POCO นั้นถือว่าเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างรู้จักกันดีตั้งแต่รุ่นแรกๆที่เปิดตัว และมีสเปกต่อราคาที่คุ้มค่าอย่างมากจนต่อเนื่องมาเรื่อยๆจนถึงรุ่น X3 NFC รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับสเปกที่จัดเต็มในเรทราคาที่ดีเช่นเดิม อีกทั้งยังใส่ในเรื่องของ สเปกกล้องที่เน้นๆ 64MP รวมถึงงานออกแบบวัสดุที่ดูดีขึ้นเยอะ และในแง่ของ CPU ยังใส่ Snapdragon 732G ให้มาด้วยอีกทั้งยังมาพร้อมกับ การชาร์จไว 33W ถือว่าดูดีในการใช้งานของมือถือเรทประมาณนี้ และแถมที่ชาร์จมาให้ในกล่อง ทางด้านงานออกแบบทาง POCO เองพยายามฉีกงานออกแบบไม่ให้เหมือนค่ายอื่นหรือมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมเยอะขึ้น ถือว่าแปลกใหม่และไม่เหมือนใครไม่อิงงานออกแบบคนอื่นและกล้าที่จะออกแบบมากขึ้นถือว่าเป็นจุดที่ดี อีกทั้งในไทยก็เปิดตัวได้ไวและนำเข้ามาขายตามจากเมืองนอกมาติดๆทำให้ได้ใช้งานกันทันใจ และเท่าที่ทดสอบมานั้นถือว่าทำออกมาน่าเล่นอีกรุ่นและในการใช้งานจริงถือว่าสบาย รวมถึงคุณภาพกล้องนั้นทำได้ดี
POCO X3 NFC รุ่นใหม่ที่เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นกลางที่มาพร้อมหน้าจอ 6.67 นิ้วที่มีรีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz และความถี่การตอบสนอง 240Hz ส่วนภายในตัวเครื่องจะใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 732G ที่มาพร้อม RAM 6GB และมีระบบระบายความร้อนแบบ liquid cooling 1.0 Plus อีกทั้งยังมีท่อนำความร้อนและแผ่นแกรไฟต์คู่ ที่ลดอุณหภูมิลงได้ถึง 6 องศาเซลเซียส กล้องหลังของ POCO X3 NFC มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัวประกอบด้วย กล้องตัวหลัก 64MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX686 + กล้องมุมกว้าง 8MP + กล้องมาโคร 2MP + กล้องสำหรับถ่าย Portrait 2MP ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 20MP ตัวเครื่องจะมาพร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่อง และมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,160 mAh ซึ่งรองรับชาร์จเร็ว 33W ที่สามารถชาร์จแบตได้ 62% ในเวลา 30 นาทีและชาร์จแบตได้ 100% ในเวลา 65 นาที ซึ่งถือว่าค่อนข้างน่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียวในเรทราคานี้
POCO X3 NFC เปิดตัวในไทยมาที่ 6,999 บาท พร้อมกับสี น้ำเงินและสีดำ ในสเปก RAM 6 GB STORAGE 64 GB และ 7,999 บาท RAM 6GB STORAGE 128GB
UNBOX
- ตัวเครื่อง POCO X3 NFC
- เคสใส TPU
- หัวชาร์จ 33W
- สาย USB-C
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
- ฟิลม์กันรอยติดมาให้แล้วบนหน้าจอ
ตัวเคสนั้น ทำออกมาได้กระชับและมีความหนาเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าครั้งนี้เหมือนจะทำวัสดุออกมาได้ดีกว่าเดิมนิดนึงครับตัวเคสเป็นสีใสปกติ ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอ และมีความหนาสูงเท่ากันกับหน้าจออาจจะไม่ปกป้องเท่าไร ทำให้เวลาวางอะไรนั้นไม่ได้ปกป้องเท่าที่ควรทั้งหน้าและหลัง ส่วนวัสดุหนากำลังดี และมี จุกปิดพอร์ตมาให้ สำหรับช่องชาร์จ USB-C ถือว่าปกป้องได้ระดับนึง แต่ตัวป้องกันหน้าจอและเลนส์กล้องนั้นจะไม่มีขอบพิเศษมาให้ คือจะปกป้องหน้าจอ หรือ เลนส์กล้องไม่ได้เลยนั้นเอง คือมันจะออกแบบมาเวลาวางคว่ำได้ไม่โดนเลนส์แต่ไม่ได้สูงออกมาเยอะมากเท่าไรนัก ที่จริงน่าจะมีขอบหนาขึ้นมากว่านี้ในการใช้งานน่าจะช่วยได้มากกว่านี้พอสมควร อาจจะไม่สามารถปกป้องหน้าจอได้เวลาวางคว่ำได้เท่าไรนัก ตัวขอบเคสมันไม่ได้มีความนูนสูงอะไรขึ้นมาแบบเยอะอะไร แต่ยังดีที่ตามมุมเหมือนจะหนาขึ้นมานิดหน่อย มีการนูนขึ้นรอบๆและทำมุมพิเศษทั้ง 4 มุมครับ ส่วนด้านหลังตรงกล้องนั้นมีนูนขึ้นมาตามความนูนของโมดูลกล้องแต่ก็ไม่ปกป้องเลนส์กล้องหลังได้ดีเท่าที่ควร เวลาวางคว่ำพื้นผิวเรียบๆก็พอกันได้แต่ถ้าใช้งานติดฟิล์มอะไรเข้าไปก็จะนูนมาป้องกันไม่ได้ แต่ก็พอใช้งานชั่วคราวได้
DESIGN
งานออกแบบถือว่ามีความแตกต่างจากคู่แข่งตัวอื่นๆรวมถึงแตกต่างกับรุ่น 2พอสมควรแม้จะยังคงอิงดีไซน์กล้องมีเส้นรสายวงกลมแต่การเปลี่ยนการวางกล้องอะไรนั้นเปลี่ยนแปลงชัดเจนมีความกล้าออกแบบมากขึ้นไม่ตามคู่แข่งแบบค่ายอื่นๆอันนี้ขอชม วัสดุงานออกแบบดูดีพอสมควรแต่มีความหนานิดหน่อยและกล้องหลังแอบนูนอยู่บ้าง ฝาหลังโลโก้เด่นสวยงามเล่นกับแสงสีได้ดีพอประมาณแม้จะเป็นพลาสติกก็ตาม รวมถึงมีความหนา9.4mm.และหนัก 215g ส่วนความแน่นความเนียนในงานประกอบถือว่าพัฒนาดีขึ้นมาเรื่อยๆสำหรับแบรนด์นี้แม้จะเป็นวัสดุพลาสติกก็ตาม
หน้าจอ LCD ขนาด 6.67 นิ้ว (1080 × 2400 พิกเซล) Full HD+ อัตราส่วน 20:9 ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz, HDR10, ใช้กระจก Gorilla Glass 5 พร้อมกับติดฟิล์มกันรอยมาพร้อมใช้งาน ดีไซน์ขอบหนาตามระดับราคานี้
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเห็นว่ามีความหนามากกว่าส่วนอื่นๆนิดหน่อย ส่วนทางด้านการควบคุมนั้นสามารถใช้งานทั้งแบบเต็มจอ และ แบบปุ่มในภาพได้ครับ จะเห็นว่าตัวหน้าจอนั้นจะมีฟิล์มติดมาให้อยู่เป็นพลาสติกปกติ
ขอบเครื่องด้านบน ทำได้ค่อนข้างบางมาก พร้อมกับหน้าจอแบบเจาะรู พร้อมกล้องหน้า 20MP และ แทรกลำโพงอยู่ตามขอบ รวมถึง จะเห็นสถานะไฟแจ้งเตือนแทรกอยู่ ไฟ LED ขาว และ ตรงเซนเซอร์อะไรก็แทรกไว้ทั้งหมดเลย
ขอบเครื่องด้านบนอันนี้ถือว่าน่าสนใจเพราะให้มาทั้งเรื่องของไมค์ตัดเสียง และไมค์อีกตัวสำหรับการเก็บเสียง รวมถึงรองรับการใช้งาน IR หรือการสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริงมากๆ ระบบนี้ค่ายนี้ยังคงใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกัน
ในด้านล่างเราจะเห็นลำโพงหลักตัวแรกในด้านซ้ายสุดพร้อมกับ ไมค์อัดเสียง และ รู USB-C รวมถึงรู 3.5มม.ก็ยังใส่เข้ามาให้ไม่ได้ตัดออกไปไหนหรือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียวและเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับลำโพงคู่ด้วยนะในเรทราคานี้
ขอบเครื่องทางด้านขวานั้นจะเป็น ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และมาพร้อมกับ ปุ่ม POWER พร้อมการรองรับสแกนนิ้วไปในตัว ปุ่มนั้นจะสามารถกดลงไปได้เป็นปุ่มปกติ และสแกนนิ้วได้แบบสัมผัส ตัวเครื่องมีความหนาอยู่ระดับนึงเลยนะ
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของถาดซิมแบบ Hybrid Slot พร้อมกับรองรับการเพิ่ม Micro-SD แน่นอนว่าถาดซิมนั้นมียางซีลกันน้ำมาให้ด้วยสำหรับการป้องกันน้ำกระเด็นพวกนี้รองรับ IP Rating 53 กันน้ำกระเด็นได้
ทางด้านกล้องหลังนั้นดีไซน์เหมือนจะพยายามทำให้กลม แต่ก็ยังไม่กลมซะทีเดียวเพราะเดี๋ยวจะเหมือนกับค่ายอื่นเลยทำให้มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ไม่ให้กลมมากนัก ตัวกล้องเลนส์หลักวางตรงกลางพร้อมอีก 3 ตัวล้อมรอบ แอบแปลกๆนิดหน่อยแต่มองนานๆก็น่าจะชินกัน มาพร้อมกับ กล้องหลัง AI 4 ตัวความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ได้ถึง 30 เฟรมต่อวินาทีเลนส์หลัก ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ขนาด 6μm ซุปเปอร์พิกเซลแบบ 4-in-1 เลนส์อัลตร้าไวด์ (ultra-wide) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มุมมอง 119 องศา เลนส์มาโคร (Macro) ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เลนส์ depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ค่อนข้างครบในการถ่าย
ทางด้านฝาหลังมีการเล่นลวดลายสวยงาม ตรงกลางคล้ายๆกับมีพื้นผิวพิเศษแต่จริงๆนั้นจะเป็นซ่อนลายอยู่ข้างในพร้อมกับโลโก้เด่นๆ POCO แนวนอนค่อนข้างชอบการใช้โทนสีและออกแบบพอสมควรคือแตกต่างกับมือถือในเรทนี้ของคู่แข่งมากๆ และแม้จะเป็นพลาสติกแต่ก็ออกแบบเงาสวยและสะท้อนได้ดีพอสมควรเลย เล่นกับแสงสวยงาม พร้อมกับการออกแบบวงกลมตรงกล้องก็ทำให้ดูสมกับขนาดของตัวเครื่องอยู่เหมือนกันและขอบก็โค้งรับมือได้ดี
SPEC
- หน้าจอ LCD ขนาด 6.67 นิ้ว (1080 × 2400 พิกเซล) Full HD+ อัตราส่วน 20:9 ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz, HDR10, ใช้กระจก Gorilla Glass 5
- ชิปเซต Snapdragon 732G 8nm ที่มาพร้อมการ์ดจอ Adreno 618
- RAM LPDDR4X 6GB + storage (UFS 2.1) 64GB / 128GB
- Android 10 ที่ครอบด้วย MIUI 12
- ซิมคู่แบบ (nano + nano / microSD)
- กล้องหลัง 64MP (f/1.89) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX682, LED Flash + กล้องหลังมุมกว้าง 119° 13MP (f/2.2) + กล้องตรวจจับความลึก 2MP + กล้องมาโครขนาด 4cm 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้า 20MP (f/2.2)
- ปุ่มสแกนนิ้วด้านข้าง, เซนเซอร์อินฟราเรด
- รูแจ็ค 3.5mm, ลำโพง Stereo
- ตัวเครื่องกันละอองน้ำ (มาตรฐาน IP53)
- ขนาดตัวเครื่อง: 165.3×76.8×9.4mm; น้ำหนัก: 215กรัม
- รองรับ Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), VoWiFi, Bluetooth 5, GPS/GLONASS/Beidou, NFC, ใช้พอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5,160 mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 33W
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพนั้นต้องบอกว่าตัวนี้ใช้งานคุ้มค่าคุ้มราคาพอสมควร ใช้งาน Snapdragon 732G พร้อมกับ RAM 6GB LPDDR4X ทำงานได้ค่อนข้างดีเลยแหละ ทางด้านน่วยความจำนั้นเป็นแบบ UFS 2.0 อ่านได้ประมาณ 496MB/s และเขียนได้ 178 MB/s และได้คะแนน Antutu ไปที่ 278752 คะแนนครับถือว่าแรงเอาเรื่อง และทางด้าน Geekbench ทำไปได้ 559 /1754 และแน่นอนว่าการดูหนัง NETFLIX นั้นรองรับการใช้งาน FHD ความละเอียดสูงสุด DRM L1 เลยแหละ เมื่อเทียบกับราคากับสเปกที่ให้มาในเรทแค่ 6-7 พันเท่านั้นถือว่าเกินพอ
SYSTEM UI
หน้าตาระบบใช้ MIUI 12 ทับด้วย Poco ที่คุ้นเคยกันดีพร้อมกับ Android 10 ตัวล่าสุด หน้าตานั้นคุ้นเคยกันอย่างดี หน้าตาแอปยังคงมาในแนวแบนๆ เรียบๆ แอปติดเครื่องเยอะตามแบบของ Xiaomi และ มีโฆษณาแฝงตามแอปมาให้เหมือนเดิม ต้องไปไล่ปิด ข้อเสนอแนะเอาแต่ละแอป ส่วนเรื่องของการแจ้งเตือนทำได้ดี มีเลขมุมแอปมาให้และรองรับภาษาไทยปกติ สำหรับเครื่องศูนย์ของ Xiaomi ถือว่าแจ้งเตือนดีอยู่เหมือนกัน สวยงามเลย
หน้าตาตัวการตั้งค่าอะไรก็ สามารถปรับแสงหน้าจออะไรได้ ตั้งค่าแบบด่วนต่างๆ รวมถึงถ้าลากลงมาสามารถปัดหน้าไปซ้ายขวา ได้ และ แบ่งหน้าจอ เคลียร์แอปอะไรได้ปกติ ใช้งาน 2 หน้าจอพร้อมกันได้เลยเลือกแอปเอาเลย
หน่วยความจำ 64 GB พื้นที่ระบบกินไป 15GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 49 GB ส่วน RAM 6 GB ตัวนี้ใช้งานไป 4.6 ครับ เหลือใช้งานได้ 1.4 GB เหลือๆสบายๆ ส่วนแป้นพิมพ์ของเดิม Google มาใช้งานกันละกัน พิมพ์ไทยได้สบาย เป็นคีย์บอร์ดที่บอกในทุกรีวิวว่าค่ายไหนติดมาให้แบบนี้จะชอบมากๆเลยแหละ
[SR] รีวิว POCO X3 NFC มาพร้อม Snapdragon 732G หน้าจอ 120Hz ลำโพงคู่ กล้องหลัง 64MP !
POCO นั้นถือว่าเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างรู้จักกันดีตั้งแต่รุ่นแรกๆที่เปิดตัว และมีสเปกต่อราคาที่คุ้มค่าอย่างมากจนต่อเนื่องมาเรื่อยๆจนถึงรุ่น X3 NFC รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับสเปกที่จัดเต็มในเรทราคาที่ดีเช่นเดิม อีกทั้งยังใส่ในเรื่องของ สเปกกล้องที่เน้นๆ 64MP รวมถึงงานออกแบบวัสดุที่ดูดีขึ้นเยอะ และในแง่ของ CPU ยังใส่ Snapdragon 732G ให้มาด้วยอีกทั้งยังมาพร้อมกับ การชาร์จไว 33W ถือว่าดูดีในการใช้งานของมือถือเรทประมาณนี้ และแถมที่ชาร์จมาให้ในกล่อง ทางด้านงานออกแบบทาง POCO เองพยายามฉีกงานออกแบบไม่ให้เหมือนค่ายอื่นหรือมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมเยอะขึ้น ถือว่าแปลกใหม่และไม่เหมือนใครไม่อิงงานออกแบบคนอื่นและกล้าที่จะออกแบบมากขึ้นถือว่าเป็นจุดที่ดี อีกทั้งในไทยก็เปิดตัวได้ไวและนำเข้ามาขายตามจากเมืองนอกมาติดๆทำให้ได้ใช้งานกันทันใจ และเท่าที่ทดสอบมานั้นถือว่าทำออกมาน่าเล่นอีกรุ่นและในการใช้งานจริงถือว่าสบาย รวมถึงคุณภาพกล้องนั้นทำได้ดี
POCO X3 NFC รุ่นใหม่ที่เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นกลางที่มาพร้อมหน้าจอ 6.67 นิ้วที่มีรีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz และความถี่การตอบสนอง 240Hz ส่วนภายในตัวเครื่องจะใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 732G ที่มาพร้อม RAM 6GB และมีระบบระบายความร้อนแบบ liquid cooling 1.0 Plus อีกทั้งยังมีท่อนำความร้อนและแผ่นแกรไฟต์คู่ ที่ลดอุณหภูมิลงได้ถึง 6 องศาเซลเซียส กล้องหลังของ POCO X3 NFC มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัวประกอบด้วย กล้องตัวหลัก 64MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX686 + กล้องมุมกว้าง 8MP + กล้องมาโคร 2MP + กล้องสำหรับถ่าย Portrait 2MP ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 20MP ตัวเครื่องจะมาพร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่อง และมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,160 mAh ซึ่งรองรับชาร์จเร็ว 33W ที่สามารถชาร์จแบตได้ 62% ในเวลา 30 นาทีและชาร์จแบตได้ 100% ในเวลา 65 นาที ซึ่งถือว่าค่อนข้างน่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียวในเรทราคานี้
POCO X3 NFC เปิดตัวในไทยมาที่ 6,999 บาท พร้อมกับสี น้ำเงินและสีดำ ในสเปก RAM 6 GB STORAGE 64 GB และ 7,999 บาท RAM 6GB STORAGE 128GB
UNBOX
- ตัวเครื่อง POCO X3 NFC
- เคสใส TPU
- หัวชาร์จ 33W
- สาย USB-C
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
- ฟิลม์กันรอยติดมาให้แล้วบนหน้าจอ
ตัวเคสนั้น ทำออกมาได้กระชับและมีความหนาเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าครั้งนี้เหมือนจะทำวัสดุออกมาได้ดีกว่าเดิมนิดนึงครับตัวเคสเป็นสีใสปกติ ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอ และมีความหนาสูงเท่ากันกับหน้าจออาจจะไม่ปกป้องเท่าไร ทำให้เวลาวางอะไรนั้นไม่ได้ปกป้องเท่าที่ควรทั้งหน้าและหลัง ส่วนวัสดุหนากำลังดี และมี จุกปิดพอร์ตมาให้ สำหรับช่องชาร์จ USB-C ถือว่าปกป้องได้ระดับนึง แต่ตัวป้องกันหน้าจอและเลนส์กล้องนั้นจะไม่มีขอบพิเศษมาให้ คือจะปกป้องหน้าจอ หรือ เลนส์กล้องไม่ได้เลยนั้นเอง คือมันจะออกแบบมาเวลาวางคว่ำได้ไม่โดนเลนส์แต่ไม่ได้สูงออกมาเยอะมากเท่าไรนัก ที่จริงน่าจะมีขอบหนาขึ้นมากว่านี้ในการใช้งานน่าจะช่วยได้มากกว่านี้พอสมควร อาจจะไม่สามารถปกป้องหน้าจอได้เวลาวางคว่ำได้เท่าไรนัก ตัวขอบเคสมันไม่ได้มีความนูนสูงอะไรขึ้นมาแบบเยอะอะไร แต่ยังดีที่ตามมุมเหมือนจะหนาขึ้นมานิดหน่อย มีการนูนขึ้นรอบๆและทำมุมพิเศษทั้ง 4 มุมครับ ส่วนด้านหลังตรงกล้องนั้นมีนูนขึ้นมาตามความนูนของโมดูลกล้องแต่ก็ไม่ปกป้องเลนส์กล้องหลังได้ดีเท่าที่ควร เวลาวางคว่ำพื้นผิวเรียบๆก็พอกันได้แต่ถ้าใช้งานติดฟิล์มอะไรเข้าไปก็จะนูนมาป้องกันไม่ได้ แต่ก็พอใช้งานชั่วคราวได้
DESIGN
งานออกแบบถือว่ามีความแตกต่างจากคู่แข่งตัวอื่นๆรวมถึงแตกต่างกับรุ่น 2พอสมควรแม้จะยังคงอิงดีไซน์กล้องมีเส้นรสายวงกลมแต่การเปลี่ยนการวางกล้องอะไรนั้นเปลี่ยนแปลงชัดเจนมีความกล้าออกแบบมากขึ้นไม่ตามคู่แข่งแบบค่ายอื่นๆอันนี้ขอชม วัสดุงานออกแบบดูดีพอสมควรแต่มีความหนานิดหน่อยและกล้องหลังแอบนูนอยู่บ้าง ฝาหลังโลโก้เด่นสวยงามเล่นกับแสงสีได้ดีพอประมาณแม้จะเป็นพลาสติกก็ตาม รวมถึงมีความหนา9.4mm.และหนัก 215g ส่วนความแน่นความเนียนในงานประกอบถือว่าพัฒนาดีขึ้นมาเรื่อยๆสำหรับแบรนด์นี้แม้จะเป็นวัสดุพลาสติกก็ตาม
หน้าจอ LCD ขนาด 6.67 นิ้ว (1080 × 2400 พิกเซล) Full HD+ อัตราส่วน 20:9 ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz, HDR10, ใช้กระจก Gorilla Glass 5 พร้อมกับติดฟิล์มกันรอยมาพร้อมใช้งาน ดีไซน์ขอบหนาตามระดับราคานี้
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเห็นว่ามีความหนามากกว่าส่วนอื่นๆนิดหน่อย ส่วนทางด้านการควบคุมนั้นสามารถใช้งานทั้งแบบเต็มจอ และ แบบปุ่มในภาพได้ครับ จะเห็นว่าตัวหน้าจอนั้นจะมีฟิล์มติดมาให้อยู่เป็นพลาสติกปกติ
ขอบเครื่องด้านบน ทำได้ค่อนข้างบางมาก พร้อมกับหน้าจอแบบเจาะรู พร้อมกล้องหน้า 20MP และ แทรกลำโพงอยู่ตามขอบ รวมถึง จะเห็นสถานะไฟแจ้งเตือนแทรกอยู่ ไฟ LED ขาว และ ตรงเซนเซอร์อะไรก็แทรกไว้ทั้งหมดเลย
ขอบเครื่องด้านบนอันนี้ถือว่าน่าสนใจเพราะให้มาทั้งเรื่องของไมค์ตัดเสียง และไมค์อีกตัวสำหรับการเก็บเสียง รวมถึงรองรับการใช้งาน IR หรือการสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริงมากๆ ระบบนี้ค่ายนี้ยังคงใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกัน
ในด้านล่างเราจะเห็นลำโพงหลักตัวแรกในด้านซ้ายสุดพร้อมกับ ไมค์อัดเสียง และ รู USB-C รวมถึงรู 3.5มม.ก็ยังใส่เข้ามาให้ไม่ได้ตัดออกไปไหนหรือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียวและเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับลำโพงคู่ด้วยนะในเรทราคานี้
ขอบเครื่องทางด้านขวานั้นจะเป็น ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และมาพร้อมกับ ปุ่ม POWER พร้อมการรองรับสแกนนิ้วไปในตัว ปุ่มนั้นจะสามารถกดลงไปได้เป็นปุ่มปกติ และสแกนนิ้วได้แบบสัมผัส ตัวเครื่องมีความหนาอยู่ระดับนึงเลยนะ
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของถาดซิมแบบ Hybrid Slot พร้อมกับรองรับการเพิ่ม Micro-SD แน่นอนว่าถาดซิมนั้นมียางซีลกันน้ำมาให้ด้วยสำหรับการป้องกันน้ำกระเด็นพวกนี้รองรับ IP Rating 53 กันน้ำกระเด็นได้
ทางด้านกล้องหลังนั้นดีไซน์เหมือนจะพยายามทำให้กลม แต่ก็ยังไม่กลมซะทีเดียวเพราะเดี๋ยวจะเหมือนกับค่ายอื่นเลยทำให้มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ไม่ให้กลมมากนัก ตัวกล้องเลนส์หลักวางตรงกลางพร้อมอีก 3 ตัวล้อมรอบ แอบแปลกๆนิดหน่อยแต่มองนานๆก็น่าจะชินกัน มาพร้อมกับ กล้องหลัง AI 4 ตัวความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ได้ถึง 30 เฟรมต่อวินาทีเลนส์หลัก ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ขนาด 6μm ซุปเปอร์พิกเซลแบบ 4-in-1 เลนส์อัลตร้าไวด์ (ultra-wide) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มุมมอง 119 องศา เลนส์มาโคร (Macro) ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เลนส์ depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ค่อนข้างครบในการถ่าย
ทางด้านฝาหลังมีการเล่นลวดลายสวยงาม ตรงกลางคล้ายๆกับมีพื้นผิวพิเศษแต่จริงๆนั้นจะเป็นซ่อนลายอยู่ข้างในพร้อมกับโลโก้เด่นๆ POCO แนวนอนค่อนข้างชอบการใช้โทนสีและออกแบบพอสมควรคือแตกต่างกับมือถือในเรทนี้ของคู่แข่งมากๆ และแม้จะเป็นพลาสติกแต่ก็ออกแบบเงาสวยและสะท้อนได้ดีพอสมควรเลย เล่นกับแสงสวยงาม พร้อมกับการออกแบบวงกลมตรงกล้องก็ทำให้ดูสมกับขนาดของตัวเครื่องอยู่เหมือนกันและขอบก็โค้งรับมือได้ดี
SPEC
- หน้าจอ LCD ขนาด 6.67 นิ้ว (1080 × 2400 พิกเซล) Full HD+ อัตราส่วน 20:9 ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz, HDR10, ใช้กระจก Gorilla Glass 5
- ชิปเซต Snapdragon 732G 8nm ที่มาพร้อมการ์ดจอ Adreno 618
- RAM LPDDR4X 6GB + storage (UFS 2.1) 64GB / 128GB
- Android 10 ที่ครอบด้วย MIUI 12
- ซิมคู่แบบ (nano + nano / microSD)
- กล้องหลัง 64MP (f/1.89) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX682, LED Flash + กล้องหลังมุมกว้าง 119° 13MP (f/2.2) + กล้องตรวจจับความลึก 2MP + กล้องมาโครขนาด 4cm 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้า 20MP (f/2.2)
- ปุ่มสแกนนิ้วด้านข้าง, เซนเซอร์อินฟราเรด
- รูแจ็ค 3.5mm, ลำโพง Stereo
- ตัวเครื่องกันละอองน้ำ (มาตรฐาน IP53)
- ขนาดตัวเครื่อง: 165.3×76.8×9.4mm; น้ำหนัก: 215กรัม
- รองรับ Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), VoWiFi, Bluetooth 5, GPS/GLONASS/Beidou, NFC, ใช้พอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5,160 mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 33W
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพนั้นต้องบอกว่าตัวนี้ใช้งานคุ้มค่าคุ้มราคาพอสมควร ใช้งาน Snapdragon 732G พร้อมกับ RAM 6GB LPDDR4X ทำงานได้ค่อนข้างดีเลยแหละ ทางด้านน่วยความจำนั้นเป็นแบบ UFS 2.0 อ่านได้ประมาณ 496MB/s และเขียนได้ 178 MB/s และได้คะแนน Antutu ไปที่ 278752 คะแนนครับถือว่าแรงเอาเรื่อง และทางด้าน Geekbench ทำไปได้ 559 /1754 และแน่นอนว่าการดูหนัง NETFLIX นั้นรองรับการใช้งาน FHD ความละเอียดสูงสุด DRM L1 เลยแหละ เมื่อเทียบกับราคากับสเปกที่ให้มาในเรทแค่ 6-7 พันเท่านั้นถือว่าเกินพอ
SYSTEM UI
หน้าตาระบบใช้ MIUI 12 ทับด้วย Poco ที่คุ้นเคยกันดีพร้อมกับ Android 10 ตัวล่าสุด หน้าตานั้นคุ้นเคยกันอย่างดี หน้าตาแอปยังคงมาในแนวแบนๆ เรียบๆ แอปติดเครื่องเยอะตามแบบของ Xiaomi และ มีโฆษณาแฝงตามแอปมาให้เหมือนเดิม ต้องไปไล่ปิด ข้อเสนอแนะเอาแต่ละแอป ส่วนเรื่องของการแจ้งเตือนทำได้ดี มีเลขมุมแอปมาให้และรองรับภาษาไทยปกติ สำหรับเครื่องศูนย์ของ Xiaomi ถือว่าแจ้งเตือนดีอยู่เหมือนกัน สวยงามเลย
หน้าตาตัวการตั้งค่าอะไรก็ สามารถปรับแสงหน้าจออะไรได้ ตั้งค่าแบบด่วนต่างๆ รวมถึงถ้าลากลงมาสามารถปัดหน้าไปซ้ายขวา ได้ และ แบ่งหน้าจอ เคลียร์แอปอะไรได้ปกติ ใช้งาน 2 หน้าจอพร้อมกันได้เลยเลือกแอปเอาเลย
หน่วยความจำ 64 GB พื้นที่ระบบกินไป 15GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 49 GB ส่วน RAM 6 GB ตัวนี้ใช้งานไป 4.6 ครับ เหลือใช้งานได้ 1.4 GB เหลือๆสบายๆ ส่วนแป้นพิมพ์ของเดิม Google มาใช้งานกันละกัน พิมพ์ไทยได้สบาย เป็นคีย์บอร์ดที่บอกในทุกรีวิวว่าค่ายไหนติดมาให้แบบนี้จะชอบมากๆเลยแหละ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้