รู้จักประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption Insurance) หรือ BI เพื่อนแท้ผู้ประกอบการ

ในปี 2563 นี้ เป็นปีที่หลายๆคนได้ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็น “ปีที่หนักหน่วง” ตั้งแต่ต้นปีก็มีเหตุการณ์หลายๆอย่างเกิดขึ้น ทั้งการก่อเหตุการณ์ไม่สงบ เศรษฐกิจโลกที่ทรุดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งเศรษฐกิจภายในประเทศไทยเองที่ถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์ภัยพิบัติ ความแปรปรวนของธรรมชาติ และที่สำคัญ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งล้วนสร้างความลำบากให้แก่เราทุกๆคนอย่างทั่วถึงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ ที่มักจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติที่กล่าวมาข้างต้น และเมื่อผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากวิกฤติต่างๆ ผลจากวิกฤตินั้นก็จะถูกส่งต่อไปยังลูกจ้างที่จะถูกเลิกจ้างตามมา และส่งต่อไปเป็นลูกโซ่ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อจำนวนผู้ถูกเลิกจ้างเพิ่มมากขึ้น ผู้ที่ทำการค้าขายก็จะไม่สามารถค้าขายได้ และเมื่อเหตุการณ์นี้ขยายวงกว้างออกไป ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมเกิดการทรุดตัวลง อย่างที่เราสามารถสังเกตุได้ในปีนี้
 
แล้วมีทางเป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ประกอบการธุรกิจจะไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพียงลำพัง เมื่อธุรกิจเกิดหยุดชะงักขึ้น?
 
คำตอบคือ ได้!
หากผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆมี “ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก”
 
ทำความรู้จักกับประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก
การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก หรือ BUSINESS INTERRUPTION (BI) เป็นกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายสืบเนื่องจากกรมธรรม์คุ้มครองทรัพย์สิน เช่น กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (INDUSTRIAL ALL RISKS) หรือ กรมธรรม์อัคคีภัย เป็นต้น
นั่นคือเมื่อกิจการเกิดความเสียหายจากภัยที่คุ้มครองตามกรมธรรม์คุ้มครองทรัพย์สินขึ้น และความเสียหายนั้นส่งผลให้กิจการต้องหยุดชะงักลง ผลคือผู้ประกอบการต้องสูญเสียผลประกอบการ กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักนี้จะทำงาน โดยบริษัทผู้รับประกันภัยจะชดใช้ผลประกอบการของเจ้าของธุรกิจต้องสูญเสียไป จนกว่ากิจการจะกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ (ทั้งนี้เป็นตามเงื่อนไขกรมธรรม์)
 
ยกตัวอย่าง  กิจการของนาย A เป็นโรงงานผลิตสินค้าแห่งหนึ่ง ทำประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (INDUSTRIAL ALL RISKS) ระบุทุนประกันไว้ 100 ล้านบาท ตามมูลค่าที่แท้จริง โดยกิจการนี้มีผลประกอบการเดือนละ 500,000 บาท
 
ต่อมา… เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น ทำให้โรงงานได้รับความเสียหายจำนวน 50% บริษัทประกันจะต้องจ่ายค่าเสียหายตามจริง นั่นคือ 50 ล้านบาท 
 
และพบว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้โรงงานไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามปกติได้ โดยต้องใช้ระยะเวลา 5 เดือน ในการซ่อมแซม 
 
ทำให้ นาย A สูญเสียผลประกอบการ 2,500,000บาท หากนายเอ ได้ทำกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักไว้ กรมธรรม์นี้จะทำงานและชดเชยความเสียหายส่วนนี้ (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์) นาย A จะไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหายส่วนนี้เพียงลำพัง

ดังนั้น ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก จึงเป็นทางเลือกที่สำคัญต่อธุรกิจ เพื่อที่ผู้ประกอบการจะไม่ต้องรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่ไม่คาดคิดแต่เพียงผู้เดียว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่