"ดีอี" เตือน อย่าเชื่อ-แชร์ ข่าวปลอม หวั่นสร้างความสับสนประชาชน พบ 6 ใน 10 อันดับ
เกี่ยวข้องกับข่าวอาชญากรรมออนไลน์ เตือนให้ยึดหลัก "4 ไม่" ก่อนกดลิงก์
10 อันดับ ข่าวปลอมอาชญากรรมออนไลน์คนสนใจที่สุด
1.) เหยื่อจากคอลเซ็นเตอร์ ลงทะเบียนขอรับเงินคืน 3 ช่องทาง ผ่านเพจ ศูนย์ช่วยเหลือเหยื่อมิจฉาชีพทางออนไลน์
2.) เปิดให้ลงทุนในธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อ เริ่มต้น 1,200 บาท ผลตอบแทน 10-30% กำกับดูแลโดย ก.ล.ต.
3.) ตลาดหลักทรัพย์ฯ สอนเล่นหุ้น ให้คำปรึกษาแนะนำการซื้อขาย เริ่มต้นที่ 1,000 บาท
4.) เหยื่อคอลเซ็นเตอร์ลงทะเบียนคุ้มครองสิทธิเพื่อรับเงินคืนได้ ผ่านทางเพจหน่วยงานต่อต้านภัยสังคม ทางเทคโนโลยี
5.) ป.ป.ท. เปิดเพจรับแจ้งความออนไลน์ ติดต่อตำรวจสอบสวนกลางได้โดยตรง
6.) ปปง. เปิดให้ผู้เสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์แจ้งลงทะเบียนขอรับเงินคืนได้ ผ่านเพจ Crime Suppression Division
7.) กรุงไทยใจป้ำ สินเชื่อเพื่อเดอะแบก วงเงินอนุมัติสูงสุดถึง 10 เท่าของรายได้ต่อเดือน สูงสุด 3 ล้านบาท
8.) กรุงไทยเปิดให้ลงทุนระยะสั้น 1,125 บาท รับ 398 บาท ลงทุนระยะยาว 3,295 บาท รับ 1,129 บาท ผ่านเพจ Krungthai KTX Life
9.) ปปง. จับมือ 2 ธนาคาร คืนเงินเหยื่อจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เปิดให้ลงทะเบียนขอรับเงินคืน ผ่านทางเพจสมาคมเสริมสร้างภัยทางออนไลน์
10.) กระทรวงยุติธรรม เปิดเพจเฟซบุ๊ก กรมคุ้มครองสิทธิ ช่วยเหลือเยียวยาประชาชน
จากการวิเคราะห์ข่าวปลอมที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุด พบว่ามีถึง 6 ใน 10 ข่าวที่เกี่ยวข้องกับโครงการนโยบายของรัฐบาลและหน่วยงานรัฐ
โดยเฉพาะการลงทะเบียนคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ข่าวปลอมอันดับ 1 คือเรื่องการลงทะเบียนรับเงินคืนสำหรับเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผ่าน 3 ช่อง
ทางบนเพจ "ศูนย์ช่วยเหลือเหยื่อมิจฉาชีพทางออนไลน์" ซึ่งตรวจสอบแล้วว่าเป็นข้อมูลเท็จ
ดีอีแนะนำให้ตรวจสอบข่าวก่อนเชื่อ โดยยึดหลัก 4 ไม่
1. ไม่กดลิงก์
2. ไม่เชื่อ
3. ไม่รีบ
4. ไม่โอน"
แนะประชาชนควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด
โดยสามารถสอบถามผ่าน สายด่วน 1111 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
พร้อมกันนี้ขอให้ยึดหลัก 4 ไม่หรือสามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม
และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)
Line ID : @antifakenewscenter เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com
ที่มา :
https://www.thaipbs.or.th/news/content/345222
10 อันดับข่าวปลอมที่คนหลงเชื่อมากที่สุด! ดีอีเตือน อย่าตกเป็นเหยื่อ แนะยึดหลัก '4 ไม่' ก่อนคลิกลิงก์ ป้องกันตัวเอง
"ดีอี" เตือน อย่าเชื่อ-แชร์ ข่าวปลอม หวั่นสร้างความสับสนประชาชน พบ 6 ใน 10 อันดับ
เกี่ยวข้องกับข่าวอาชญากรรมออนไลน์ เตือนให้ยึดหลัก "4 ไม่" ก่อนกดลิงก์
10 อันดับ ข่าวปลอมอาชญากรรมออนไลน์คนสนใจที่สุด
1.) เหยื่อจากคอลเซ็นเตอร์ ลงทะเบียนขอรับเงินคืน 3 ช่องทาง ผ่านเพจ ศูนย์ช่วยเหลือเหยื่อมิจฉาชีพทางออนไลน์
2.) เปิดให้ลงทุนในธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อ เริ่มต้น 1,200 บาท ผลตอบแทน 10-30% กำกับดูแลโดย ก.ล.ต.
3.) ตลาดหลักทรัพย์ฯ สอนเล่นหุ้น ให้คำปรึกษาแนะนำการซื้อขาย เริ่มต้นที่ 1,000 บาท
4.) เหยื่อคอลเซ็นเตอร์ลงทะเบียนคุ้มครองสิทธิเพื่อรับเงินคืนได้ ผ่านทางเพจหน่วยงานต่อต้านภัยสังคม ทางเทคโนโลยี
5.) ป.ป.ท. เปิดเพจรับแจ้งความออนไลน์ ติดต่อตำรวจสอบสวนกลางได้โดยตรง
6.) ปปง. เปิดให้ผู้เสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์แจ้งลงทะเบียนขอรับเงินคืนได้ ผ่านเพจ Crime Suppression Division
7.) กรุงไทยใจป้ำ สินเชื่อเพื่อเดอะแบก วงเงินอนุมัติสูงสุดถึง 10 เท่าของรายได้ต่อเดือน สูงสุด 3 ล้านบาท
8.) กรุงไทยเปิดให้ลงทุนระยะสั้น 1,125 บาท รับ 398 บาท ลงทุนระยะยาว 3,295 บาท รับ 1,129 บาท ผ่านเพจ Krungthai KTX Life
9.) ปปง. จับมือ 2 ธนาคาร คืนเงินเหยื่อจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เปิดให้ลงทะเบียนขอรับเงินคืน ผ่านทางเพจสมาคมเสริมสร้างภัยทางออนไลน์
10.) กระทรวงยุติธรรม เปิดเพจเฟซบุ๊ก กรมคุ้มครองสิทธิ ช่วยเหลือเยียวยาประชาชน
จากการวิเคราะห์ข่าวปลอมที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุด พบว่ามีถึง 6 ใน 10 ข่าวที่เกี่ยวข้องกับโครงการนโยบายของรัฐบาลและหน่วยงานรัฐ
โดยเฉพาะการลงทะเบียนคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ข่าวปลอมอันดับ 1 คือเรื่องการลงทะเบียนรับเงินคืนสำหรับเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผ่าน 3 ช่อง
ทางบนเพจ "ศูนย์ช่วยเหลือเหยื่อมิจฉาชีพทางออนไลน์" ซึ่งตรวจสอบแล้วว่าเป็นข้อมูลเท็จ
ดีอีแนะนำให้ตรวจสอบข่าวก่อนเชื่อ โดยยึดหลัก 4 ไม่
1. ไม่กดลิงก์
2. ไม่เชื่อ
3. ไม่รีบ
4. ไม่โอน"
แนะประชาชนควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด
โดยสามารถสอบถามผ่าน สายด่วน 1111 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
พร้อมกันนี้ขอให้ยึดหลัก 4 ไม่หรือสามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม
และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)
Line ID : @antifakenewscenter เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com
ที่มา : https://www.thaipbs.or.th/news/content/345222