อยากขอแชร์ประสบการณ์ ความคิด และความรู้สึก เล่าสู่กันฟัง กับเรื่องเงินเยียวยา 5,000 บาท

การลงทะเบียนเยียวยา รับเงิน 5,000 บาท บ้าง ในฐานะฟรีแลนซ์คนหนึ่ง ที่ไม่มีนายจ้าง ไม่ได้ทำงานประจำ (ครอบครัวเคยบอกมาเสมอว่า รับราชการเถอะ มั่นคงที่สุด แต่ไอ้คนรุ่นใหม่ ที่ดื้อรั้น มั่นใจว่าชั้นจะไปรอดแบบเรานี่ ก็แอบค้านในใจว่า จะรวยให้ทุกคนดู แต่ตอนนี้ เห็นด้วยกับความคิดนั้นของครอบครัว และเราเคยมีโอกาสนั้นแล้ว แต่เลือกจะเดินออกมาด้วย มีลูกสอนลูก มีหลานสอนหลาน รับราชการเถอะ ดูอย่างช่วงโควิดระบาดสิ มีราชการตกงานมั๊ย ไม่มี !!! แถมทำงานแบบ WFH ก็ไม่หักเงินเดือน) ต้องบอกก่อนว่า สาเหตุที่ออกมาเป็นฟรีแลนซ์ จากอาชีพล่าสุด คือ พนักงานบริษัทฯ เพราะ มีเหตุฉุกเฉิน คือ ต้องกลับไปดูแลคุณพ่อ ที่ไม่สบาย ทั้งเป็นโรคสมองเสื่อม ถึงขั้นต้องคอยดูแลใกล้ชิด และเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ที่ต้องลุ้นอาการอยู่เป็นระยะ (ไม่ได้จะดราม่า แต่เพราะมันต้องบอกถึงเหตุผลและความจำเป็น) และก็หารือกันภายในครอบครัวแล้วว่า ต้องมีคนหนึ่งเสียสละกลับมาดูแลคุณพ่อ แล้วก็สรุปเป็นเรา เพราะเราเชื่อว่า เรามีฐานลูกค้า เรารับเขียนแผนธุรกิจสำหรับยื่นกู้ หรือบริหารธุรกิจต่างๆ รับเขียนโครงการประมูลงานภาครัฐ รวมถึงประมูลงานเอง ในด้านผลิตสื่อต่างๆ แต่แล้ว เจ้าโควิดก็มาทำให้อาชีพสะดุด เมื่อลูกค้ากระทบ เช่น ลูกค้าบางคนหยุดกิจการชั่วคราว บางคนตัดรายจ่ายไม่เร่งด่วน บางธุรกิจหยุดงานแล้วงานที่ค้างพิจารณาหรือค้างจ่ายจึงหยุดชะงัก การหาลูกค้าใหม่ก็ทำได้ยากเพราะต้องมีการนัดเจอ อาชีพเราก็กระทบ ปูมาแบบนี้ เพราะมันเกี่ยวกับการให้ข้อมูลรับเงินเยียวยานี่แหละ

ออกนอกเรื่องไปซะไกล.... กลับมาว่าด้วยเรื่องเงินเยียวยา และการลงทะเบียน ที่บอกตรงๆ ว่า เราก็รู้สึกไม่ได้ดังใจอยู่พอสมควร แต่ก็ปิดท้ายด้วยการบอกให้ตัวเอง "เข้าใจ" เราพยายามเข้าใจอะไรบ้าง ในเหตุการณ์ที่ประสบ

วันแรกของการเปิดให้ลงทะเบียน
28 มี.ค. 63 เวลา 18.00 น. วันแรกของการเปิดระบบ เราเข้าได้ค่ะ (แอบดีใจ) รีบกรอกข้อมูลเลย ตรวจเช็คความถูกต้องเรียบร้อย กดยืนยัน ผลลัพธ์คือ ระบบไม่บันทึก แต่กลับรีเฟรชให้เริ่มกรอกข้อมูลใหม่ เลยทำซ้ำ แล้วก็ลงได้ ตอน 19.00 น. พอดี จนขึ้นหน้าจอเครื่องหมายถูก แบบที่หลายๆ คนได้รับ ....แต่ ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที ได้รับ SMS บอกว่า เลขบัตรประชาชนไม่ถูกต้อง ทำไงล่ะทีนี้ งง... ซึ่งตอนนั้น ข่าวก็ยังไม่มีปัญหานี้เกิดขึ้น คิดว่าเราน่าจะเป็นคนแรกๆ ที่เจอปัญหานี้ ...ก็บอกตัวเองว่า "ไม่เป็นไร ลงใหม่" แต่แล้ว ระบบก็ล่ม เราก็ใจเย็น รอและเข้าใหม่เป็นระยะ จนลงทะเบียนได้อีกครั้งตอน 23.00 น. โดยประมาณ คิดในใจ เย้ !! สำเร็จแล้ว

.......ความพยายามเข้าใจครั้งนี้ คือ ตอนเข้าระบบไม่ได้ ระบบล่มเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เพราะคนย่อมแห่ใช้จนเกรทเวย์เต็ม เซิร์ฟเวอร์รับไม่ไหว.............
.......SMS เรื่องบัตรประชาชน ผิดพลาดได้ เนื่องจากเพิ่งเริ่มใช้งานจริงวันแรก ระบบก็คง งงๆ นิดหน่อย................

แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2 วัน (เช้าวันจันทร์) ได้รับ SMS แจ้งแบบเดิมอีกครั้งว่า เลขบัตรประชาชนไม่ถูกต้อง ก็เลยลงทะเบียนใหม่ (เพราะพยายามติดต่อกรุงไทยตามเบอร์บนหน้าเว็บแล้ว กดสปีคเกอร์ไว้ 1 ชั่วโมง ยังไม่ได้คุยเลย เลยลงซ้ำเองโดยไม่ถาม) ครั้งนี้ สำเร็จ นับจากวันที่ 1 เม.ย. 63 - 16 เม.ย. 63 เราเข้าดูสถานะทุกวัน แถมเช้า - เย็น - ก่อนนอน และอีกหลายๆ เวลาที่ว่าง (ก็คนมีมีหวังอ่ะเนอะ จากนโยบายที่ได้ฟังในช่วงเร่งด่วน มันก็ดูง่ายๆ คิดว่าให้หมด ทั้งที่เราก็วิเคราะห์แล้วแหละนะว่า มันคงให้หมดไม่ได้หรอก แต่ก็ยังคิดว่า ตัวเองจะเข้าข่ายแหละ)
.......ความพยายามเข้าใจครั้งนี้ตอนมีปัญหาได้รับ SMS เรื่องบัตรประชาชน ซ้ำอีกครั้ง คือ ระบบคงมีบัคสักอย่าง ลองใหม่อีกทีก็ได้..........................

เมื่อ 16 เม.ย. 63 โอ้วววว... สถานะเปลี่ยนแล้วจ้าา "ขอข้อมูลเพิ่มเติม" ดีใจ ชั้นคงยังมีหวัง แต่พอเริ่มกรอกข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้นแหละ มันให้ความรู้สึกว่า เราน่าจะอยู่นอกกลุ่มที่เค้าจะให้ ไม่รู้จะเลือกตัวเลือกไหนเลยในบางคำถาม มีแต่คำถามประเภทร้านค้า เป็นเจ้าของร้านค้า มีนายจ้าง ไม่มีนายจ้าง (อย่างที่เกริ่นก่อนหน้า เราเป็นฟรีแลนซ์ รับเขียนโครงการ รวมถึงงานวิจัยอิสระ บางข้อที่เค้าสร้างคำถามมา มันค่อนข้างสะท้อนว่าเจาะจงแค่ไม่กี่กลุ่มอาชีพ และไม่ได้ให้ความสำคัญกับการขอข้อมูลฟรีแลนซ์อย่างแท้จริงเลย) แต่เราก็ให้ข้อมูลไป พยายามตอบเท่าที่จะเข้าใจคำถาม และตอบตามความจริงทุกอย่าง และ

จนวันที่ตั้งกระทู้นี้ ก็วันที่ 25 เม.ย. 63 สถานะก็ยังขึ้นค้างอยู่ว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลที่นำส่งเพิ่ม ...
......ความพยายามเข้าใจ ครั้งนี้ คือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องกลั่นกรองให้ดีที่สุด ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร 

แต่ถามว่า คิดอะไรกับนโยบายนี้ และการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในครังนี้ ขอแชร์ในมุมมองของเรา ผิดถูกอย่าตำหนิกันรุนแรงนะคะ รับฟังคำแนะนำได้ค่ะ 

อย่างแรก การแถลงนโยบาย อย่างรวดเร็ว มันคือเรื่องที่ดี แต่หากทีมวางแผน ทีมนโยบาย ทีมงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง (ซึ่งก็ยอมรับว่า เก่งอ่ะแหละนะ) รีบไปนิดจนมันดูหละหลวม เช่น การให้ข้อมูลแรกเริ่มว่า ได้ทุกคน ไม่จำกัด เงื่อนไขไม่ยุ่งยาก เพียง 1-2-3-4 แค่นี้ ทั้งที่ก็รู้แต่แรกว่า คุณสามารถเยียวยาประชาชนได้แค่งบไม่เกินกี่ล้านบาท สำหรับคนกี่ล้านคน ข้อมูลที่สื่อสารออกมา ก็ควรเป็นเช่นนั้น

เรื่องเกณฑ์การคัดกรอง และผลการคัดกรอง คนที่ได้รับเงิน บางคน ไม่สมควรได้รับ แต่เพราะระบบ AI ไม่ได้รู้ข้อมูลทั้งหมดของคนๆ นั้น (ซึ่งอันนี้เราว่า มันยังสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่ยังมีความเป็นส่วนตัว ก็ยังคงมีอยู่ระดับหนึ่ง) จนมีคนที่ใช้ของแบรนด์เนม กินหรู อยู่สบาย โพสเรื่องเงินที่ได้รับว่าแค่เศษเงินหลังตู้เย็น ได้เงินนั้นไป อันนี้ต้องต่อว่า คนที่ได้แล้วไม่เห็นคุณค่า แถมสะท้อนให้เห็นว่า เค้าเป็นคนไม่ตรงไปตรงมา กรอกข้อมูลเท็จ ที่ไม่ได้เพิ่งเท็จ แต่เท็จมานานในถังข้อมูล แต่คนที่ควรได้จริงๆ ระบบก็ใช้คำถามคัดกรองที่บกพร่อง ไม่ครอบคลุม

เราเป็นแค่คนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ทันทีที่นโยบายออกมา เราคำนวณคร่าวๆ ประชาชนไทย มีประมาณ 66.5 ล้านคน เป็นผู้ประกันตน มาตรา 33 ราว 12 ล้านคน เป็นเกษตรกร ราว 9 ล้านคน ข้าราชการราว 4 แสนคน รวมทั้งหมดกลุ่มนี้ก็ประมาณ 21.5 ล้าน เหลื่อประชากรที่มีสถานะอื่นราว 45 ล้านคน (ซึ่งก็มีสถิติที่บอกอีกว่า มีแรงงานนอกระบบ 21.2 ล้านคน หักเกษตรกร เท่ากับเหลือแรงงานนอกระบบ 11.2 ล้านคน)

แค่นี้ ก็คิดเบื้องต้นได้แล้วว่า จะช่วยได้ถึง 11.2 ล้านคน ได้จริงหรอ

มันเลยเป็นเหตุ เป็นผล ให้เราพยายามเข้าใจกับแนวทางแก้ไขปัญหา และการเยียวยา เพียงแต่ว่า มันขาดความรอบคอบ จนบางครั้ง พอออกมาแถลงเงื่อนไขเพิ่มทีละนิดๆ มันบั่นทอนกำลังใจคนรอความช่วยเหลือเหลือเกิน

ยิ่งพอมีกระแสคนที่ได้รับเงิน แล้วไม่เห็นคุณค่า อยากบอกว่า แค่หลังตู้เย็นเค้า ที่เค้าได้ไป หรือบอกคนบอกเศษเงินอย่างงั้นอย่างงี้ (เพื่อนเราบางคน) เรานี่ ซื้อแพมเพิส จ่ายค่าข้าวสาร ค่ายา ค่าพยาบาล ให้คุณพ่อเราได้เยอะเลย

ภายในสิ้นเดือนนี้ ถ้าเรายังไม่ได้รับ เราจะกดยกเลิกแล้วแหละ ก็แค่ต้องขยันทำงานเพิ่มมากขึ้น ชดเชยช่วงที่กระทบต่อไป