ประชาชนชาวเท็กซัส ประเทศอเมริกาประท้วงให้ทำการ "เปิดเมือง" เร็วกว่าที่กำหนด

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้ยุ้ยมีข่าวอัพเดต เกี่ยวกับอเมริกานะคะ

เนื่องจากมีสำนักข่าวหลายสำนักได้ทำข่าวเกี่ยวกับประชาชนขอให้ทำการเปิดเมืองแบบรวมๆแล้ว

วันนี้ยุ้ยขอมาเล่าข่าวเฉพาะรัฐที่ยุ้ยอาศัยอยู่หน่อยนะคะ 



รัฐเท็กซัสเป็นรัฐที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศอเมริกา
รองจากอลาสก้า แต่ถ้าเทียบถึงปริมาณประชากรแล้ว
เท็กซัสมีประชากรเป็นรองแค่รัฐแคลิฟอร์เนียเท่านั้น
โดยการกำหนด สส. ( House of Representatives)ในสภานั้นจะอ้างอิงจากจำนวนประชากรเป็นหลัก
ซึ่ง แคลิฟอร์เนียนั้นมี 53 คน
เท็กซัสได้ไป 36 คน (โดยปัจจุบันรัฐเท็กซัสมีประชากรมากถึง 33 ล้านคนไปแล้วค่ะ)



อ้างอิงจาก wikipedia

เอาล่ะคะมาเข้าเรื่องกันดีกว่า

เหตุการณ์มันเริ่มมาจากวันที่ 16 เมษายน 2563 : เป็นวันที่ทรัมป์ ได้ออกมาประกาศว่า จะเปิดประเทศ
ซึ่งการประกาศครั้งนี้เป็นตัวจุดชนวนความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐในอเมริกา


ภาพจาก : washington time

 
  
ภาพ ชาวTexasไปประท้วงอยู่หน้าสภาการรัฐในเมืองAustin, Texas  จาก business insider

โดยใจความหลักก็คือ ทรัมป์ประกาศออกมาว่าจะเปิดประเทศ แล้วได้ย้ำว่าแต่ละรัฐจะเปิดเมืองเร็วช้า ก็ขึ้นอยู่กับผู้ว่าและหน่วยราชการของแต่ละรัฐด้วยค่ะ อารมณ์เหมือนโยนมาให้รัฐรับผิดชอบเองเพราะตัวเค้าเองนั้นอยากให้เปิดประเทศ(ซะงั้น)

มาถึงตรงนี้แล้ว ยุ้ยขออธิบายเพิ่มเติมนิดนึงนะคะ

อเมริกานั้นแบ่งการอำนาจปกครองออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ สภา, ตุลาการ, และประธานาธิบดี เชื่อว่าอันนี้ทุกคนอาจจะรู้กันอยู่แล้ว
การมีการแบ่งอำนาจในการจัดการบริหารย่อยลงไปอีกคือ

1. Federal power - อำนาจการปกครองมาจากส่วนกลาง (ประธานาธิบดี, สภา, ตุลาการ)
2. Reserve power(state power) - อำนาจการปกตรองมาจากมลรัฐในแต่ล่ะรัฐ



โดยอำนาจเหล่านี้จะถูกแบ่งให้เท่าๆ กันและมีการ Check & Balance เกิดขึ้นกันบ่อยมากๆ หรือเรียกว่า ถ่วงดุลอำนาจกันตลอดเวลา

ยกตัวอย่างสั้นๆ คือ Gay marriage (การแต่งงานเพศเดียวกัน)
federal บอกว่า การแต่งงานชายกับชาย หรือหญิงกับหญิง( gay marriage )นั้นถูกกฏหมาย



แต่ไม่ได้แปลว่า คุณจะสามารถแต่งงานกับเพศเดียวกันได้ในทุกรัฐนะคะ
อย่างรัฐ เท็กซัสนั้นเป็นหัวอนุรักษ์นิยม(conservative) มากๆ ทำให้การแต่งงานแบบเพศเดียวกันในรัฐนี้ถือว่าผิดกฏหมายคะ

ที่มา : same sex marriage in texas




วันถัดมา (ศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563) ผู้ว่าของรัฐTexas คุณ Abbott ก็ออกมาประกาศว่า การเปิดเมืองเนี่ยจะเปิดครั้งเดียววันที่1พฤษภาคม ทั้งหมดทุกอย่างไม่ได้นะ แต่เราจะค่อยๆเปิดที่ละบางส่วนก่อน เพราะที่ปรึกษาของเค้าที่เป็นคนชำนาญด้านการเกิดโรคระบาดและหมอก็ให้ความเห็นในส่วนนี้ด้วย
ปัญหาก็เลยเกิดขึ้นตามมาทันทีค่ะ

ทำให้ เมื่อวันเสาร์ที่18เมษายน2563  ก่อให้เกิดการประท้วงเพราะประชาชนบางส่วนนั้นอยากให้เปิดเมืองทันทีเพราะว่าต้องการกลับไปทำงานเหมือนเดิม





https://www.dallasnews.com/news/public-health/2020/04/18/protest-to-end-stay-at-home-policies-planned-at-texas-capitol/

ส่วนปัจจัยที่ก่อให้เกิดการประท้วงครั้งนี้ก็มีมูลเหตุมาจาก :

1. ต้องการกลับไปทำงาน : ประชาชนบางส่วนเค้าเห็นข่าวแล้ว ก็อยากให้ทางราชการของทางTexasเปิดเมืองทันที เลยได้ไปประท้วงกดดันผู้ว่าและหน่วยงานราชการ



2.ไม่มีเงินใช้แล้ว - ไม่ใช่ทุกคนในอเมริกาที่จะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลนะคะ บางคนก็ไม่ได้Paycheck(เงินสนับสนุนจากรัฐที่คุ้มครองคนตกงานในช่วงโควิดระบาด)หลังตกงาน เพราะว่าบางคนไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์กับคณะกรรมการแรงงานเท็กซัสเพื่อยื่นเรื่องการว่างงานและบางธุรกิจขนาดเล็กไม่ได้สมัครโครงการที่รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง ซึ่งหยุดรับสมัครไปแล้ว

3. เห็นด้วยกับทรัมป์ - คนที่สนับสนุนทรัมป์และพรรคRepublican ก็อยากให้ไล่นายแพทย์Fuaciออกด้วย เพราะนายแพทย์คนนี้ เป็นคนที่เห็นว่าจะเปิดประเทศเร็วไปหรือเปล่า ก็เรียกได้ว่าชะลอการเปิดประเทศได้ในระดับหนึ่งค่ะ



4. มองว่าไวรัสเป็น Fake News -  มีประชาชนหลายคนในอเมริกาเชื่อว่า “ข่าวเกี่ยวกับโควิดเป็นของปลอม” คนที่ไปประท้วงก็บอกกับนักข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นแผนการส่วนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อบ่อนทำลายทรัมป์และที่โรงพยาบาลในเท็กซัสนั้นว่างเปล่าและข่าวเรื่องไวรัสถูกกุขึ้น จากบุคคลากรทางการแพทย์ นักการเมืองและสื่อมวลชน


เราจะเห็นป้ายที่คนมาประท้วงถือกัน อย่างเช่น



 “Vaccines can cause cancer and death" = วัคซีนสามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งและตายได้



“Every job is essential” = ทุกงานทุกอาชีพเป็นสิ่งที่สำคัญ(ต่อชีวิต)



“Open Now!" =เปิด(เมือง)เดี๋ยวนี้



การปกครองเมืองที่อเมริกาดีตรงที่ว่าทุกรัฐสามารถนำแผนการเปิดเมืองของรัฐบาลส่วนกลางมาพิจารณาเปิดเมืองของตนได้ค่ะ อย่างเมืองที่เราอยู่Dallas มีผู้ติดเชื้อค่อนข้างจะเยอะ เป็นอันดับสองของcity(อารมณ์ประมาณ “ตำบล”)ทั้งหมด แต่ละตำบลก็จะมีJudge(อารมณ์ประมาณ “เจ้าเมือง”)  เอาไว้พิจารณาว่า ตำบลนั้นจะเปิดหรือปิดเมืองหรือไม่ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดเชื้อว่ามากน้อยแค่ไหนค่ะ 

เราโชคดีหน่อยที่ เจ้าเมืองDallas  Jenkins เป็นคนที่เก่งมากค่ะ 
วันนี้ 21 เมษายน 2563 ตอนบ่าย2 หรือตี2ประเทศไทยค่ะ เค้าประกาศ ยังไม่เปิดเมืองค่ะ จนกว่าจะถึง 15 พฤษภาคม 2563 
(ซึ่งตอนแรก ที่ได้ยินว่าAbbotจะเปิดเมืองทั้งหมด ก็แอบคิดในใจว่าไม่ปลอดภัยแล้วหล่ะ กลับไทยดีไหม)
เค้าเป็นคนที่โทรคุยกับCDC(กรมควบโรคอเมริกา)โดยตรง
https://www.dallasnews.com/news/public-health/2020/04/21/dallas-county-extends-stay-at-home-order-until-may-15/


รูป : เจ้าเมืองDallas  Jenkins

เอาจริงๆนะคะ เราก็เห็นด้วยกับการที่ทรัมป์เปิดประเทศนะ
โดยมีเหตุผลต่างๆ ดังนี้

1. ลดค่าใช้จ่ายของรัฐในการจ่ายเงินให้กับคนที่หยุดงาน (แต่เอาเงินไปโอบอุ้มบริษัทน้ำมันแทน) 
2. ลดการเกิดเหตุจลาจล
คนที่กลัวติดเชื้อหรือเป็นคนที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อก็อยู่ในบ้านไป
ส่วนคนสุขภาพแข็งแรงก็ทำงานได้ เงินก็ได้จากการทำงานนี่แหละ  

ถ้าเกิดว่าติดเชื้ออะ คนที่มาประท้วงกันก็จะได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญด้วยตนเอง คือคนอเมริกา เค้าไม่ชอบให้ใครบังคับเค้า
แต่เค้าจะต้องลองด้วยตนเอง ถึงจะเข้าใจค่ะ

แล้วการที่เค้าติดเชื้อ เค้าจะมาโทษรัฐไม่ได้ มันคือความสมัครใจว่า มันคือร่างกายของเค้า ถ้าเค้าจะติดเชื้อก็คือเค้าเลือกที่จะเสี่ยงชีวิตตัวเองออกมาทำงานข้างนอก เพื่อจะแลกกับการได้รับเงิน 

แต่เรื่องบอกว่า เปิดประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหรือทำให้คนกลับมาทำงานได้เหมือนเดิมนั้น ยุ้ยคิดว่าน่าจะเป็นไปไม่ได้เลยเพราะไวรัสยังมีอยู่และนี่แถมยังบอกว่าการใส่หน้ากากนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล รัฐห้ามมาบังคับอีก

ส่วนที่เค้าบอกว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เราไม่คิดว่าอย่างงั้นนะ ยังไงเศรษฐกิจก็จะแย่อยู่แล้วหล่ะ แต่อาจจะไม่แย่จมดิน แต่เรียกว่าอาจจะเป็นการยื้อเวลา ของการพังของเศรษฐกิจลงมากกว่าค่ะ



ณ ปัจจุบัน (วันที่ 21 เมษายน 2563 เวลา 11:41 p.m. เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส)
จำนวนผู้ติดเชื้อของอเมริกานั้นมีอยู่ที่ 827,093 คน, ตาย 45,430 คนจากจำนวนประชากร 328 ล้านคน
จำนวนผู้ติดเชื้อในรัฐเท็กซัสมีอยู่ 20,921 คน, ตาย 545 คน จากจำนวนประชากร 33 ล้านคน
จำนวนผู้ติดเชื้อในเมือง ดัลลัส, รัฐเท็กซัสมีอยู่ 2,602 คน, ตาย 64 คน จากจำนวนประชากร 2 ล้านกว่าคน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่