อายตนะนิพพาน มีความหมายอย่างไร

อายตนะนิพพาน  มีนิยามว่าอย่างไร  
ถ้าให้ผมเข้าใจน่าจะนิยามว่า ช่องทางรับรู้ของ นิพพานธาตุ
เหมือนจิต ก็เป็นอายตนะ ที่รับรุ้สิ่งที่มากระทบ หรือที่เรียกว่า ธรรมมารมณ์ นั้นเอง

นิพพานธาตุที่ว่านี้ตั้งอยู่ที่ใหนครับ
จากคำสอนที่ว่า พระอรหันต์ปรินิพพานไปแล้ว  ถือว่าไม่สูญ
แล้วอะไรเล่าเป็นสิ่งที่เหลืออยู่  อย่างในร่างกายเราประกอบด้วย  จิต เจตสิก รูป นิพพาน
แน่นอน  จิต เจตสิก รูป ก็คือขันธ์ห้า เมื่อพระอรหันต์สิ้นชีวิตไป  ก็ไม่มีขันธ์ใหม่มารองรับอีก เพราะจิตดวงสุดท้ายดับ ไม่มีปฏิสนธิจิต ดวงใหม่มารองรับอีก
สิ่งที่เหลือก็คือ นิพพานธาตุนั้นเอง  
นิพพานธาตุ เป็นนามธรรม ที่เป็นอสังขตะธรรม  ก่อนจะเสวนา ผมขอ อัญเชิญพระสูตร บทที่กล่าวถึง อายตนะนิพพาน มาก่อนว่า
".....อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสองย่อมไม่มีในอายตนะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอาตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ"

พระสูตรนี้เป็นคำอุทานของพระพุทธองค์
มีผู้แสดงความเห็นเกี่ยวกับพระสูตรนี้ ไปหลายทิศทาง  ต่างคนก็กล่าวอย่างมั้นใจว่าตนถูก  
สำหรับผม เข้าใจอย่างนี้นะว่า  คำว่าอายาตะนั้นมีอยู่ พระองค์คงหมายถึง อายตนะนิพพานของพระอรหันต์ที่ปรินิพพานไปแล้ว
ทำไมผมถึงเข้าใจอย่างนั้น
ก็เพราะ ท่านลองคิดดูสิครับ ว่า เมื่อพระอรหันต์ สิ้นชีวิตลง  ตัวนิพพานธาตุของท่านจะไปอยู่ที่ใหนละ  
ในพระสูตรกล่าวว่า อายตนะนั้นหาที่ตั้งไม่ได้  
และอายตนะนั้น  มีอยู่แต่  ไม่สามารถ  รับรู้ สิ่งต่างๆ ที่เป็น ดิน น้ำลมไป  พระจันทร์ พระอาทิตย์ เป็นต้น  ก็คงเป็นสภาพที่ 
รู้ได้เฉพราะบางอย่าง

แต่บางท่านเข้าใจว่า  พระสูตรนี้ ไม่ได้หมายควาามว่า อายตนะนิพพาน ในที่นี้หมายถึงทั่วไป ไม่ว่า พระอรหันต์จะนิพพานหรือไม่ก็ตาม
แต่มันแย้งกับความรู้สึกที่ว่า  ในตัวเรามีนิพพานธาตุอยู่  แล้วบอกว่าไม่มีที่ตั้ง เป็นไปไม่ได้แน่นอน
บางท่านกล่าวว่า  เราไม่อาจเอาตรรกศาสตร์มาตีความคำสอนได้  ก็แล้วแต่จะเชื่อนะครับ

ถ้าเป็นไปตามที่ผมพูดใว้ว่า อายตนะนิพพานในพระสูตร พระองค์หมายถึง ธาตุของพระอรหันตุที่ปรินิพพานไปแล้วเท่านั้น
ดังนั้น ตัวนิพพานที่อยู่ในตัวบุคคลทั่วไปละ  มีอายตนะหรือไม่
ก็ต้องมี เพราะสิ่งที่เป็นธาตุนามธรรมทุกชนิดที่อยู่ในตัวเรา ก็จะมีการเคลื่อนไหว เช่นจิตก็มีการรับรู้
ถ้านิพพานธาตุที่อยู่ในตัวเรามีอายตนะ  แล้วก็ต้องมีการรับรู้ด้วยเหมือนกัน

การรับรู้ของนิพพานธาตุ  ต่างจากการรับรู้ของจิตอย่างไร
ผมเคยพูดว่า  สัมปชัญญะ ญาณ  ก็ล้วน เป็นกริยาของนิพพานธาตุทั้งสิ้น
สัมปชัญญะ คือการรู้สึกตัว  มีคนพยายามค้นหาว่า สัมปชัญญะคือ เจตสิก  เป็นปัญญาเจตสิก  ไม่จริงหรอกครับ 
ผมอ่านมาจนหมดละ  เจตสิกอย่างสติ  เขาอธิบายตรงๆ เลยว่า สติเป็นเจตสิกของจิต

ถ้าเราทำใจให้เป็นกลาง  ลองทำสติปัฏฐานสี่  เอากานาปานสตินี้แหละ
มีสติกับลมหายใจ  ตามด้วยรู้สึกตัว  สองสิ่งนี้ต่างกัน
รู้สึกตัวอย่างไร รู้ว่าลมนนี้สั้นหรือยาว  รู้ว่ากำลังนั่งหายใจ รู้ตัวทั่วพร้อม เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ต่างจาก ความรู้สึกระลึกได้ของจิต ที่เรียกว่าสติ อย่างสิ้นเชิง เพียงแต่ เราไม่ยอมรับ  เพราะเราปักธงเชื่อ ว่า มีแค่จิตเป็นตัวรู้อารมณ์เพียงตัวเดียว

แม้แต่การบรรละธรรม ท่านคิดว่า จิตใจจะรู้เพียงได ก็ไม่มีทางที่จะบรรลุธรรมได้  การตรัสรู้มิใช่จิตรู้ หากแต่เป็นการรู้ในระดับญาณ
แล้วญาณคืออะไรละ  ญาณก็คือการรับรู้ของตัวนิพพานธาตุเช่นกัน
ญาณเกิดมาได้อย่างไร  ก็ต้องภาวนา มันเกิดขึ้นเองไม่ได้แน่นอน เกิดเพราะ ตัวสัมปชัญญะที่เกิดอย่างต่อเนื่องนั้นเอง

การตรัสรู้ธรรม ก็คือการรู้ว่า ขันธ์ห้าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา  สิ่งที่รู้ก็คือ ญาณ จิตเป็นผู้สร้างสติ สติสร้างสัมปชัญญะ 
สัมปชัญญะกลายไปเป็นญาณ  ต่อมาจิตที่มีสมาธิ คือมีเอกคตาจิต ก็น้อมจิต ให้เกิดญาณทัสนะ เห็นไตรลักษณ์ ของขันธ์ห้า

เมื่อ ตรัสรู้ ตัวกิเลสที่อยู่ในจิต ก็จะคลายลงไป ปล่อยให้นิพพานธาตุ เป็นอิสระ คราวนี้เราก็เรียกว่า นิโรธนั้นเอง

บางท่านอาจเข้าใจว่าผมเป็นศิษย์สำนักโน้นนี้นั้น  ไม่ใช่เลย ผม ฟังทุกค่ายแหละครับ แต่ไม่แย้งค่ายได ไปชอบก็ผ่าน แต่นั้น

ท่านมีควาามเห็นอย่างไร ก็เชิญร่วมเสวนาด้วย

ในช่วงโควิต  ผมเชื่อว่า คงจะยาวนาน อาจหลายปีเลยทีเดียว เพราะมีคนกล่าวว่า โรคนี้ไม่ได้เป็นเชื้อที่เกิดจากธรรมชาติ เหมือนโรคก่อนๆทีเคยระบาด
แต่เป็นเชื้อโรคที่มีการจงใจสร้างโดยนักวิทยาศาสตร์บางพวก  อันนี้ก็ฟังๆมา ห้ามมาจับผมว่าเป็นเฟ้กนิวนะครับ
 ดังนั้น ถ้าท่านต้องอยู่คนเดียว  การภาวนา โดยออกจากจิต ก็น่าจะช่วยให้ไม่ต้องทุกข์ทรมาน
วันนี้ถ้าไม่โดนด่า วันหน้าจะมาอธิ ว่าภาวนาโดยการออกจากจิตทำอย่างไร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่