JJNY : ตรีชฎาซัดควรหาเวลาจัดการคลิปโป๊/นพ.เรวัตเตือนรัฐตราหน้าคนออกตจว./สถานฑูตจีนในไทยอัปคลิปเจอโต้/ไทยติดเชื้อเพิ่ม18

“ตรีชฎา” ซัดกลับ “โฆษกพลังงาน” ควรหาเวลาจัดการคลิปโป๊หลุดในไลน์กรุ๊ป ส.ส. แทนโต้ “พิชัย”
https://www.matichon.co.th/politics/news_2169523

 
คลิปโป๊- เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวถึงกรณี นายวัชระ กรรณิการณ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน ตอบโต้นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลชุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า 
 
แปลกใจกับท่าทีของโฆษกกระทรวงพลังงานที่ออกมากฟาดงวงฟาดงาแบบไม่ลืมหูลืมตา ประเภทต้องสร้างผลงานในช่วงที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กำลังมีเหตุการณ์คลิปหลุด เพราะกลัวหลุดร่วงไปตามสถานการณ์
 
“เหตุเพราะนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกมาชกตรงกลางกล่องดวงใจ มีพลังทำลายล้างสูงส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างรุนแรง ด้วยการเสนอปลด พล.อ.ประยุทธ์ และคณะโละยกขบวน เหตุบริหารบ้านเมืองขาลงกู้ไม่ขึ้น นายพิชัยไม่เคยออกมาตีกินทางการเมือง แต่สิ่งที่นายพิชัยพูด คือความจริงที่เถียงไม่ออก นายพิชัยมีความรู้ มีความสามารถ และที่ออกมาพูดเพราะเป็นห่วงประเทศชาติ บ้านเมือง และประชาชน คนในรัฐบาลมีความอดทนกับความทุกข์ร้อนของประชาชนมาก เพราะท่านมีเงินเดือน และสวัสดิการเต็มขั้น ท่านเลยไม่รู้สึกว่า ประชาชนไม่มีเงินจ่ายค่าไฟฟ้าจนต้องถูกยกหม้อไฟและต้องอยู่กับความมืดในบ้านเป็นอย่างไร มีมาตรการอะไรช่วยประชาชนที่ไม่มีเงินจ่ายค่าไฟในยามนี้” น.ส.ตรีชฎา กล่าว
 
น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า สิ่งที่นายวัชระพูดในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน ไม่ได้อธิบายข้อมูลความจริงว่านายพิชัยพูดผิดตรงไหน โฆษกกระทรวงพลังงานควรมีความรู้ทางด้านพลังงานที่สามารถจะตอบได้ว่าเรื่องใดถูกหรือผิดทางด้านพลังงาน
 
“ไม่ใช่มาตอบโต้ทางการเมืองแบบมั่วๆ ยิ่งทำให้นายสนธิรัตน์ดูแย่ลงไปจากที่เป็นอยู่ลงไปอีก สิ่งที่นายวัชระควรตอบในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงานคือ จริงหรือไม่ที่นายสนธิรัตน์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีแนวคิดที่จะประกาศยกเลิกน้ำมันเบนซิน E10 ที่ผสมด้วยเอทานอล 10% ทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนใช้ E 20 ที่ผสมเอทานอล 20% แทน โดยนายสนธิรัตน์ทราบหรือไม่ว่า ราคาน้ำมันเบนซินที่กลั่นแล้วมีราคาเพียงลิตรละ 5.59 บาท ในขณะที่ราคาเอทานอลอยู่ที่ลิตรละ 23.28 บาท การใช้ E 20 ย่อมต้องทำให้ต้นทุนเพิ่ม เป็นการเอื้อประโยชน์นายทุนใช่หรือไม่ แต่ต่อมาแอลกอฮอล์ขาดแคลนจึงเลื่อนออกไป” น.ส.ตรีชฎา กล่าว
 
อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรค ทษช. กล่าวว่า ประเด็นที่นายสนธิรัตน์จะออกใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนมีราคาซื้อไฟฟ้าที่ 4.2 -4.8 บาทต่อหน่วย ในขณะที่ซื้อไฟฟ้าปกติที่ 2.44 บาทต่อหน่วย ตามข่าวที่ออกใช่หรือไม่ และนายสนธิรัตน์ทราบหรือไม่ว่า มีกำลังผลิตไฟฟ้าส่วนเกินเหลืออยู่ถึงประมาณ 40% ขณะที่ราคาน้ำมันปัจจุบันมีการเก็บภาษีสรรพสามิตในจำนวนที่สูง โดยเฉพาะในน้ำมันดีเซล ที่ในอดีตไม่เคยเก็บ และจำนวนภาษียังสูงกว่าราคาน้ำมันด้วยตามโครงสร้างราคาน้ำมัน และควรจะปรับลดตามคำแนะนำของนายพิชัยใช่หรือไม่
 
“กรณีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในปลายปี 2559 ได้มีการอนุมัติให้บริษัทลูกของ กฟผ. เข้าซื้อหุ้นเหมืองถ่านหินของบริษัท อะดาโร ของอินโดนีเซีย จำนวน 1.17 หมื่นล้านบาท ได้หุ้นเพียง 11-12% ปัจจุบันราคาหุ้นตกต่ำอย่างมากจนขาดทุนเกือบหมดจากราคาถ่านหินที่ตกต่ำ และโลกรังเกียจการใช้ถ่านหิน ซึ่งนายพิชัยเคยเตือนแล้วใช่หรือไม่ และถ้าการขาดทุนอย่างมากจึงทำให้ต้องมาคิดค่าไฟฟ้าในราคาแพงใช่หรือไม่ ทั้งนี้ การซื้อขายผิดปกติแบบนี้ต้องมีผู้ได้รับผลประโยชน์ และน่าจะมีการทุจริตคอรัปชั่นอย่างแน่นอน ในอดีต นายสนธิรัตน์เคยบริหารกระทรวงพาณิชย์ แต่ทำให้การส่งออกตลอด 5 ปี ขยายตัวได้ต่ำเฉลี่ยปีละ 2% ตามที่สื่อหลักต่างประเทศอย่าง เดอะไฟแนนเชียลไทม์ วิจารณ์ใช่หรือไม่ โดยสื่อนี้ยังบอกอีกว่าไทยเป็นคนป่วยของเอเชีย และจะป่วยหนักอีกจากรัฐบาลนี้” น.ส.ตรีชฎา ระบุ
 
ทั้งนี้ น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า อยากให้นายวัชระชี้แจงข้อมูลทางเศรษฐกิจที่นายพิชัยพูดถึง ทั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ นายสมคิด นายอุตตม มีเรื่องใดไม่จริงบ้าง
 
“ความจริงนายวัชระเป็นถึงโฆษกกระทรวงพลังงาน ตอนที่ประชาชนมีปัญหาเรื่องค่าไฟสูง น่าจะมาทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงแทนประชาชน กระทุ้งถึงกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ดีกว่านี้ ไม่ต้องรอให้ประชาชนออกมาบอกว่าค่าไฟแพงกันทุกบ้าน อยากให้นายวัชระดูว่าทำไมถึงมีคลิปโป๊อยู่ในไลน์กลุ่มของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ บ่งบอกถึงวิธีคิดและแสดงถึงความมั่วของคนพรรค รวมถึงนิสัยของสมาชิกในไลน์ใช่หรือไม่” น.ส.ตรีชฎา กล่าว
 

 
"นพ.เรวัต" เตือนรัฐ "ตราหน้า" คนออกต่างจังหวัดในวันหยุดยาว แนะรีบตรวจ-เก็บข้อมูล
https://www.matichon.co.th/politics/news_2169607
 
“นพ.เรวัต” เตือนรัฐ “ตราหน้า” คนออกต่างจังหวัดในวันหยุดยาว แนะรีบตรวจ-เก็บข้อมูล
 
เตือนรัฐ- เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย (สร.) โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง ตราหน้าคนออกต่างจังหวัดในวันหยุดยาว ระบุว่า การวิพากษ์วิจารณ์โดยให้ข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ปัญหา ไม่ใช่วิจารณ์เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีเจตนาจะโจมตีรัฐบาล ซึ่งตนเองได้ปฎิบัติเช่นนี้ทั้งในและนอกสภาอยู่เป็นประจำ ตั้งแต่รัฐบาลปล่อยให้มีการนำเข้าของเชื้อโควิดมายังประเทศไทยโดยไม่ทำการกักกันอย่างเข้มงวดตั้งแต่แรก
 
นพ.เรวัต กล่าวว่า ด้วยเหตุที่มีประสบการณ์ตรงในการรับมือกับการระบาดของโรคซาร์ส ไข้หวัดนก เมอร์ส และไข้หวัดใหญ่ 2009 มาก่อน ในขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ รองปลัดกลุ่มภารกิจ รับผิดชอบ อย. กรมวิทย์ และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ข้อเสนอหลายอย่างที่ได้เคยเสนอต่อรัฐบาล รัฐบาลก็ได้ดำเนินการที่เป็นคุณกับประชาชน แต่บางอย่างที่ล่าช้าก็เกิดความเสียหายร้ายแรงในมิติอื่นๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการระบาดของโรค เช่น เรื่องเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งควรต้องให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเพื่อให้เกิดความสมดุลย์ และเนื่องจากไม่มีใครบอกได้ว่าวิกฤตโควิด-19 จะยังอยู่ต่อไปอีกนานเท่าไร การรักษาความสมดุลย์ในทุกมิติจึงมีความสำคัญมาก
 
“เปรียบได้กับการรักษาของหมอ แม้มีฝีมือในการผ่าตัดดีเยี่ยม แต่เกิดความผิดพลาดจากการดมยาหรือเหตุใดๆ จนคนไข้เสียชีวิต ก็ต้องถือว่าการรักษานั้นล้มเหลว การแก้ปัญหาเรื่องโควิด-19 ก็เช่นเดียวกัน ควรต้องบริหารจัดการทุกๆ มิติคู่ขนานกันไป และที่ยังต้องเขียนถึงเรื่องโควิด-19 อยู่บ่อยๆ เพราะมีประเด็นที่ต้องติดตามอยู่ทุกวัน” นพ.เรวัต กล่าว
 
นพ.เรวัต ยังกล่าวในโพสต์ว่า เช่นวันนี้ มีประเด็นที่เห็นควรต้องทักไว้ก่อนเลย คือการกลับบ้านหรือเที่ยวต่างจังหวัดของประชาชนซึ่งมีทั้ง ความแออัด และการเคลื่อนย้ายของคนจำนวนมาก ขัดกับมาตรการ เว้นระยะห่างในวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ทำให้การจราจรหนาแน่นติดขัด ทั้งถนน มิตรภาพและเส้นทาง 304 ซึ่ง ศบค.ได้ตราหน้าคนเหล่านี้ไว้แล้วว่าจะเสี่ยงทั้งการติดโรคและแพร่โรค โดยสรุป คนกลุ่มนี้แม้จะเดินทางได้โดยไม่ป่วย ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าบางคนหรือหลายคนมีเชื้ออยู่ในตัว และจะแพร่โรคให้คนอื่น และโดยสมมติฐานนี้ คนกลุ่มนี้จึงน่าจะเป็นประชากรกลุ่มเสี่ยงที่ ศบค. ควรต้องสั่งให้ทุกคนได้รับการตรวจหาเชื้อ ถ้าพบ ก็จะได้กักกันและแยกโรค (state หรือlocal quarantine) ซึ่งจะให้ผลทั้ง 2 อย่างคือ
 
1. เพื่อให้ ศบค. สามารถควบคุมการระบาดได้
 
2. ถ้าพบว่า มีการติดเชื้อในคนกลุ่มนี้เป็นจำนวนมาก ก็จะทำให้ ศบค. มีหลักฐานอ้างอิงที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ เพื่อนำไปใช้กำหนดมาตรการต้องห้ามต่างๆที่ประชาชนจะโต้แย้งไม่ได้ และจะพูดได้เต็มปากว่าคนพวกนี้
 
แหละที่ก่อเหตุเพราะไม่เชื่อฟัง มิเช่นนั้นจะเป็นการกล่าวหาโดยไม่มีข้อพิสูจน์จริงๆ เหมือนรอบที่แล้วที่คนแห่กันกลับบ้าน เพราะตกงานเนื่องจาก กทม. สั่งปิด ห้าง และตลาด เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งไม่มีการระดมตรวจหาเชื้อกับคนกลุ่มนั้นเพื่อเป็นข้อมูลเก็บไว้เลย
 
“รอบนี้ ต้องเอาให้ชัดนะครับ ว่าถ้าตัวเลขติดเชื้อเพิ่มเพราะคนตกงานเดินทางกลับบ้านหรือไปเที่ยวในวันหยุดยาว หรือเพิ่มขึ้นจากรัฐปล่อยให้คนนำเชื้อเข้ามาแล้วกักกันไม่ได้ดี หรือเพราะไม่สามารถทำ physical distancing ในบ้านเล็กๆ ที่อยู่กันหลายคนได้ นอกจากต้องเกาะเพดานหรือผนังบ้านได้เหมือนจิ้งจก เพื่อรักษาระยะห่าง 2 เมตร” นพ.เรวัต ระบุในโพสต์
 
https://www.facebook.com/Rewatofficial/photos/a.1029232793929191/1342302672622200/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่