Black Shark ได้เปิดตัวเกมมิ่งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั้ง Black Shark 3 และ 3 Pro ที่ประเทศจีนอย่างที่เคยโดยรุ่นธรรมดาจะมีหน้าจอขนาด 6.67 นิ้วความละเอียด FHD+ จะมีรีเฟรชเรท 90Hz และความถี่การตอบสนองหน้าจอ 270Hz ซึ่งถือว่ามากที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน โดยมันจะมีดีเลย์การตอบสนองเพียง 0.028 วินาทีเท่านั้น อีกทั้งยังรองรับการตอบสนองน้ำหนักการกดหน้าจออีกด้วย ใช้เป็นชิปเซต Snapdragon 865 ที่มาพร้อม Ram LPDDR5 12GB แต่ตัว RAM 8 จะเป็น LPDDR4 นะครับ และมีระบบระบายความร้อนแบบ liquid cooling ประกบแหล่งที่ผลิตความร้อนเป็นลักษณะคล้ายกับแซนด์วิช ทำให้อัตราการกระจายความร้อนถึง 2 เท่าและระบายความร้อนเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนด้วย ถือว่าเป็นรุ่นที่เปิดตัวมาสำหรับสายเกมจัดๆและรองรับการใช้งานที่ดีขึ้นพร้อม Hi-res Audio ด้วยครับผม ส่วนหลังจากที่ลองถือว่าทำได้ดีเทียบกับราคาและแบตอึดมาก ส่วนอื่นๆเป็นยังไงมาชมกัน
Blackshark 3 นั้นยังมีเทคโนโลยี BlackShark GameEngine และ SolarCore ที่ช่วยเร่งความเร็วในการโหลดของเกม อีกทั้งยังทำให้มันทำงานได้ลื่นไหลขึ้นโดยใช้พลังงานที่น้อยที่สุดด้วย กล้องหลังของมันจะมีด้วยกัน 3 ตัวประกอบด้วยเลนส์ 64MP + เลนส์กว้าง 120° 13MP + เลนส์ตรวจจับความลึก 5MP และกล้องหน้ามีความละเอียด 20MP นอกจากนั้นมันตัวกล้องยังรองรับการถ่ายภาพไฟล์ RAW Super Night mode ได้ แบตเตอรี่ของ Black Shark 3 จะมีความจุ 4,720mAh ที่ชาร์จเร็ว 65W ที่สามารถชาร์จแบต 50% ได้ในเวลา 15นาทีและใช้เวลา 38 นาทีในการชาร์จแบต 100% นอกจากนี้มันยังรองรับการชาร์จโดยใช้แท่นแม่เหล็กที่ความเร็ว 18W
Xiaomi Blackshark 3 ในไทยยังไม่ได้เข้ามาแบบเป็นทางการครับ เราจึงต้องพึ่งเครื่องหิ้วกันไปก่อน โดยทางร้าน TREE MOBILE นั้นเองที่เราชอบไปกันประจำ Ram8, 128GB เป็นสีดำแบบในภาพ ราคา 17,900 บาท
UNBOX
สำหรับตัวกล่องนั้นยังคงเป็นการออกแบบธีมสีดำแบบเดิมพร้อมขนาดกล่องที่ไม่ได้ต่างจากรุ่น 2 มากนักครับแน่นอนว่าอุปกรณ์ที่ให้มาก็ยังคงให้มาเพียงพอต่อการใช้งานแต่พวกมือถือXiaomi อะไรแนวๆนี้จะไม่ค่อยมีหูฟังให้เท่าไรนักกครับ ส่วนตัวเคส ฟิล์มอะไรมีติดเครื่องมาให้เรียบร้อยกันเลยแหละ พร้อมที่ชาร์จให้มา 30W แต่รับได้ 65W นะตัวเครื่องแต่ต้องไปหาซื้อกันครับ แต่รอบนี้ไม่เห็นมีให้ สติกเกอร์อะไรแถมมาให้แล้วนะครับ และ รู 3.5 กลับมาแล้ว
- มือถือ BLACKSHARK 3
- เคสใส TPU สีเทาดำ
- สาย USB-C ไป USB-A
- ที่ชาร์จ Adaptor 30W
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
เคสนั้นจะเป็นเคสที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนมือถือทั่วไปมากขึ้นสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบายครับแต่ฝาหลังนั้นจะมีการเปิดช่องไว้เยอะมาก แต่ก็ไม่ใช่เคสแบบพลาสติกแข็งแบบรุ่นแรกๆครับ ไม่แน่ใจว่าเปิดข้างหลังเพื่อนที่จะเสียบจอยควบคุมอะไรไหมกับพอร์ตข้างล่างครับ แน่นอนว่าส่วนการปกป้องนั้นค่อนข้างทำได้ดีมากทั้งหน้าและหลัง มีการเว้นส่วนลำโพงไว้บ้างนิดหน่อย ตรงบนขอบบนและขอบล่าง และมีความสูงขึ้นปกป้องได้ดีและหนามากๆ ถือว่าทำได้ดีเห็นความหนาของตัวเคสและการออกแบบของมันครับ ปกป้องด้านหลังได้ดีมากๆ ด้านหลังนั้นจะเว้าในส่วนของกล้องลงไปทั้งหมดและเปิดพื้นที่เยอะมากอาจจะเพื่อการรองรับอุปกรณ์เสริมก็เป็นได้ หรือช่วยระบายความร้อนได้ดีส่วนด้านหน้าก็มีการเสริมมุมเครื่องให้มีความหนาขึ้นเวลาตกกระแทก และมีนูนปกป้องหน้าจอนิดหน่อยด้วยเช่นกัน
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้ต้องบอกว่ามันอิงจากรุ่นก่อนๆมาและพัฒนาขึ้นเยอะพอสมควรเลยครับแน่นอนว่ามันลงตัวขึ้นเยอะและชอบการวางกล้อง และดีไซน์มันดูดีและไม่เหมือนใครจริงๆมีเอกลักษณ์ของตัวเองและการใช้วัสดุดำเงาผสมกับพลสติกยังเป็นดีไซน์แนวทางที่คุ้นเคยดีแต่ไม่ชัวร์ว่าอุปกรณ์เสริมจะใช้งานได้ไหมกับรุ่นก่อนแต่ก็ไม่น่าได้ครับเท่าที่ลองๆดู ส่วนงานประกอบอะไรดูดีเนียนขึ้นและขอบต่างๆสวยสีโอเคขึ้นครับ และในด้านหน้ายังคงมีลำโพงคู่ จอไม่มีติ่งและมีพื้นที่วางนิ้วอยู่บ้างชอบที่ยังวางลำโพงไว้ด้านหน้าครับ และน้ำหนักขนาดกำลังดีไม่หนาหนักเกินไปด้วย
ทางด้านหน้าจอ มาในขนาด 6.67 นิ้วไม่มีติ่งหน้าจอ และ ยังมีขอบเครื่องอยู่ทั้งบนและล่าง (2400 × 1080 นิ้ว) Full HD+ อัตราส่วน 20:9 ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz ทัช 270Hz , 394PPI, HDR 10+, 105% DCI – P3 color gamut, ความสว่าง 500 nits, เทคโนโลยี MEMC ที่เพิ่มความลื่นไหลให้หน้าจอด้วยเช่นกันครับ
ขอบด้านล่างอันนี้น่าตกใจคือทำได้บางมากแม้จะมีลำโพงอยู่ในส่วนของด้านหน้าอะครับอันนี้คือน่าสนใจมากๆเลยยังมีลำโพงและขอบบางครับถือว่าเป็นจุดที่ดีเพราะหลายๆคนยังคงชอบลำโพงแบบนี้ และปุ่มควบคุมมีให้เหมือนเดิม หรือใช้งานเต็มหน้าจอได้ครับ ตัวกระจกหน้าจอเรียบๆไม่โค้งนะครับ
ขอบด้านบนแอบหนากว่านิดหน่อยเพราะต้องมีกล้องหน้า ลำโพง และเซนเซอร์ต่างๆเลยทำให้มีขนาดนิดหน่อยครับ และยังคงขอบไว้ให้สายเกมไว้ใช้งานมันถนัดกว่าแบบไร้ขอบเยอะเลยนะ และจะเห็นว่าลำโพงช่องข้างบนเล็กกว่านิดๆ
ด้านขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของ ไมค์ ปุ่ม Power และ ปุ่มเลื่อนสำหรับเข้า Shark Space ครับในส่วนล่างเครื่องหรือมุมซ้ายของภาพ และจะเห็นขอบเครื่องเป็นโลหะทั้งหมดและและเส้นเสาสัญญาณทั้ง 2 จุดครับผม ตัดขอบสวยงามเลย
ในด้านซ้าย จะเป็นปุ่มเพิ่ม ลดเสียงครับพร้อมกับถาดซิม 2 ซิมรองรับใช้งานได้ Nanosim และ มีซีลยางกันน้ำด้วยส่วนปุ่มอื่นๆไม่มีครับในด้านนี้ แต่ถ้าตัว Pro จะมีปุ่ม L R สำหรับการเล่นเกมมาให้ด้วยครับ
ในส่วนของขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเป็น USB-C พร้อมกับรูไมค์ รวมถึงช่องลำโพงเป็นแนวยาวตามขอบเครื่องครับ
ทางด้านบนมันมีรู 3.5 มม. กลับมาแล้วครับพร้อมใช้งานและและตัวรับสัญญาณอีก 2 จุดด้านบนคือจัดเต็มมาก ส่วนรูไมค์ตัดเสียงอะไรนั้น จะไปอยู่ข้างๆแทนนะครับ และตรงกล้องหลัง ถือว่าให้ไมค์มาเยอะพอสมควรเลยแหละ
ฝาหลังนั้นถือว่าสวยนะเพราะมีการออกแบบของตัวเองไม่เหมือนใคร สมมาตรดีและกล้องหลังวางได้ลงตัวกว่ารุ่น 2 เยอะเลยครับ สีดำเลยทำให้มันดูดีเรียบๆสวยงามและลงตัว ยังคงมีไฟด้านหลัง RGB ปรับแต่งได้ 3 จุดหลักๆครับแต่ไม่มีไฟขอบเครื่องแล้วอันนี้น่าเสียดาย ส่วนตรงข้างล่างจะเป็นพอร์ตเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมและที่ชาร์จต่างๆเสริมฝาหลังโค้งลงเล็กน้อยทำให้จับถนัดมือและเป็นกระจกทั้งหมดแล้วจากที่รุ่นก่อนๆจะเป็นอลูมิเนียมเป็นหลักครับ
กล้องหลัง 3 ตัววางมุมทแยงกัน 3 ตำแหน่งพร้อมไมค์อัดเสียงและไฟแฟลช รวมถึงมีไฟ RGB ขีดๆเล็กแทรกเข้ามาให้เข้ากับสายเกมนิดหน่อย กล้องหลังนั้นมาพร้อมกับ กล้องหลัง 64MP (f/1.8), แฟลช LED, เลนส์ Ultra wide 120° 13MP (f/2.25), เลนส์สำหรับถ่าย portrait 5MP (f/2.2) คุณภาพเท่าที่ลองนั้นใช้งานได้ดีเลยแหละ
SPEC
- Black Shark 3 – หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว (2400 × 1080 นิ้ว) Full HD+ อัตราส่วน 20:9 ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz, 394PPI, HDR 10+, 105% DCI – P3 color gamut, ความสว่าง 500 nits, เทคโนโลยี MEMC ที่เพิ่มความลื่นไหลให้หน้าจอ
- ชิปเซต Snapdragon 865 7nm ที่ใช้การ์ดจอ Adreno 650
- RAM LPDDR5 8GB พร้อม storage (UFS 3.0) 128GB / 256GB
- Android 10
- ซิมคู่ (nano + nano)
- กล้องหลัง 64MP (f/1.8), แฟลช LED, เลนส์ Ultrawide 120° 13MP (f/2.25), เลนส์สำหรับถ่าย portrait 5MP (f/2.2)
- กล้องหน้า 20MP (f/2.2)
- เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
- รูแจ็ค 3.5mm, ลำโพงคู่ 1217 super linear speakers
- ขนาดตัวเครื่อง Black Shark 3 : 168.72×77.33x 10.42mm; น้ำหนัก: 222g
- 5G SA / NSA, Dual 4G VoLTE, WiFi 802.11ax (2×2 MU-MIMO ), Bluetooth 5, GPS/GLONASS/Beidou, USB Type-C
- Black Shark 3 – แบตเตอรี่ 4,720mAh (ที่ชาร์จเร็ว 65W ซื้อแยก)
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของตัวเครื่องในรุ่นนี้มาพร้อมกับการใช้งาน Snapdragon 865 ที่ทำงานร่วมกับ UFS 3.0 128GB และ RAM 8GB DDR4X ด้วยทำให้ประสิทธิภาพในงานเปิดตัวนั้นทำไปได้ 558478 ครับ ทำคะแนนในส่วนของ Geekbench ไปได้ที่ 4285แกนเดียว และ 13408 หลายแกน ส่วน UFS 3.0 ทำให้การอ่านเขียนพุ่งไปแตะ 1,579 MB/S และ ตัวความปลอดภัยนั้นเป็นปกติของแบรนด์ที่รองรับแค่ DRM L3 เท่านั้นครับ
SYSTEM UI
สำหรับระบบการทำงานตัวนี้มาพร้อม Android 10 JOY UI11 ที่มีหน้าตาเรียบง่ายมาก และพัฒนาขึ้นมาบนพื้นฐาน MIUI ครับผม ระบบค่อนข้างเรียบและไม่รก ใช้งานง่ายและมาในธีมดำ เขียวเป็นหลักทั้งในหน้าตั้งค่าและโทนทั้งเครื่องเลยครับ แต่ก็สามารถปรับเป็นขาวได้นะ ไม่มี App drawer และไม่มีเลขแจ้งเตือนบนแอพอื่นๆครับ
หน้าตาการแจ้งเตือนก็เหมือน Android ทั่วไปแต่ปรับโทนสีให้เข้ม เขียวครับ ปรับ Quick setting ได้เหมือนเดิมลากลงมา 1 ครั้งก็เป็น Quick setting เลยครับ มีปุ่มเคลียร์ในด้านล่าง และ สามารถแบ่งหน้าจอได้สบายครับ ตามปกติของ Android แต่ะฉากหลังจะเป็นสีดำทั้งหมดไม่ได้มีแบบเบลอๆเช่นในรุ่นก่อนหน้าเท่าไรครับ
ในเรื่องของ RAM 12 GB ใช้งานเฉลี่ยไป 3.8 GB และในหน่วยความจำ 256 GB เหลือให้ใช้งานได้ 242 GB ครับส่วนคีย์บอร์ดนั้นแอดมินโหลด Manman มาใช้งานนะ แต่ไม่มีเมนูไทยนะครับในรุ่นนี้ คีย์บอร์ดต่างๆ ต้องโหลดมาเองนะครับ
หน้าจอพัฒนาขึ้นและแน่นอนว่าการตกแต่งก็พัฒนาขึ้น ครับทั้งหน้าจอ Always On ก็สวยและมีการเคลื่อนไหวได้ด้วยสวยมากเลือกได้เยอะมากชอบครับและสามารถปรับแต่งได้ด้วยว่าโชว์อะไรตอนไหน ส่วนไฟแจ้งเตือนจะเป็นแสงจากขอบเครื่องแบบในภาพซ้ายสุดแทนนะครับ สวยและลงตัวเลยแหละปรับได้ 3 แบบหลักๆก็ถือว่าพัฒนามาได้ดี
[CR] รีวิว Blackshark 3 เกมมิ่งคุ้ม SNAP 865 จอ 90HZ พร้อมกล้อง 3 ตัว ดีไซน์ใหม่ !
Black Shark ได้เปิดตัวเกมมิ่งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั้ง Black Shark 3 และ 3 Pro ที่ประเทศจีนอย่างที่เคยโดยรุ่นธรรมดาจะมีหน้าจอขนาด 6.67 นิ้วความละเอียด FHD+ จะมีรีเฟรชเรท 90Hz และความถี่การตอบสนองหน้าจอ 270Hz ซึ่งถือว่ามากที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน โดยมันจะมีดีเลย์การตอบสนองเพียง 0.028 วินาทีเท่านั้น อีกทั้งยังรองรับการตอบสนองน้ำหนักการกดหน้าจออีกด้วย ใช้เป็นชิปเซต Snapdragon 865 ที่มาพร้อม Ram LPDDR5 12GB แต่ตัว RAM 8 จะเป็น LPDDR4 นะครับ และมีระบบระบายความร้อนแบบ liquid cooling ประกบแหล่งที่ผลิตความร้อนเป็นลักษณะคล้ายกับแซนด์วิช ทำให้อัตราการกระจายความร้อนถึง 2 เท่าและระบายความร้อนเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนด้วย ถือว่าเป็นรุ่นที่เปิดตัวมาสำหรับสายเกมจัดๆและรองรับการใช้งานที่ดีขึ้นพร้อม Hi-res Audio ด้วยครับผม ส่วนหลังจากที่ลองถือว่าทำได้ดีเทียบกับราคาและแบตอึดมาก ส่วนอื่นๆเป็นยังไงมาชมกัน
Blackshark 3 นั้นยังมีเทคโนโลยี BlackShark GameEngine และ SolarCore ที่ช่วยเร่งความเร็วในการโหลดของเกม อีกทั้งยังทำให้มันทำงานได้ลื่นไหลขึ้นโดยใช้พลังงานที่น้อยที่สุดด้วย กล้องหลังของมันจะมีด้วยกัน 3 ตัวประกอบด้วยเลนส์ 64MP + เลนส์กว้าง 120° 13MP + เลนส์ตรวจจับความลึก 5MP และกล้องหน้ามีความละเอียด 20MP นอกจากนั้นมันตัวกล้องยังรองรับการถ่ายภาพไฟล์ RAW Super Night mode ได้ แบตเตอรี่ของ Black Shark 3 จะมีความจุ 4,720mAh ที่ชาร์จเร็ว 65W ที่สามารถชาร์จแบต 50% ได้ในเวลา 15นาทีและใช้เวลา 38 นาทีในการชาร์จแบต 100% นอกจากนี้มันยังรองรับการชาร์จโดยใช้แท่นแม่เหล็กที่ความเร็ว 18W
Xiaomi Blackshark 3 ในไทยยังไม่ได้เข้ามาแบบเป็นทางการครับ เราจึงต้องพึ่งเครื่องหิ้วกันไปก่อน โดยทางร้าน TREE MOBILE นั้นเองที่เราชอบไปกันประจำ Ram8, 128GB เป็นสีดำแบบในภาพ ราคา 17,900 บาท
UNBOX
สำหรับตัวกล่องนั้นยังคงเป็นการออกแบบธีมสีดำแบบเดิมพร้อมขนาดกล่องที่ไม่ได้ต่างจากรุ่น 2 มากนักครับแน่นอนว่าอุปกรณ์ที่ให้มาก็ยังคงให้มาเพียงพอต่อการใช้งานแต่พวกมือถือXiaomi อะไรแนวๆนี้จะไม่ค่อยมีหูฟังให้เท่าไรนักกครับ ส่วนตัวเคส ฟิล์มอะไรมีติดเครื่องมาให้เรียบร้อยกันเลยแหละ พร้อมที่ชาร์จให้มา 30W แต่รับได้ 65W นะตัวเครื่องแต่ต้องไปหาซื้อกันครับ แต่รอบนี้ไม่เห็นมีให้ สติกเกอร์อะไรแถมมาให้แล้วนะครับ และ รู 3.5 กลับมาแล้ว
- มือถือ BLACKSHARK 3
- เคสใส TPU สีเทาดำ
- สาย USB-C ไป USB-A
- ที่ชาร์จ Adaptor 30W
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
เคสนั้นจะเป็นเคสที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนมือถือทั่วไปมากขึ้นสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบายครับแต่ฝาหลังนั้นจะมีการเปิดช่องไว้เยอะมาก แต่ก็ไม่ใช่เคสแบบพลาสติกแข็งแบบรุ่นแรกๆครับ ไม่แน่ใจว่าเปิดข้างหลังเพื่อนที่จะเสียบจอยควบคุมอะไรไหมกับพอร์ตข้างล่างครับ แน่นอนว่าส่วนการปกป้องนั้นค่อนข้างทำได้ดีมากทั้งหน้าและหลัง มีการเว้นส่วนลำโพงไว้บ้างนิดหน่อย ตรงบนขอบบนและขอบล่าง และมีความสูงขึ้นปกป้องได้ดีและหนามากๆ ถือว่าทำได้ดีเห็นความหนาของตัวเคสและการออกแบบของมันครับ ปกป้องด้านหลังได้ดีมากๆ ด้านหลังนั้นจะเว้าในส่วนของกล้องลงไปทั้งหมดและเปิดพื้นที่เยอะมากอาจจะเพื่อการรองรับอุปกรณ์เสริมก็เป็นได้ หรือช่วยระบายความร้อนได้ดีส่วนด้านหน้าก็มีการเสริมมุมเครื่องให้มีความหนาขึ้นเวลาตกกระแทก และมีนูนปกป้องหน้าจอนิดหน่อยด้วยเช่นกัน
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้ต้องบอกว่ามันอิงจากรุ่นก่อนๆมาและพัฒนาขึ้นเยอะพอสมควรเลยครับแน่นอนว่ามันลงตัวขึ้นเยอะและชอบการวางกล้อง และดีไซน์มันดูดีและไม่เหมือนใครจริงๆมีเอกลักษณ์ของตัวเองและการใช้วัสดุดำเงาผสมกับพลสติกยังเป็นดีไซน์แนวทางที่คุ้นเคยดีแต่ไม่ชัวร์ว่าอุปกรณ์เสริมจะใช้งานได้ไหมกับรุ่นก่อนแต่ก็ไม่น่าได้ครับเท่าที่ลองๆดู ส่วนงานประกอบอะไรดูดีเนียนขึ้นและขอบต่างๆสวยสีโอเคขึ้นครับ และในด้านหน้ายังคงมีลำโพงคู่ จอไม่มีติ่งและมีพื้นที่วางนิ้วอยู่บ้างชอบที่ยังวางลำโพงไว้ด้านหน้าครับ และน้ำหนักขนาดกำลังดีไม่หนาหนักเกินไปด้วย
ทางด้านหน้าจอ มาในขนาด 6.67 นิ้วไม่มีติ่งหน้าจอ และ ยังมีขอบเครื่องอยู่ทั้งบนและล่าง (2400 × 1080 นิ้ว) Full HD+ อัตราส่วน 20:9 ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz ทัช 270Hz , 394PPI, HDR 10+, 105% DCI – P3 color gamut, ความสว่าง 500 nits, เทคโนโลยี MEMC ที่เพิ่มความลื่นไหลให้หน้าจอด้วยเช่นกันครับ
ขอบด้านล่างอันนี้น่าตกใจคือทำได้บางมากแม้จะมีลำโพงอยู่ในส่วนของด้านหน้าอะครับอันนี้คือน่าสนใจมากๆเลยยังมีลำโพงและขอบบางครับถือว่าเป็นจุดที่ดีเพราะหลายๆคนยังคงชอบลำโพงแบบนี้ และปุ่มควบคุมมีให้เหมือนเดิม หรือใช้งานเต็มหน้าจอได้ครับ ตัวกระจกหน้าจอเรียบๆไม่โค้งนะครับ
ขอบด้านบนแอบหนากว่านิดหน่อยเพราะต้องมีกล้องหน้า ลำโพง และเซนเซอร์ต่างๆเลยทำให้มีขนาดนิดหน่อยครับ และยังคงขอบไว้ให้สายเกมไว้ใช้งานมันถนัดกว่าแบบไร้ขอบเยอะเลยนะ และจะเห็นว่าลำโพงช่องข้างบนเล็กกว่านิดๆ
ด้านขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของ ไมค์ ปุ่ม Power และ ปุ่มเลื่อนสำหรับเข้า Shark Space ครับในส่วนล่างเครื่องหรือมุมซ้ายของภาพ และจะเห็นขอบเครื่องเป็นโลหะทั้งหมดและและเส้นเสาสัญญาณทั้ง 2 จุดครับผม ตัดขอบสวยงามเลย
ในด้านซ้าย จะเป็นปุ่มเพิ่ม ลดเสียงครับพร้อมกับถาดซิม 2 ซิมรองรับใช้งานได้ Nanosim และ มีซีลยางกันน้ำด้วยส่วนปุ่มอื่นๆไม่มีครับในด้านนี้ แต่ถ้าตัว Pro จะมีปุ่ม L R สำหรับการเล่นเกมมาให้ด้วยครับ
ในส่วนของขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเป็น USB-C พร้อมกับรูไมค์ รวมถึงช่องลำโพงเป็นแนวยาวตามขอบเครื่องครับ
ทางด้านบนมันมีรู 3.5 มม. กลับมาแล้วครับพร้อมใช้งานและและตัวรับสัญญาณอีก 2 จุดด้านบนคือจัดเต็มมาก ส่วนรูไมค์ตัดเสียงอะไรนั้น จะไปอยู่ข้างๆแทนนะครับ และตรงกล้องหลัง ถือว่าให้ไมค์มาเยอะพอสมควรเลยแหละ
ฝาหลังนั้นถือว่าสวยนะเพราะมีการออกแบบของตัวเองไม่เหมือนใคร สมมาตรดีและกล้องหลังวางได้ลงตัวกว่ารุ่น 2 เยอะเลยครับ สีดำเลยทำให้มันดูดีเรียบๆสวยงามและลงตัว ยังคงมีไฟด้านหลัง RGB ปรับแต่งได้ 3 จุดหลักๆครับแต่ไม่มีไฟขอบเครื่องแล้วอันนี้น่าเสียดาย ส่วนตรงข้างล่างจะเป็นพอร์ตเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมและที่ชาร์จต่างๆเสริมฝาหลังโค้งลงเล็กน้อยทำให้จับถนัดมือและเป็นกระจกทั้งหมดแล้วจากที่รุ่นก่อนๆจะเป็นอลูมิเนียมเป็นหลักครับ
กล้องหลัง 3 ตัววางมุมทแยงกัน 3 ตำแหน่งพร้อมไมค์อัดเสียงและไฟแฟลช รวมถึงมีไฟ RGB ขีดๆเล็กแทรกเข้ามาให้เข้ากับสายเกมนิดหน่อย กล้องหลังนั้นมาพร้อมกับ กล้องหลัง 64MP (f/1.8), แฟลช LED, เลนส์ Ultra wide 120° 13MP (f/2.25), เลนส์สำหรับถ่าย portrait 5MP (f/2.2) คุณภาพเท่าที่ลองนั้นใช้งานได้ดีเลยแหละ
SPEC
- Black Shark 3 – หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว (2400 × 1080 นิ้ว) Full HD+ อัตราส่วน 20:9 ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz, 394PPI, HDR 10+, 105% DCI – P3 color gamut, ความสว่าง 500 nits, เทคโนโลยี MEMC ที่เพิ่มความลื่นไหลให้หน้าจอ
- ชิปเซต Snapdragon 865 7nm ที่ใช้การ์ดจอ Adreno 650
- RAM LPDDR5 8GB พร้อม storage (UFS 3.0) 128GB / 256GB
- Android 10
- ซิมคู่ (nano + nano)
- กล้องหลัง 64MP (f/1.8), แฟลช LED, เลนส์ Ultrawide 120° 13MP (f/2.25), เลนส์สำหรับถ่าย portrait 5MP (f/2.2)
- กล้องหน้า 20MP (f/2.2)
- เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
- รูแจ็ค 3.5mm, ลำโพงคู่ 1217 super linear speakers
- ขนาดตัวเครื่อง Black Shark 3 : 168.72×77.33x 10.42mm; น้ำหนัก: 222g
- 5G SA / NSA, Dual 4G VoLTE, WiFi 802.11ax (2×2 MU-MIMO ), Bluetooth 5, GPS/GLONASS/Beidou, USB Type-C
- Black Shark 3 – แบตเตอรี่ 4,720mAh (ที่ชาร์จเร็ว 65W ซื้อแยก)
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของตัวเครื่องในรุ่นนี้มาพร้อมกับการใช้งาน Snapdragon 865 ที่ทำงานร่วมกับ UFS 3.0 128GB และ RAM 8GB DDR4X ด้วยทำให้ประสิทธิภาพในงานเปิดตัวนั้นทำไปได้ 558478 ครับ ทำคะแนนในส่วนของ Geekbench ไปได้ที่ 4285แกนเดียว และ 13408 หลายแกน ส่วน UFS 3.0 ทำให้การอ่านเขียนพุ่งไปแตะ 1,579 MB/S และ ตัวความปลอดภัยนั้นเป็นปกติของแบรนด์ที่รองรับแค่ DRM L3 เท่านั้นครับ
SYSTEM UI
สำหรับระบบการทำงานตัวนี้มาพร้อม Android 10 JOY UI11 ที่มีหน้าตาเรียบง่ายมาก และพัฒนาขึ้นมาบนพื้นฐาน MIUI ครับผม ระบบค่อนข้างเรียบและไม่รก ใช้งานง่ายและมาในธีมดำ เขียวเป็นหลักทั้งในหน้าตั้งค่าและโทนทั้งเครื่องเลยครับ แต่ก็สามารถปรับเป็นขาวได้นะ ไม่มี App drawer และไม่มีเลขแจ้งเตือนบนแอพอื่นๆครับ
หน้าตาการแจ้งเตือนก็เหมือน Android ทั่วไปแต่ปรับโทนสีให้เข้ม เขียวครับ ปรับ Quick setting ได้เหมือนเดิมลากลงมา 1 ครั้งก็เป็น Quick setting เลยครับ มีปุ่มเคลียร์ในด้านล่าง และ สามารถแบ่งหน้าจอได้สบายครับ ตามปกติของ Android แต่ะฉากหลังจะเป็นสีดำทั้งหมดไม่ได้มีแบบเบลอๆเช่นในรุ่นก่อนหน้าเท่าไรครับ
ในเรื่องของ RAM 12 GB ใช้งานเฉลี่ยไป 3.8 GB และในหน่วยความจำ 256 GB เหลือให้ใช้งานได้ 242 GB ครับส่วนคีย์บอร์ดนั้นแอดมินโหลด Manman มาใช้งานนะ แต่ไม่มีเมนูไทยนะครับในรุ่นนี้ คีย์บอร์ดต่างๆ ต้องโหลดมาเองนะครับ
หน้าจอพัฒนาขึ้นและแน่นอนว่าการตกแต่งก็พัฒนาขึ้น ครับทั้งหน้าจอ Always On ก็สวยและมีการเคลื่อนไหวได้ด้วยสวยมากเลือกได้เยอะมากชอบครับและสามารถปรับแต่งได้ด้วยว่าโชว์อะไรตอนไหน ส่วนไฟแจ้งเตือนจะเป็นแสงจากขอบเครื่องแบบในภาพซ้ายสุดแทนนะครับ สวยและลงตัวเลยแหละปรับได้ 3 แบบหลักๆก็ถือว่าพัฒนามาได้ดี
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้