็นการเรียกสติ

เมื่อเห็นว่าตนเองแข็งแรงดีแล้ว จึงคิดอยากจะออกจากห้องไปสำรวจข้างนอกบ้าง เผื่อจะหาหนทางกลับบ้านเจอ แต่เมื่อเปิดประตู ก็พบกับทหารยามสองคน หันมองเธอสีหน้าถมืงทึง

หญิงสาวพยายามยิ้มหวานอย่างใจดีสู้เสือ..คิดในแง่บวก ว่าเธอไม่ใช่นักโทษ พวกเขาคงไม่เป็นอันตรายสำหรับเธอหรอก
“สวัสดีพี่ชาย..คือ..ข้างในมันอุดอู้ ฉันขอออกไปเดินเล่นหน่อยนะ..แบบว่า..วอคกิ้ง ๆ น่ะ..วอค ๆ” เธอขยับนิ้วชี้กับนิ้วกลางแบบก้าวเดินเป็นท่าประกอบ แต่อีกฝ่ายหันมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ สุดท้ายก็หันมาไล่เธอให้กลับเข้าห้อง

“เดี๋ยวสิพี่ชาย..ฉันแค่ขอออกไปเดินเล่นเท่านั้น ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย ที่นี่ที่ไหนฉันยังไม่รู้เลย..ฉันแค่อยากออกไปสูดอากาศบ้างเท่านั้น..ฉันไม่ใช่นักโทษไม่ใช่เหรอ..พวกคุณจะมาขังฉันแบบนี้ไม่ได้นะ”

ปึง !!

บานประตูถูกงับปิดตามหลังร่างที่ถูกรุนเข้าไป

“นี่ ! ฉันพูดออกไปตั้งเยอะ ฟังกันไม่ออกเลยสักคำเรอะ”
ญารินสะบัดตัวเดินกลับมานั่งบนที่นอนสองมือยกกุมขมับ เป่าปากอย่างระบายอารมณ์..แล้วแบบนี้เมื่อไหร่เธอจะได้กลับบ้าน !

(ต่อค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่