ที่ผมเข้าใจ จิต กับ สมาธิ ไม่ขึ้นอยู่กับ ศาสนา ไม่ว่าจะศาสนาไหน คริส อิสลาม พุทธ หรือ ลัทธิอื่นๆ ต่าง ก็ทำ อิทธิ ปาฏิหาริย์ ได้ทั้งนั้น ซึ่ง อิทธิ ปาฏิหาริย์ ก็มีมาก่อน สมัย พุทธกาลด้วยซ้ำ โดยคนที่ทำ อิทธิ ปาฏิหาริย์ ได้ใน กลุ่มแรกๆ ก็คือ ฤาษี
จิต กับ สมาธิ และ อิทธิ ปาฏิหาริย์ อาจจะเป็น ความสามารถเฉพาะ สิ่งมีชีวิต ทรงภูมิปัญญา เท่านั้น ที่ทำได้ สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาในที่นี้ คือ รวม มนุษย์ และ มนุษย์ต่างดาว พวก เทพ เทวดา พรหม รวมถึงสิงมีชีวิต ระดับพระเจ้า ที่ สร้างจักรวาลขึ้นมาได้ แต่ที่แน้ๆ สัตว์เดรัจฉาน ทำ อิทธิ ปาฏิหาริย์
ไม่ได้
อิทธิ ปาฏิหาริย์ อาจจะเป็น ต้นเนิด วิชา เวทมนตร์ ไสยศาสตร์ อันนี้ เป็น สมมุติฐานของผม สมมุติฐานที่ไม่มีหลักฐานมายื่นยัน
การจะได้ อิทธิ ปาฏิหาริย์ เช่น เหาะเหิน เดิน อากาศ ดำดิน เดินบนน้ำ เดินทะลุสิงของ และ สารพัด ฤทธิ์ อื่น อีกมากมาย ได้นั้น จำเป็น ที่ จิต กับ สมาธิ
จะต้อง เข้าถึง ฌานสมาบัติ ฌานระดับ โลกิยะ ถึงจะมาสารถ ทำ ฤทธิ์ ตามที่ผมเข้าใจนะ เมื่อจิตเข้า ฌานสมาบัติ แล้ว จิตจะ สามารถ ควบคุม 4 ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ได้ และ แปลงคุณสมบัติ ธาตุทั้ง 4 ได้ เป็นพื้นฐานของ อิทธิ ปาฏิหาริย์ ส่วนจะได้ ฤทธิ์ ประเภทอะไรนั้น อาจจะขึ้นอยู่กับ จริต แต่ละคนเอา
ซึงการจะ เข้า ฌานสมาบัติ ได้นั้น ไม่ใช้ว่าจะเข้าได้กันทุกคน ถึงจะเป็น ฌานระดับ โลกิยะ ก็เถอะ ถ้าไม่ได้มีบุญ บารมี ที่สะสมกันมาได้ตั้งแต่ ชาติปางก่อน ก็เป็นเรื่อง ยากสำหรับ ปุถุชน จึงมี คนหัวใส่ คนหนึงในสมัยนั้น ซึงก็ไม่รู้เป็นใคร แต่ที่แน้ๆ ทำ อิทธิ ปาฏิหาริย์ ได้แน้นอน อาจะเป็น ฤาษีก็ได้ โดยเค้ามอง ว่า การจะใช้ จิต ควบคุม ธาตุ ทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ แล้วทำให้เกิดฤทธิ์ ได้นั้นเป็นอะไรที่ยากมาก ถ้าจิตไม่เข้าถึง ฌานระดับ โลกิยะ ก็ไม่สามารถทำได้เลย
ฤาษีคนนั้น เลยใช้ อำนาจ ฤทธิ์ บรรจุเขาไปใน คาถา บทสวด เป็นตัวกลางในการใช้ ฤทธิ์ แทน โดยผ่าน อาศัยอำนาจจิตที่แข็งแกร่งเอา ซึงการทำอย่างงั้น
ก็เท่ากับ ว่า ใช้ อิทธิ ปาฏิหาริย์ โดยไม่ต้องผ่าน ฌานสมาบัติ แต่เป็น บทสวด คาถา แทน โดยใช้อำนาจจิตเอา ไม่ว่าจะเป็น ไสยศาสตร์ เวทมนตร์ จากทั่วทุกมุมโลก หรือ อาจจะดาวดวงอื่นด้วยก็ได้ ก็หน้าจะมีพิ้นฐานมาจาก อิทธิ ปาฏิหาริย์ ทั้งนั้น โดยพื้นฐานจริงๆ ก็มีอยู่แค่ สมาธิ กับ จิต
อันนี้ความคิดส่วนตัวของผม จิต กับ สมาธิ มีอะไรให้น้าค้นพบอีกเยอะมาก ถ้านักวิทยาศาสตร์ไม่รีบ ด่วนสรุปว่า จิต กับ สมาธิ เป็นแค่ การทำงานของสมอง
เพราะ เป็นแค่ การทำงานของสมอง เลยจบอยู่แค่นั้น มีไม่มีการตั้ง แนวคิด สมมุติฐาน เลยไม่เกิด การวิจัย การค้นพบเกิดขึ้น เมื่อไม่มีการค้นพบ ก็ไม่มีการ ประยุกต์ใช้งาน
ผมรองคิดเล่นๆดูว่า ถ้านักวิทยศาสตร์ ไขความลับ จิตกับ สมาธิได้ โดยอ้างอิง การค้นพบของ พระพุทธเจ้าเป็นหลัก เราจะได้เห็น คนธรรมดา ใช้ ฤทธิ์ เป็นว่าเล่นๆ อาจจะไม่ต่าง กับ การ์ตูนเรื่อง นารุโตะ เลย ที่ใครๆก็ใช้ คาถา วิชา นินจาได้
ยุคก่อน คน ใช้ ฤทธิ์เป็นว่าเล่น พอมายุคนี้ วิทยาการ เจริญก้าวหน้า คนใช้ ฤทธิ์ อิทธิ ปาฏิหาริย์ รวมถึง เวทมนตร์ ไสยศาสตร์ น้อยลง หรืออาจไม่มีแล้วก็ได้ อาจจะหายไปตามกาลเวลา เป็นไปได้มั่ยที่ เราจะขุดมันขึ้นมาอีก โดยการมา ไข ความลับ จิต กับ สมาธิ ซึ่งการค้นพบเหล่านี้ พระพุทธเจ้าท่านได้ค้นพบมาก่อนแล้ว เหลื่อ แค่หา หลักฐานทาง วิทยาศาสตร์ มาสนับสนุน การค้นพบ พระพุทธเจ้า เมื่อมีหลักฐานที่มากพอ พอนักวิทยาศตร์ ก็มีการวิจัย เมื่อวิจัยได้ สำเร็จ ก็ถือ คร่าว ประยุกต์ใช้ ไม่แน้ถ้ามี การค้นพบแบบนี้ จริง ๆ อาจจำไปสู สงครามการใช้ ฤทธิ์ ก็ได้
ทั้งหมดเป็นแนวคิดของผมเท่านั้นครับ จะมองว่าเป็นแค่ ความเชื่อ หรือ สมมติฐานที่ไม่มีหลักฐานก็แล้วแต่ ท่านๆเลย
ใครมีแนวคิดอื่นๆอะไรก็เชิญมานำเสนอได้ครับ
จิต กับ สมาธิ คือพื้นฐานของ พลัง และ อิทธิ ปาฏิหาริย์ ทั้งหมดทั้งมวลใช้มั่ยครับ รวมถึง เวทมนตร์ ไสยศาสตร์ ด้วย
จิต กับ สมาธิ และ อิทธิ ปาฏิหาริย์ อาจจะเป็น ความสามารถเฉพาะ สิ่งมีชีวิต ทรงภูมิปัญญา เท่านั้น ที่ทำได้ สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาในที่นี้ คือ รวม มนุษย์ และ มนุษย์ต่างดาว พวก เทพ เทวดา พรหม รวมถึงสิงมีชีวิต ระดับพระเจ้า ที่ สร้างจักรวาลขึ้นมาได้ แต่ที่แน้ๆ สัตว์เดรัจฉาน ทำ อิทธิ ปาฏิหาริย์
ไม่ได้
อิทธิ ปาฏิหาริย์ อาจจะเป็น ต้นเนิด วิชา เวทมนตร์ ไสยศาสตร์ อันนี้ เป็น สมมุติฐานของผม สมมุติฐานที่ไม่มีหลักฐานมายื่นยัน
การจะได้ อิทธิ ปาฏิหาริย์ เช่น เหาะเหิน เดิน อากาศ ดำดิน เดินบนน้ำ เดินทะลุสิงของ และ สารพัด ฤทธิ์ อื่น อีกมากมาย ได้นั้น จำเป็น ที่ จิต กับ สมาธิ
จะต้อง เข้าถึง ฌานสมาบัติ ฌานระดับ โลกิยะ ถึงจะมาสารถ ทำ ฤทธิ์ ตามที่ผมเข้าใจนะ เมื่อจิตเข้า ฌานสมาบัติ แล้ว จิตจะ สามารถ ควบคุม 4 ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ได้ และ แปลงคุณสมบัติ ธาตุทั้ง 4 ได้ เป็นพื้นฐานของ อิทธิ ปาฏิหาริย์ ส่วนจะได้ ฤทธิ์ ประเภทอะไรนั้น อาจจะขึ้นอยู่กับ จริต แต่ละคนเอา
ซึงการจะ เข้า ฌานสมาบัติ ได้นั้น ไม่ใช้ว่าจะเข้าได้กันทุกคน ถึงจะเป็น ฌานระดับ โลกิยะ ก็เถอะ ถ้าไม่ได้มีบุญ บารมี ที่สะสมกันมาได้ตั้งแต่ ชาติปางก่อน ก็เป็นเรื่อง ยากสำหรับ ปุถุชน จึงมี คนหัวใส่ คนหนึงในสมัยนั้น ซึงก็ไม่รู้เป็นใคร แต่ที่แน้ๆ ทำ อิทธิ ปาฏิหาริย์ ได้แน้นอน อาจะเป็น ฤาษีก็ได้ โดยเค้ามอง ว่า การจะใช้ จิต ควบคุม ธาตุ ทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ แล้วทำให้เกิดฤทธิ์ ได้นั้นเป็นอะไรที่ยากมาก ถ้าจิตไม่เข้าถึง ฌานระดับ โลกิยะ ก็ไม่สามารถทำได้เลย
ฤาษีคนนั้น เลยใช้ อำนาจ ฤทธิ์ บรรจุเขาไปใน คาถา บทสวด เป็นตัวกลางในการใช้ ฤทธิ์ แทน โดยผ่าน อาศัยอำนาจจิตที่แข็งแกร่งเอา ซึงการทำอย่างงั้น
ก็เท่ากับ ว่า ใช้ อิทธิ ปาฏิหาริย์ โดยไม่ต้องผ่าน ฌานสมาบัติ แต่เป็น บทสวด คาถา แทน โดยใช้อำนาจจิตเอา ไม่ว่าจะเป็น ไสยศาสตร์ เวทมนตร์ จากทั่วทุกมุมโลก หรือ อาจจะดาวดวงอื่นด้วยก็ได้ ก็หน้าจะมีพิ้นฐานมาจาก อิทธิ ปาฏิหาริย์ ทั้งนั้น โดยพื้นฐานจริงๆ ก็มีอยู่แค่ สมาธิ กับ จิต
อันนี้ความคิดส่วนตัวของผม จิต กับ สมาธิ มีอะไรให้น้าค้นพบอีกเยอะมาก ถ้านักวิทยาศาสตร์ไม่รีบ ด่วนสรุปว่า จิต กับ สมาธิ เป็นแค่ การทำงานของสมอง
เพราะ เป็นแค่ การทำงานของสมอง เลยจบอยู่แค่นั้น มีไม่มีการตั้ง แนวคิด สมมุติฐาน เลยไม่เกิด การวิจัย การค้นพบเกิดขึ้น เมื่อไม่มีการค้นพบ ก็ไม่มีการ ประยุกต์ใช้งาน
ผมรองคิดเล่นๆดูว่า ถ้านักวิทยศาสตร์ ไขความลับ จิตกับ สมาธิได้ โดยอ้างอิง การค้นพบของ พระพุทธเจ้าเป็นหลัก เราจะได้เห็น คนธรรมดา ใช้ ฤทธิ์ เป็นว่าเล่นๆ อาจจะไม่ต่าง กับ การ์ตูนเรื่อง นารุโตะ เลย ที่ใครๆก็ใช้ คาถา วิชา นินจาได้
ยุคก่อน คน ใช้ ฤทธิ์เป็นว่าเล่น พอมายุคนี้ วิทยาการ เจริญก้าวหน้า คนใช้ ฤทธิ์ อิทธิ ปาฏิหาริย์ รวมถึง เวทมนตร์ ไสยศาสตร์ น้อยลง หรืออาจไม่มีแล้วก็ได้ อาจจะหายไปตามกาลเวลา เป็นไปได้มั่ยที่ เราจะขุดมันขึ้นมาอีก โดยการมา ไข ความลับ จิต กับ สมาธิ ซึ่งการค้นพบเหล่านี้ พระพุทธเจ้าท่านได้ค้นพบมาก่อนแล้ว เหลื่อ แค่หา หลักฐานทาง วิทยาศาสตร์ มาสนับสนุน การค้นพบ พระพุทธเจ้า เมื่อมีหลักฐานที่มากพอ พอนักวิทยาศตร์ ก็มีการวิจัย เมื่อวิจัยได้ สำเร็จ ก็ถือ คร่าว ประยุกต์ใช้ ไม่แน้ถ้ามี การค้นพบแบบนี้ จริง ๆ อาจจำไปสู สงครามการใช้ ฤทธิ์ ก็ได้
ทั้งหมดเป็นแนวคิดของผมเท่านั้นครับ จะมองว่าเป็นแค่ ความเชื่อ หรือ สมมติฐานที่ไม่มีหลักฐานก็แล้วแต่ ท่านๆเลย
ใครมีแนวคิดอื่นๆอะไรก็เชิญมานำเสนอได้ครับ