หลวงตามหาบัว เกิด พ.ศ.2456 ที่ บ้านตาด อุดรธานี นามเดิมว่า บัว โลหิตดี
เมื่ออายุครบ 20 ปี พ่อแม่ขอร้องให้บวชตามประเพณีอยู่หลายครั้ง เมื่อขัดไม่ได้ท่านก็ตั้งใจว่าจะบวชเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น
ท่านได้บวชที่ ณ วัดโยธานิมิตร อุดรธานี
ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์
ท่านตั้งใจบวชเพื่อเอาบุญกุศลจริง ๆ จึงตั้งใจรักษาสิกขาบทวินัยน้อยใหญ่อย่างเคร่งครัด และต่อมาจึงไม่คิดจะลาสิกขาบท
หลวงตาเรียนจบ และสอบได้ทั้งนักธรรมเอก และเปรียญ 3 ประโยคในปีที่ท่านบวชได้ 8 พรรษา ณ วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่
และที่นี่ท่านได้มีโอกาสพบเห็นพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
จากนั้นท่านออกปฏิบัติกรรมฐานไปทางป่าเขาแถบจังหวัดนครราชสีมา แล้วเข้าจำพรรษาที่อำเภอจักราช นับเป็นพรรษาที่ 8 ของการบวช
พ.ศ. 2485 ท่าานเดินทางไปขออยู่ศึกษากับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าวิสุทธิธรรม อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร
และน่าจะไปจำพรรษาที่วัดภูริทัตตถิราวาส กับพระอาจารย์มั่นด้วย เพราะท่านอยู่กับพระอาจารย์มั่นจนท่านละสังขาร
พระอาจารย์มั่นได้เทศน์สอนตรงกับปัญหาที่เก็บความสงสัยฝังใจมานานให้คลี่คลายไปได้ว่า
ดินฟ้าอากาศแร่ธาตุต่างๆ เขาเป็นของเขาเอง
เขาไม่ได้เป็นมรรคผลนิพพาน
เขาไม่ได้เป็นกิเลส
กิเลสจริง ๆ มรรคผลนิพพานจริง ๆ อยู่ที่ใจ
หากกำหนดจิตจ่อด้วยสติที่ใจแล้ว
จะเห็นความเคลื่อนไหวของทั้งธรรม ทั้งกิเลสในใจ
ขณะเดียวกันจะเห็นมรรคผลนิพพานไปโดยลำดับ
พระอาจารย์มั่นเมตตาแนะต่อว่า
ธรรมที่เรียนมาถึงขั้นมหาเปรียญ จะเป็นอุปสรรคต่อการภาวนา เพราะจะเป็นกังวลคอยแต่นำธรรมที่เรียนมานั้น มาเทียบเคียง
ทำให้ใจไม่สงบ กลายเป็นสัญญาอารมณ์คาดคะเนไปที่อื่น
ดังนั้นในเวลาทำความสงบหรือจะใช้ปัญญาคิดค้น ให้ยกธรรมที่เรียนมานั้นขึ้นบูชาไว้ก่อน
ต่อเมื่อถึงกาลอันสมควร ธรรมที่เรียนมาทั้งหมด จะวิ่งเข้ามาประสานกันกับด้านปฏิบัติ และกลมกลืนกันได้อย่างสนิท
พ.ศ. 2492 สิ้นพระอาจารย์มั่นได้มรณภาพลง ท่านพยายามปลีกตัวอยู่ป่าเขาตามลำพัง มุ่งอยู่กับความเพียร
พ.ศ. 2493 ท่านได้ไปยังปฏิบัติธรรมที่วัดดอยธรรมเจดีย์ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร
หลังจากนั้นท่านก็เมตตาสงเคราะห์โลก ด้วยการเทศนาพระเณร-ฆราวาส
ปรากฏออกมาเป็นเทป-หนังสือจำนวนมากโดยแจกเป็นธรรมทานตลอดมา
ดังที่ วัดป่าภูผาแดง อำเภอหนองวัวซอ อุครธานี หลวงปู่ลี กุสลธโร ที่ได้บวชเณรเมื่องานเผาศพพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
แล้วติดตามเป็นศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จนสร้างวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
ได้ทำพินัยกรรมของท่าน คือปัจจัยที่ได้จากงานศพทั้ังหมด ให้นำมาร่วมสร้างเจดีย์หลวงตามหาบัวเท่านั้น
ท่านแนะสอนธรรมะแก่โยมมารดา และให้บวชปฏิบัติธรรม จึงจำเป็นต้องตั้งวัดป่าบ้านตาดขึ้นมา
ตอนที่ไปยังเพิ่งปรับพื้นที่เพื่อสร้างเจดีย์พิพิธภัณฑ์หลวงตามหาบัว
ตรงนี้สถานที่พระราชทานเพลิงสรีระสังขาร หลวงตามหาบัว ณ วัดป่าบ้านตาด
ภายในวัดที่สงบร่มรื่น ก่อนอื่นไปไหว้หลวงตาก่อนนะคะ
วิหาร
โรงครัว
ด้วยเหตุที่ท่านเคยเห็นสภาพคนไข้ ที่ต่างรอความหวังจากหมอ ว่าเป็นสภาพที่น่าสงสารมาก เหมือนคนจนตรอกจนมุม เมื่อวิ่งมาหาหมอ
ท่านจึงได้สงเคราะห์ช่วยเหลือโรงพยาบาลในจังหวัดต่าง ๆ
และอื่น ๆ อีกมากมายที่เป็นสาธารณประโยชน์ที่ท่านได้เมตตาให้แก่พวกเรา
จนแม้กระทั่งช่วยประเทศ เมื่อครั้งวิกฤติต้มยำกุ้ง
<img class="img-in-post in-tiny-editor">
หลาย ๆ วัดที่ไปเที่ยวมา จะพบหอบูรพาจารย์ที่เล่าถึงหลวงตามหาบัว
เช่น วัดเจดีย์หลวง อำเภอเมือง เชียงใหม่
วัดศรีมุงเมือง อำเภอดอยสะเก็ดเชียงใหม่
บันทึกไว้เมื่อ 5 ตุลาคม 2558
สารบัญ
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) - วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง อุดรธานี
เมื่ออายุครบ 20 ปี พ่อแม่ขอร้องให้บวชตามประเพณีอยู่หลายครั้ง เมื่อขัดไม่ได้ท่านก็ตั้งใจว่าจะบวชเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น
ท่านได้บวชที่ ณ วัดโยธานิมิตร อุดรธานี
ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์
ท่านตั้งใจบวชเพื่อเอาบุญกุศลจริง ๆ จึงตั้งใจรักษาสิกขาบทวินัยน้อยใหญ่อย่างเคร่งครัด และต่อมาจึงไม่คิดจะลาสิกขาบท
หลวงตาเรียนจบ และสอบได้ทั้งนักธรรมเอก และเปรียญ 3 ประโยคในปีที่ท่านบวชได้ 8 พรรษา ณ วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่
และที่นี่ท่านได้มีโอกาสพบเห็นพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
จากนั้นท่านออกปฏิบัติกรรมฐานไปทางป่าเขาแถบจังหวัดนครราชสีมา แล้วเข้าจำพรรษาที่อำเภอจักราช นับเป็นพรรษาที่ 8 ของการบวช
และน่าจะไปจำพรรษาที่วัดภูริทัตตถิราวาส กับพระอาจารย์มั่นด้วย เพราะท่านอยู่กับพระอาจารย์มั่นจนท่านละสังขาร
พระอาจารย์มั่นได้เทศน์สอนตรงกับปัญหาที่เก็บความสงสัยฝังใจมานานให้คลี่คลายไปได้ว่า
ดินฟ้าอากาศแร่ธาตุต่างๆ เขาเป็นของเขาเอง
เขาไม่ได้เป็นมรรคผลนิพพาน
เขาไม่ได้เป็นกิเลส
กิเลสจริง ๆ มรรคผลนิพพานจริง ๆ อยู่ที่ใจ
หากกำหนดจิตจ่อด้วยสติที่ใจแล้ว
จะเห็นความเคลื่อนไหวของทั้งธรรม ทั้งกิเลสในใจ
ขณะเดียวกันจะเห็นมรรคผลนิพพานไปโดยลำดับ
พระอาจารย์มั่นเมตตาแนะต่อว่า
ธรรมที่เรียนมาถึงขั้นมหาเปรียญ จะเป็นอุปสรรคต่อการภาวนา เพราะจะเป็นกังวลคอยแต่นำธรรมที่เรียนมานั้น มาเทียบเคียง
ทำให้ใจไม่สงบ กลายเป็นสัญญาอารมณ์คาดคะเนไปที่อื่น
ดังนั้นในเวลาทำความสงบหรือจะใช้ปัญญาคิดค้น ให้ยกธรรมที่เรียนมานั้นขึ้นบูชาไว้ก่อน
ต่อเมื่อถึงกาลอันสมควร ธรรมที่เรียนมาทั้งหมด จะวิ่งเข้ามาประสานกันกับด้านปฏิบัติ และกลมกลืนกันได้อย่างสนิท
พ.ศ. 2492 สิ้นพระอาจารย์มั่นได้มรณภาพลง ท่านพยายามปลีกตัวอยู่ป่าเขาตามลำพัง มุ่งอยู่กับความเพียร
พ.ศ. 2493 ท่านได้ไปยังปฏิบัติธรรมที่วัดดอยธรรมเจดีย์ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร
หลังจากนั้นท่านก็เมตตาสงเคราะห์โลก ด้วยการเทศนาพระเณร-ฆราวาส
ปรากฏออกมาเป็นเทป-หนังสือจำนวนมากโดยแจกเป็นธรรมทานตลอดมา
ดังที่ วัดป่าภูผาแดง อำเภอหนองวัวซอ อุครธานี หลวงปู่ลี กุสลธโร ที่ได้บวชเณรเมื่องานเผาศพพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
แล้วติดตามเป็นศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จนสร้างวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
ได้ทำพินัยกรรมของท่าน คือปัจจัยที่ได้จากงานศพทั้ังหมด ให้นำมาร่วมสร้างเจดีย์หลวงตามหาบัวเท่านั้น
ตอนที่ไปยังเพิ่งปรับพื้นที่เพื่อสร้างเจดีย์พิพิธภัณฑ์หลวงตามหาบัว
ตรงนี้สถานที่พระราชทานเพลิงสรีระสังขาร หลวงตามหาบัว ณ วัดป่าบ้านตาด
เช่น วัดเจดีย์หลวง อำเภอเมือง เชียงใหม่