“เพื่อไทย” จี้ เยียวยาปชช.ก่อนซื้ออาวุธ ข้องใจ อยู่ในวิกฤต ยังจะสอดไส้เข้ามาอีก
https://www.matichon.co.th/politics/news_2151762
“เพื่อไทย” จี้ เยียวยาประชาชน ก่อนซื้ออาวุธ จี้ “ประยุทธ์” ต้องตอบ ปชช.กำลังเผชิญปัญหาทำไมกองทัพยังพยายามซื้ออาวุธตลอดเวลา
เมื่อวันที่ 22 เมษายน นาย
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงโครงการจัดซื้อจัดจ้างยานเกราะพร้อมอาวุธของกองทัพบก มูลค่า 4.5 พันล้านบาท ว่า
ในสถานการณ์ที่ประชาชนกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำไมกองทัพพยายามจัดซื้ออาวุธตลอดเวลา พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องมีคำตอบ จัดลำดับความสำคัญของปัญหาอย่างไร ในขณะที่การเยียวยาประชาชนล้มเหลว แต่จะจัดซื้อยานเกราะล้อยาง ถึง 50 คัน เป็นเงินสูงถึง 4,515 ล้านบาท จะแก้เกี้ยวว่าเป็นงบผูกพัน งบค้างท่อ ก็คงฟังยาก เพราะเอกสารเพิ่งจะอนุมัติในวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมานี้เอง ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้รัฐบาลตัดงบประมาณซื้ออาวุธไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำไมไม่โอนงบประมาณมาช่วยเยียวยาประชาชน ถ้าไม่ซื้อยานเกราะล้อยาง 50 คัน 4,515 ล้านบาท จะสามารถเยียวยาประชาชนคนละ 5,000 บาท 3 เดือน ได้ 301,000 คน ประชาชนตั้งคำถามว่า ตกลงจะไว้วางใจกองทัพไม่ได้เลยหรือ เผลอไม่ได้ เผลอเป็นซื้ออาวุธ เมื่อคราวเรือยกพลขึ้นบก 6,100 ล้านบาท ก็โดนประชาชนตำหนิไปครั้งหนึ่งแล้ว พอเรื่องซา บวกกับสถานการณ์โควิดชุลมุน ก็สอดไส้ซื้อยานเกราะล้อยาง 4,515 ล้านบาท เข้ามาอีก
“
กองทัพต้องตระหนักในการจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาประเทศ การเยียวยาประชาชนควรเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องดำเนินการให้เกิดผลโดยเร็ว” นาย
อนุสรณ์ กล่าว
หมอทศพร กางแผน แนะรัฐ 8 ข้อ จี้เปิดเมือง ก็แก้ปัญหาโควิดได้!
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3996670
หมอทศพร กางแผน "เข้มสุขภาพ คลายเศรษฐกิจ" แนะรัฐบาล 8 ข้อ จี้เปิดเมือง ก็แก้ปัญหาโควิดได้ ชี้ มีประชาชนทุกข์ร้อนถึงขนาดจะฆ่าตัวตาย
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ผอ.ศูนย์ร่วมใจสู้ภัยโควิด-19 พรรค พท. กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย จากตัวเลขล่าสุดเมื่อวันที่ 21 เม.ย. มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 19 คน 14 วันที่ผ่านมาจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ มีจำนวน 19-111 คน 13 วันที่ผ่านมา มีจำนวน 19 -54 คน และ 7 วันที่ผ่านมามีจำนวน 19 -30 คน
จะเห็นได้ว่า มาตรการการป้องกันโรคทั้งการดูแลสุขอนามัยตัวเองของประชาชน การรักษาระยะห่างเป็นไปด้วยดี การควบคุมโรค การปิดสนามบิน การคัดกรองและกักกันผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทำกันอย่างเข้มงวดในระยะหลัง
ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงการรักษาพยาบาลมีจำนวนผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านเพิ่มมากขึ้นจำนวนผู้ป่วยที่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลลดลง แต่ในขณะเดียวกันประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนัก ต้องหยุดงาน ตกงาน ไม่มีเงินทองจับจ่ายใช้สอยในการดำรงชีวิต
การเยียวยาของกระทรวงการคลังไม่ทั่วถึงเราจะเห็นภาพคนที่ไปเรียกร้องสิทธิ์ที่จะได้รับเงิน 5000 บาทที่กระทรวงการคลัง คนจำนวนมากออกมาเบียดเสียดยัดเยียดรับแจกอาหาร รับเงิน มีคนที่ทุกข์หนักจนถึงขนาดฆ่าตัวตาย
นพ.
ทศพร กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งผ่อนคลายมาตรการโดยใช้หลักการของ WHO และหลักการทางการแพทย์เป็นลำดับขั้น จึงขอเสนอแนวทาง “
เข้มสุขภาพ คลายเศรษฐกิจ”
1. การปิดสนามบินเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิดจากต่างประเทศอาจจะต้องทำต่อไป แต่ต้องเร่งนำคนไทยที่ติดอยู่ในต่างประเทศกลับมาสู่เมืองไทย โดยมีมาตรการกักกันอย่างเข้มงวด
2. การเดินทางระหว่างจังหวัดยังต้องคงความเข้มงวดในการคัดกรอง และการกักกันผู้เดินทางมาจากจังหวัดหรือสถานที่ที่มีการระบาดของโรคอยู่
3. เร่งตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อ และภูมิคุ้มกันของประชาชนในประเทศให้มากขึ้นอย่างทั่วถึง
4. เร่งทบทวนและเสริมความรู้ ให้ประชาชนทุกคนในการดูแลป้องกันตนเอง ให้เจ้าหน้าที่รัฐทั้งฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น อสม.ที่จะดูแลป้องกันชุมชนแต่ละชุมชน
5. เร่งเสริมความพร้อมของหน่วยงานสาธารณสุขโรงพยาบาล ในเรื่องสถานที่ ห้องตรวจ ห้องคนไข้ ห้องไอซียู อุปกรณ์การแพทย์ อุปกรณ์การป้องกันตัวของเจ้าหน้าที่ ยาต้านโควิด-19 ตลอดจนหน้ากาก แอลกอฮอล์ให้เพียงพอ
6. เตรียมความพร้อมของสถานประกอบการธุรกิจต่างๆ โรงเรียน บ้านพักคนชราสถานที่สาธารณะต่างๆ ที่จะต้องมีการคัดกรอง มีห้องน้ำที่ถูกสุขลักษณะ มีที่ให้ล้างมืออย่างพอเพียง การจัดสถานที่ไม่ให้คนแออัด
7. จัดลำดับความสำคัญของกิจการต่างๆ ทั้งกิจการสาธารณะ สถานประกอบการและธุรกิจต่างๆ ที่จะเปิดตามลำดับในแต่ละพื้นที่แต่ละชุมชน
8. กำหนดมาตรการที่จะผ่อนคลายทั้งประเทศโดยรวมและมาตรการที่จะผ่อนคลายในแต่ละจังหวัด แต่ละพื้นที่ตามสถานการณ์ของศักยภาพในการควบคุมโรคและสภาพเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ก่อนถึงการปลดมาตรการทั้งหมด รัฐบาลต้องรีบจ่ายเงินเยียวยาให้คนทั้งประเทศอย่างทั่วถึงและทันที
JJNY : พท.จี้เยียวยาปชช.ก่อนซื้ออาวุธ/หมอทศพรแนะรัฐ8ข้อ จี้เปิดเมือง/วิโรจน์แนะ20มหาเศรษฐี/ป้ามลสงสัยพม.ทำอะไรอยู่
https://www.matichon.co.th/politics/news_2151762
เมื่อวันที่ 22 เมษายน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงโครงการจัดซื้อจัดจ้างยานเกราะพร้อมอาวุธของกองทัพบก มูลค่า 4.5 พันล้านบาท ว่า
ในสถานการณ์ที่ประชาชนกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำไมกองทัพพยายามจัดซื้ออาวุธตลอดเวลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องมีคำตอบ จัดลำดับความสำคัญของปัญหาอย่างไร ในขณะที่การเยียวยาประชาชนล้มเหลว แต่จะจัดซื้อยานเกราะล้อยาง ถึง 50 คัน เป็นเงินสูงถึง 4,515 ล้านบาท จะแก้เกี้ยวว่าเป็นงบผูกพัน งบค้างท่อ ก็คงฟังยาก เพราะเอกสารเพิ่งจะอนุมัติในวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมานี้เอง ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้รัฐบาลตัดงบประมาณซื้ออาวุธไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำไมไม่โอนงบประมาณมาช่วยเยียวยาประชาชน ถ้าไม่ซื้อยานเกราะล้อยาง 50 คัน 4,515 ล้านบาท จะสามารถเยียวยาประชาชนคนละ 5,000 บาท 3 เดือน ได้ 301,000 คน ประชาชนตั้งคำถามว่า ตกลงจะไว้วางใจกองทัพไม่ได้เลยหรือ เผลอไม่ได้ เผลอเป็นซื้ออาวุธ เมื่อคราวเรือยกพลขึ้นบก 6,100 ล้านบาท ก็โดนประชาชนตำหนิไปครั้งหนึ่งแล้ว พอเรื่องซา บวกกับสถานการณ์โควิดชุลมุน ก็สอดไส้ซื้อยานเกราะล้อยาง 4,515 ล้านบาท เข้ามาอีก
“กองทัพต้องตระหนักในการจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาประเทศ การเยียวยาประชาชนควรเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องดำเนินการให้เกิดผลโดยเร็ว” นายอนุสรณ์ กล่าว
หมอทศพร กางแผน แนะรัฐ 8 ข้อ จี้เปิดเมือง ก็แก้ปัญหาโควิดได้!
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3996670
หมอทศพร กางแผน "เข้มสุขภาพ คลายเศรษฐกิจ" แนะรัฐบาล 8 ข้อ จี้เปิดเมือง ก็แก้ปัญหาโควิดได้ ชี้ มีประชาชนทุกข์ร้อนถึงขนาดจะฆ่าตัวตาย
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ผอ.ศูนย์ร่วมใจสู้ภัยโควิด-19 พรรค พท. กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย จากตัวเลขล่าสุดเมื่อวันที่ 21 เม.ย. มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 19 คน 14 วันที่ผ่านมาจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ มีจำนวน 19-111 คน 13 วันที่ผ่านมา มีจำนวน 19 -54 คน และ 7 วันที่ผ่านมามีจำนวน 19 -30 คน
จะเห็นได้ว่า มาตรการการป้องกันโรคทั้งการดูแลสุขอนามัยตัวเองของประชาชน การรักษาระยะห่างเป็นไปด้วยดี การควบคุมโรค การปิดสนามบิน การคัดกรองและกักกันผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทำกันอย่างเข้มงวดในระยะหลัง
ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงการรักษาพยาบาลมีจำนวนผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านเพิ่มมากขึ้นจำนวนผู้ป่วยที่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลลดลง แต่ในขณะเดียวกันประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนัก ต้องหยุดงาน ตกงาน ไม่มีเงินทองจับจ่ายใช้สอยในการดำรงชีวิต
การเยียวยาของกระทรวงการคลังไม่ทั่วถึงเราจะเห็นภาพคนที่ไปเรียกร้องสิทธิ์ที่จะได้รับเงิน 5000 บาทที่กระทรวงการคลัง คนจำนวนมากออกมาเบียดเสียดยัดเยียดรับแจกอาหาร รับเงิน มีคนที่ทุกข์หนักจนถึงขนาดฆ่าตัวตาย
นพ.ทศพร กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งผ่อนคลายมาตรการโดยใช้หลักการของ WHO และหลักการทางการแพทย์เป็นลำดับขั้น จึงขอเสนอแนวทาง “เข้มสุขภาพ คลายเศรษฐกิจ”
1. การปิดสนามบินเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิดจากต่างประเทศอาจจะต้องทำต่อไป แต่ต้องเร่งนำคนไทยที่ติดอยู่ในต่างประเทศกลับมาสู่เมืองไทย โดยมีมาตรการกักกันอย่างเข้มงวด
2. การเดินทางระหว่างจังหวัดยังต้องคงความเข้มงวดในการคัดกรอง และการกักกันผู้เดินทางมาจากจังหวัดหรือสถานที่ที่มีการระบาดของโรคอยู่
3. เร่งตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อ และภูมิคุ้มกันของประชาชนในประเทศให้มากขึ้นอย่างทั่วถึง
4. เร่งทบทวนและเสริมความรู้ ให้ประชาชนทุกคนในการดูแลป้องกันตนเอง ให้เจ้าหน้าที่รัฐทั้งฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น อสม.ที่จะดูแลป้องกันชุมชนแต่ละชุมชน
5. เร่งเสริมความพร้อมของหน่วยงานสาธารณสุขโรงพยาบาล ในเรื่องสถานที่ ห้องตรวจ ห้องคนไข้ ห้องไอซียู อุปกรณ์การแพทย์ อุปกรณ์การป้องกันตัวของเจ้าหน้าที่ ยาต้านโควิด-19 ตลอดจนหน้ากาก แอลกอฮอล์ให้เพียงพอ
6. เตรียมความพร้อมของสถานประกอบการธุรกิจต่างๆ โรงเรียน บ้านพักคนชราสถานที่สาธารณะต่างๆ ที่จะต้องมีการคัดกรอง มีห้องน้ำที่ถูกสุขลักษณะ มีที่ให้ล้างมืออย่างพอเพียง การจัดสถานที่ไม่ให้คนแออัด
7. จัดลำดับความสำคัญของกิจการต่างๆ ทั้งกิจการสาธารณะ สถานประกอบการและธุรกิจต่างๆ ที่จะเปิดตามลำดับในแต่ละพื้นที่แต่ละชุมชน
8. กำหนดมาตรการที่จะผ่อนคลายทั้งประเทศโดยรวมและมาตรการที่จะผ่อนคลายในแต่ละจังหวัด แต่ละพื้นที่ตามสถานการณ์ของศักยภาพในการควบคุมโรคและสภาพเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ก่อนถึงการปลดมาตรการทั้งหมด รัฐบาลต้องรีบจ่ายเงินเยียวยาให้คนทั้งประเทศอย่างทั่วถึงและทันที