Poco นั้นเป็นแบรนด์ที่หลายๆคนน่าจะรู้จักกันในยุคแรกๆที่เอาเข้ามาในไทย มันเป็นแบรนด์ที่เน้นในเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคาแต่ได้สเปกแบบเรือธงตัวอื่นๆ แต่ในพวกวัสดุอะไรพวกนี้เหมือนจะดรอปลงไปจากรุ่นเรือธงทั่วไปนั้นเองทำให้มันทำราคาออกมาได้ค่อนข้างดีและแน่นอนว่ากระแสของ POCO F1 นั้นถือว่าทำได้ดีครับในรุ่นนั้นเราจะได้ Snapdragon 845 ในราคา 10,990 บาทเท่านั้น จนมาถึงรุ่นนี้ต้องบอกว่ามีการพัฒนาอะไรหลายๆอย่างทั้งงานออกแบบ วัสดุ ดีไซน์ และสเปกที่รองรับ 5G ด้วยเช่นกันครับถือว่าเป็นการยกระดับขึ้นมาในราคาเริ่มต้น ที่สูงกว่าเดิม 6-7 พันแน่นอนว่าในการเพิ่มราคานี้ทำให้มันอาจจะดูสูงไปหน่อย แต่ถ้ามองในความคุ้มค่านั้นมันยังน่าสนใจและใช้งานได้ดีแบบเดิมไหม เรามาดูรีวิวกันเลยครับสำหรับเจ้า POCO F2 PRO ในครั้งนี้จากทาง XIAOMI ครับ
POCO F2 PRO นั้นเปิดตัวมาด้วยสเปก Qualcomm® Snapdragon™ 865 และใช้งาน LiquidCool Technology 2.0 ใช้งาน LPDDR4X RAM 6GB และพื้นที่จัดเก็บ UFS 3.1 128GB ทางด้านหน้าจอนั้นจะใช้งานหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับการแสดงผล HDR10+ และครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ครับ อีกทั้งยังเป็นการออกแบบแบบหน้าจอเต็มๆไม่มีการเจาะรู หรือ ติ่งหน้าจอแต่อย่างใด ส่วนทางด้านระบบเสียงนั้นจะรองรับ HI-RES AUDIO ด้วยครับถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยแหละ และยังคงมีรู 3.5 มม.ครับ ทางด้านกล้องหลังนั้น จะใช้งานเซนเซอร์ SONY IMX686 ความละเอียด 64MP พร้อมกับกล้อง Ultra Wide 13MP ที่มีมุมกว้าง123 องศา และกล้อง Tele และ Macro 5MP รองรับ 3-7 เซนติเมตร รองรับ AF และ กล้องจับความลึก 2MP สำหรับการทำหน้าชัดหลังเบลอนั้นเองครับ ส่วนกล้องหน้านั้นเป็นแบบ Pop-Up 20-MP ถือว่าเป็นไม่กี่รุ่นที่ใช้งานกล้องหน้าแบบนี้ครับในปีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเจาะรูทั้งหมดเลย และ ทางด้านแบตนั้นให้มาที่ 4,700 mAh รองรับชาร์จไว 30W ที่แถมที่ชาร์จไวมาให้ในกล่องเลยครับ รวมถึงการกันน้ำละอองน้ำได้ IP53 ครับสำหรับตัวนี้ ถือว่าหลายๆอย่างนั้นมีความเปลี่ยนแปลงเยอะมากทั้ง สเปก ดีไซน์ และวัสดุที่พัฒนาขึ้นเยอะ
- POCO F2 Pro รุ่นความจุ 6GB + 128GB วางจำหน่ายในราคา 17,999 บาท
- POCO F2 Pro รุ่นความจุ 8GB + 256GB วางจำหน่ายในราคา 20,999 บาท
UNBOX
- ตัวเครื่อง POCO F2 PRO
- เคสใส TPU
- ที่ชาร์จ Adaptor 33W
- สายชาร์จ USB-C
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
ตัวเคสนั้นเป็นแบบเคสแบบใสครับวัสดุนั้นจะเป็น TPUซึ่งด้วยความที่มันเป็นกล้องหน้าแบบ Pop-Up นั้นเลยทำให้เคสด้านหลังต้องมีความแข็งที่จะทรงตัวได้และปกปองเครื่องได้แม้จะไม่ได้หุ้มข้างบนเลยทำให้วัสดุข้างหลังนั้นจะมีความแข็งกว่าขอบข้างๆแบบรู้สึกได้เลยครับ และขอบเครื่องนั้นมีความนิ่มพอสมควรเลยครับและการเว้นช่องด้านบนนั้นจะเป็นทั้งหมดเลย ทำให้เราต้องระวังในการใช้งานเวลาขอบด้านบนครับ ส่วนการปกป้องหน้าจอน้ันถือว่ามีความสูงคลุมมาได้ระดับนึง แต่น่าเสียดายว่าตรงกล้องหลังนั้นทำได้ไม่ดีเท่าไรเพราะเคสจะพอดีกับหน้าเลนส์กล้องเลยครับ
DESIGN
งานออกแบบนั้นมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนครับจากรุ่นแรกทั้งงานออกแบบ วัสดุความสวยงามคุณภาพของเครื่องนั้นยกระดับขึ้นไปเยอะเลยครับ แต่ที่รู้สึกได้เลยว่าเครื่องนั้นค่อนข้างสวยแต่มันหนักพอสมควรเลยครับเนื่องจากระบบกล้องหน้าแบบ Pop-Up ต่างๆเลยทำให้มันมีความหนาและหนักขึ้นแบบรู้สึกได้เลยครับส่วนทางด้านงานออกแบบนั้นจะเป็นการยกเครื่องมาจาก Redmi K30 Pro แต่เปลี่ยนแบรนด์เท่านั้นเอง ทำให้ภาพรวมนั้นเป็น Poco ที่ดูดีมีตระกูลขึ้นเยอะแต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงขึ้นตามคุณภาพของวัสดุที่เอามาใช้งานด้วยเช่นกันครับสำหรับตัวนี้
ทางด้านหน้าจอนั้นเป็นหน้าจอแบบเต็มตาไม่มีทั้งเรื่องของติ่งหน้าจอ หรือ การเจาะรูหน้าจอครับ เพราะในรุ่นนี้มีการใช้งานกล้องหน้าแบบ Pop-Up ที่เราคุ้นเคยกันในปีที่แล้วเพราะเป็นการออกแบบที่จะทำให้หน้าจอนั้นมีความเต็มจอที่สุดในตอนนี้ครับ แต่ก็ต้องยอมแลกกับ น้ำหนักและความหนานิดหน่อย ส่วนหน้าจอนั้น ใช้งาน AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับการแสดงผล HDR10+ และทับด้วย Gorilla Glass 5 ทั้งหน้าหลังครับ
ทางด้านขอบบนของหน้าจอนั้นจะเป็นกล้องหน้าแบบ Pop-Up และมีไฟตรงข้างๆกล้องด้วยครับ รวมถึงขอบหน้าจอส่วนบนนั้นบางมากๆและซ่อนพวกลำโพง และเซนเซอร์อะไรต่างๆไว้ในส่วนนี้ทั้งหมดเลยครับ กล้องหน้านั้นให้มาที่ 20MP รูรับแสง F2.2 ครับ รองรับการถ่ายวีดีโอสูงสุด FHD 20FPS
ส่วนขอบด้านล่างยังคงมีความหนานิดหน่อยเมื่อเทียบกับด้านข้างครับ และการควบคุมนั้นจะเป็นแบบปุ่มปกติหรือจะใช้งานหน้าจอแบบ Gesture ก็ทำได้เช่นกันครับ และตัวนี้หน้าจอนั้นมีฟิล์มมาให้เรียบร้อยเป็นแบบพลาสติกทั่วไป
ทางด้านขอบส่วนล่างของเครื่องนั้นจะเห็นว่าเป็นลำโพงหลักของเครื่องครับ และ รูไมค์ก็ใส่เข้ามาในด้านล่างด้วยเช่นกัน และทางด้านของพอร์ตนั้นใช้งาน USB-C 2.0 นะครับ และ ถาดซิมแบบ DualSIM Slot พร้อมซีลกันน้ำ
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเรียบๆไม่ได้มีอะไรมากเพราะว่าทั้งปุ่ม และถาดซิมจะไปอยู่โซนอื่นทั้งหมดเลยครับจะเห็นว่าตัวขอบเครื่องนั้นจะเป็นสีเงินโครเมียมทั้งหมดใช้งานวัสดุโลหะ และคุณภาพอะไรสวยงานขึ้นจากรุ่นแรกเยอะมาก
ในขอบด้านบนนั้นจะเป็น IR และจะเห็นว่าตำแหน่งตรงกล้อง Pop-up นั้นจะมีวงแหวนสำหรับให้ไปส่องด้วยเวลาแจ้งเตือนพวกนี้ครับ ถือว่าเป็นการออกแบบที่ฉลาด ส่วนรู 3.5 นั้นยังคงอยู่ และรุ่นนี้มี ไมค์ข้างบนมาให้ด้วย
ขอบเครื่องด้านขวานั้นเราจะเป็นปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง และ ปุ่มสีแดงนั้นจะเป็น Power ที่เด่นขึ้นมาพอสมควรครับ และยังคงใช้งานวัสดุสีเงินโครเมียมสวยงาม แต่จะเห็นว่าตัวเครื่องนั้นมีความหนาพอสมควรครับแต่จะเล่นการออกแบบช่วยในด้านข้างทำให้ดูโค้งและบางขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
ฝาหลังนั้นเราจะเห็นว่าใช้งานวัสดุกระจกสีขาว เป็น Gorilla Glass 5 นะครับถือว่าเลือกใช้งานกระจกได้ดีเลยแหละ ส่วนสีขาวนั้นจะออกเหลือบๆนิดหน่อยเวลาเจอแสงมีความโค้งมนลงทั้ง 2 ข้างครับ และการวางกล้องตรงกลางวงกลมพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัวและไฟแฟลชด้านล่างครับ ส่วนการสแกนนิ้วนั้นจะเป็นสแกนนิ้วบนหน้าจอเช่นกันครับในตัวนี้
กล้องหลังในรุ่นนี้ให้มาทั้งหมด 4 ตัวครับ เป็นกล้องหลัก 64 MP พร้อมกับรูรับแสง f/1.9 PDAF ส่วนอีกตัวนั้นจะเป็นเลนส์ เทเล และ มาโคร 5 MP รูรับแสง f/2.2 รองรับ AF ระยะโฟกัส 3-7 เซนติเมตร และ กล้องมุมกว้างนั้น
13 MP รูรับแสง f/2.4,ระยะมุมกว้าง 123˚ และเลนส์ สำหรับการจับระยะ 2 MP,รูรับแสง f/2.4 ครับตัวนี้
SPEC
- Android 10 + MIUI 11
- หน้าจอไร้ติ่ง AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับการแสดงผล HDR10+ ครอบทับด้วย Gorilla Glass 5 ในด้านหน้า ความสว่างสูงสุด 500 nits
- วัสดุฝาหลัง Gorilla Glass 5 ในด้านหลัง
- CPU Snapdragon 865 5G +Adreno 650
- RAM 6GB ใช้งาน LPDDR4X
- STORAGE 128GB ใช้งาน UFS 3.0
- กล้องหลัก 64 MP พร้อมกับรูรับแสง f/1.9 PDAF + เลนส์ เทเล และ มาโคร 5 MP รูรับแสง f/2.2 รองรับ AF ระยะโฟกัส 3-7 เซนติเมตร + กล้องมุมกว้าง 13 MP รูรับแสง f/2.4,ระยะมุมกว้าง 123˚ + เลนส์ สำหรับการจับระยะ 2 MP,รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้า : 20MP รูรับแสง f/2.2
- มีรูหูฟัง 3.5 มม. รองรับระบบเสียง Hi-Res Audio 24-bit/192kHz audio
- รองรับ 5G และ WIFI 6
- มี IR Blaster สำหรับใช้งานสั่งแทนรีโมท
- ใช้งาน USB-C 2.0
- สแกนนิ้วบนหน้าจอ
- รองรับการกันน้ำ กันฝุ่น IP53
- แบตเตอรี่ความจุ 4,700 mAh รองรับชาร์จไว 30W
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพนั้นต้องบอกว่าตัวนี้ใช้งานแรงเอาเรื่องเลยครับ Snapdragon 865 5G พร้อมกับ RAM 6GB LPDDR4X ทำงานได้ค่อนข้างดีเลยแหละแน่นอนว่ามันทำได้เร็วแรงที่สุดในตอนนี้ของฝั่ง Android และหน่วยความจำนั้นเป็นแบบ UFS 3.0 อ่านได้ ถือว่าอยู่ในเรทที่ดีแต่ถ้าตัว RAM 8 GB นั้นจะได้ UFS 3.1 ครับ และได้คะแนน Antutu ไปที่ 279293 คะแนนครับถือว่าแรงเอาเรื่อง และทางด้าน Geekbench ทำไปได้ 562 /1643 และแน่นอนว่าการดูหนัง NETFLIX นั้นรองรับการใช้งาน FHD ความละเอียดสูงสุด DRM L1 เลยแหละ
SYSTEM UI
หน้าตาระบบใช้ MIUI 11 ทับด้วย Pocoluancher ที่คุ้นเคยกันดีพร้อมกับ Android 10 ตัวล่าสุด หน้าตานั้นคุ้นเคยกันอย่างดี หน้าตาแอปยังคงมาในแนวแบนๆ เรียบๆครับ แอปติดเครื่องเยอะตามแบบของ Xiaomi และ มีโฆษณาแฝงตามแอปมาให้เหมือนเดิม ต้องไปไล่ปิด ข้อเสนอแนะเอาแต่ละแอปครับ ส่วนเรื่องของการแจ้งเตือนทำได้ดี มีเลขมุมแอปมาให้และรองรับภาษาไทยปกติครับสำหรับเครื่องศูนย์ของ Xiaomi ถือว่าแจ้งเตือนดีอยู่เหมือนกันครับ
หน้าตาตัวการตั้งค่าอะไรก็ สามารถปรับแสงหน้าจออะไรได้ ตั้งค่าแบบด่วนต่างๆ รวมถึงถ้าลากลงมาสามารถปัดหน้าไปซ้ายขวา ได้ และ แบ่งหน้าจอ เคลียร์แอปอะไรได้ปกติครับผม ใช้งาน 2 หน้าจอพร้อมกันได้เลยเลือกแอปเอาเลย
หน่วยความจำ 128GB พื้นที่ระบบกินไป 13GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 126 GB ครับ ส่วน RAM 6 GB ตัวนี้ใช่งานไป 2.9 ครับ เหลือใช้งานได้ 3.1 GB เหลือๆสบายๆ ส่วนแป้นพิมพ์ของเดิม Google มาใช้งานกันละกัน พิมพ์ไทยได้สบายครับ เป็นคีย์บอร์ดที่บอกในทุกรีวิวว่าค่ายไหนติดมาให้แบบนี้จะชอบมากๆเลยแหละ
[SR] รีวิว POCO F2 PRO ตัวคุ้ม กล้อง 4 ตัว ดีไซน์ใหม่ ใช้ Snap 865 รองรับ 5G !
Poco นั้นเป็นแบรนด์ที่หลายๆคนน่าจะรู้จักกันในยุคแรกๆที่เอาเข้ามาในไทย มันเป็นแบรนด์ที่เน้นในเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคาแต่ได้สเปกแบบเรือธงตัวอื่นๆ แต่ในพวกวัสดุอะไรพวกนี้เหมือนจะดรอปลงไปจากรุ่นเรือธงทั่วไปนั้นเองทำให้มันทำราคาออกมาได้ค่อนข้างดีและแน่นอนว่ากระแสของ POCO F1 นั้นถือว่าทำได้ดีครับในรุ่นนั้นเราจะได้ Snapdragon 845 ในราคา 10,990 บาทเท่านั้น จนมาถึงรุ่นนี้ต้องบอกว่ามีการพัฒนาอะไรหลายๆอย่างทั้งงานออกแบบ วัสดุ ดีไซน์ และสเปกที่รองรับ 5G ด้วยเช่นกันครับถือว่าเป็นการยกระดับขึ้นมาในราคาเริ่มต้น ที่สูงกว่าเดิม 6-7 พันแน่นอนว่าในการเพิ่มราคานี้ทำให้มันอาจจะดูสูงไปหน่อย แต่ถ้ามองในความคุ้มค่านั้นมันยังน่าสนใจและใช้งานได้ดีแบบเดิมไหม เรามาดูรีวิวกันเลยครับสำหรับเจ้า POCO F2 PRO ในครั้งนี้จากทาง XIAOMI ครับ
POCO F2 PRO นั้นเปิดตัวมาด้วยสเปก Qualcomm® Snapdragon™ 865 และใช้งาน LiquidCool Technology 2.0 ใช้งาน LPDDR4X RAM 6GB และพื้นที่จัดเก็บ UFS 3.1 128GB ทางด้านหน้าจอนั้นจะใช้งานหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับการแสดงผล HDR10+ และครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ครับ อีกทั้งยังเป็นการออกแบบแบบหน้าจอเต็มๆไม่มีการเจาะรู หรือ ติ่งหน้าจอแต่อย่างใด ส่วนทางด้านระบบเสียงนั้นจะรองรับ HI-RES AUDIO ด้วยครับถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยแหละ และยังคงมีรู 3.5 มม.ครับ ทางด้านกล้องหลังนั้น จะใช้งานเซนเซอร์ SONY IMX686 ความละเอียด 64MP พร้อมกับกล้อง Ultra Wide 13MP ที่มีมุมกว้าง123 องศา และกล้อง Tele และ Macro 5MP รองรับ 3-7 เซนติเมตร รองรับ AF และ กล้องจับความลึก 2MP สำหรับการทำหน้าชัดหลังเบลอนั้นเองครับ ส่วนกล้องหน้านั้นเป็นแบบ Pop-Up 20-MP ถือว่าเป็นไม่กี่รุ่นที่ใช้งานกล้องหน้าแบบนี้ครับในปีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเจาะรูทั้งหมดเลย และ ทางด้านแบตนั้นให้มาที่ 4,700 mAh รองรับชาร์จไว 30W ที่แถมที่ชาร์จไวมาให้ในกล่องเลยครับ รวมถึงการกันน้ำละอองน้ำได้ IP53 ครับสำหรับตัวนี้ ถือว่าหลายๆอย่างนั้นมีความเปลี่ยนแปลงเยอะมากทั้ง สเปก ดีไซน์ และวัสดุที่พัฒนาขึ้นเยอะ
- POCO F2 Pro รุ่นความจุ 6GB + 128GB วางจำหน่ายในราคา 17,999 บาท
- POCO F2 Pro รุ่นความจุ 8GB + 256GB วางจำหน่ายในราคา 20,999 บาท
UNBOX
- ตัวเครื่อง POCO F2 PRO
- เคสใส TPU
- ที่ชาร์จ Adaptor 33W
- สายชาร์จ USB-C
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
ตัวเคสนั้นเป็นแบบเคสแบบใสครับวัสดุนั้นจะเป็น TPUซึ่งด้วยความที่มันเป็นกล้องหน้าแบบ Pop-Up นั้นเลยทำให้เคสด้านหลังต้องมีความแข็งที่จะทรงตัวได้และปกปองเครื่องได้แม้จะไม่ได้หุ้มข้างบนเลยทำให้วัสดุข้างหลังนั้นจะมีความแข็งกว่าขอบข้างๆแบบรู้สึกได้เลยครับ และขอบเครื่องนั้นมีความนิ่มพอสมควรเลยครับและการเว้นช่องด้านบนนั้นจะเป็นทั้งหมดเลย ทำให้เราต้องระวังในการใช้งานเวลาขอบด้านบนครับ ส่วนการปกป้องหน้าจอน้ันถือว่ามีความสูงคลุมมาได้ระดับนึง แต่น่าเสียดายว่าตรงกล้องหลังนั้นทำได้ไม่ดีเท่าไรเพราะเคสจะพอดีกับหน้าเลนส์กล้องเลยครับ
DESIGN
งานออกแบบนั้นมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนครับจากรุ่นแรกทั้งงานออกแบบ วัสดุความสวยงามคุณภาพของเครื่องนั้นยกระดับขึ้นไปเยอะเลยครับ แต่ที่รู้สึกได้เลยว่าเครื่องนั้นค่อนข้างสวยแต่มันหนักพอสมควรเลยครับเนื่องจากระบบกล้องหน้าแบบ Pop-Up ต่างๆเลยทำให้มันมีความหนาและหนักขึ้นแบบรู้สึกได้เลยครับส่วนทางด้านงานออกแบบนั้นจะเป็นการยกเครื่องมาจาก Redmi K30 Pro แต่เปลี่ยนแบรนด์เท่านั้นเอง ทำให้ภาพรวมนั้นเป็น Poco ที่ดูดีมีตระกูลขึ้นเยอะแต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงขึ้นตามคุณภาพของวัสดุที่เอามาใช้งานด้วยเช่นกันครับสำหรับตัวนี้
ทางด้านหน้าจอนั้นเป็นหน้าจอแบบเต็มตาไม่มีทั้งเรื่องของติ่งหน้าจอ หรือ การเจาะรูหน้าจอครับ เพราะในรุ่นนี้มีการใช้งานกล้องหน้าแบบ Pop-Up ที่เราคุ้นเคยกันในปีที่แล้วเพราะเป็นการออกแบบที่จะทำให้หน้าจอนั้นมีความเต็มจอที่สุดในตอนนี้ครับ แต่ก็ต้องยอมแลกกับ น้ำหนักและความหนานิดหน่อย ส่วนหน้าจอนั้น ใช้งาน AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับการแสดงผล HDR10+ และทับด้วย Gorilla Glass 5 ทั้งหน้าหลังครับ
ทางด้านขอบบนของหน้าจอนั้นจะเป็นกล้องหน้าแบบ Pop-Up และมีไฟตรงข้างๆกล้องด้วยครับ รวมถึงขอบหน้าจอส่วนบนนั้นบางมากๆและซ่อนพวกลำโพง และเซนเซอร์อะไรต่างๆไว้ในส่วนนี้ทั้งหมดเลยครับ กล้องหน้านั้นให้มาที่ 20MP รูรับแสง F2.2 ครับ รองรับการถ่ายวีดีโอสูงสุด FHD 20FPS
ส่วนขอบด้านล่างยังคงมีความหนานิดหน่อยเมื่อเทียบกับด้านข้างครับ และการควบคุมนั้นจะเป็นแบบปุ่มปกติหรือจะใช้งานหน้าจอแบบ Gesture ก็ทำได้เช่นกันครับ และตัวนี้หน้าจอนั้นมีฟิล์มมาให้เรียบร้อยเป็นแบบพลาสติกทั่วไป
ทางด้านขอบส่วนล่างของเครื่องนั้นจะเห็นว่าเป็นลำโพงหลักของเครื่องครับ และ รูไมค์ก็ใส่เข้ามาในด้านล่างด้วยเช่นกัน และทางด้านของพอร์ตนั้นใช้งาน USB-C 2.0 นะครับ และ ถาดซิมแบบ DualSIM Slot พร้อมซีลกันน้ำ
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเรียบๆไม่ได้มีอะไรมากเพราะว่าทั้งปุ่ม และถาดซิมจะไปอยู่โซนอื่นทั้งหมดเลยครับจะเห็นว่าตัวขอบเครื่องนั้นจะเป็นสีเงินโครเมียมทั้งหมดใช้งานวัสดุโลหะ และคุณภาพอะไรสวยงานขึ้นจากรุ่นแรกเยอะมาก
ในขอบด้านบนนั้นจะเป็น IR และจะเห็นว่าตำแหน่งตรงกล้อง Pop-up นั้นจะมีวงแหวนสำหรับให้ไปส่องด้วยเวลาแจ้งเตือนพวกนี้ครับ ถือว่าเป็นการออกแบบที่ฉลาด ส่วนรู 3.5 นั้นยังคงอยู่ และรุ่นนี้มี ไมค์ข้างบนมาให้ด้วย
ขอบเครื่องด้านขวานั้นเราจะเป็นปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง และ ปุ่มสีแดงนั้นจะเป็น Power ที่เด่นขึ้นมาพอสมควรครับ และยังคงใช้งานวัสดุสีเงินโครเมียมสวยงาม แต่จะเห็นว่าตัวเครื่องนั้นมีความหนาพอสมควรครับแต่จะเล่นการออกแบบช่วยในด้านข้างทำให้ดูโค้งและบางขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
ฝาหลังนั้นเราจะเห็นว่าใช้งานวัสดุกระจกสีขาว เป็น Gorilla Glass 5 นะครับถือว่าเลือกใช้งานกระจกได้ดีเลยแหละ ส่วนสีขาวนั้นจะออกเหลือบๆนิดหน่อยเวลาเจอแสงมีความโค้งมนลงทั้ง 2 ข้างครับ และการวางกล้องตรงกลางวงกลมพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัวและไฟแฟลชด้านล่างครับ ส่วนการสแกนนิ้วนั้นจะเป็นสแกนนิ้วบนหน้าจอเช่นกันครับในตัวนี้
กล้องหลังในรุ่นนี้ให้มาทั้งหมด 4 ตัวครับ เป็นกล้องหลัก 64 MP พร้อมกับรูรับแสง f/1.9 PDAF ส่วนอีกตัวนั้นจะเป็นเลนส์ เทเล และ มาโคร 5 MP รูรับแสง f/2.2 รองรับ AF ระยะโฟกัส 3-7 เซนติเมตร และ กล้องมุมกว้างนั้น
13 MP รูรับแสง f/2.4,ระยะมุมกว้าง 123˚ และเลนส์ สำหรับการจับระยะ 2 MP,รูรับแสง f/2.4 ครับตัวนี้
SPEC
- Android 10 + MIUI 11
- หน้าจอไร้ติ่ง AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับการแสดงผล HDR10+ ครอบทับด้วย Gorilla Glass 5 ในด้านหน้า ความสว่างสูงสุด 500 nits
- วัสดุฝาหลัง Gorilla Glass 5 ในด้านหลัง
- CPU Snapdragon 865 5G +Adreno 650
- RAM 6GB ใช้งาน LPDDR4X
- STORAGE 128GB ใช้งาน UFS 3.0
- กล้องหลัก 64 MP พร้อมกับรูรับแสง f/1.9 PDAF + เลนส์ เทเล และ มาโคร 5 MP รูรับแสง f/2.2 รองรับ AF ระยะโฟกัส 3-7 เซนติเมตร + กล้องมุมกว้าง 13 MP รูรับแสง f/2.4,ระยะมุมกว้าง 123˚ + เลนส์ สำหรับการจับระยะ 2 MP,รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้า : 20MP รูรับแสง f/2.2
- มีรูหูฟัง 3.5 มม. รองรับระบบเสียง Hi-Res Audio 24-bit/192kHz audio
- รองรับ 5G และ WIFI 6
- มี IR Blaster สำหรับใช้งานสั่งแทนรีโมท
- ใช้งาน USB-C 2.0
- สแกนนิ้วบนหน้าจอ
- รองรับการกันน้ำ กันฝุ่น IP53
- แบตเตอรี่ความจุ 4,700 mAh รองรับชาร์จไว 30W
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพนั้นต้องบอกว่าตัวนี้ใช้งานแรงเอาเรื่องเลยครับ Snapdragon 865 5G พร้อมกับ RAM 6GB LPDDR4X ทำงานได้ค่อนข้างดีเลยแหละแน่นอนว่ามันทำได้เร็วแรงที่สุดในตอนนี้ของฝั่ง Android และหน่วยความจำนั้นเป็นแบบ UFS 3.0 อ่านได้ ถือว่าอยู่ในเรทที่ดีแต่ถ้าตัว RAM 8 GB นั้นจะได้ UFS 3.1 ครับ และได้คะแนน Antutu ไปที่ 279293 คะแนนครับถือว่าแรงเอาเรื่อง และทางด้าน Geekbench ทำไปได้ 562 /1643 และแน่นอนว่าการดูหนัง NETFLIX นั้นรองรับการใช้งาน FHD ความละเอียดสูงสุด DRM L1 เลยแหละ
SYSTEM UI
หน้าตาระบบใช้ MIUI 11 ทับด้วย Pocoluancher ที่คุ้นเคยกันดีพร้อมกับ Android 10 ตัวล่าสุด หน้าตานั้นคุ้นเคยกันอย่างดี หน้าตาแอปยังคงมาในแนวแบนๆ เรียบๆครับ แอปติดเครื่องเยอะตามแบบของ Xiaomi และ มีโฆษณาแฝงตามแอปมาให้เหมือนเดิม ต้องไปไล่ปิด ข้อเสนอแนะเอาแต่ละแอปครับ ส่วนเรื่องของการแจ้งเตือนทำได้ดี มีเลขมุมแอปมาให้และรองรับภาษาไทยปกติครับสำหรับเครื่องศูนย์ของ Xiaomi ถือว่าแจ้งเตือนดีอยู่เหมือนกันครับ
หน้าตาตัวการตั้งค่าอะไรก็ สามารถปรับแสงหน้าจออะไรได้ ตั้งค่าแบบด่วนต่างๆ รวมถึงถ้าลากลงมาสามารถปัดหน้าไปซ้ายขวา ได้ และ แบ่งหน้าจอ เคลียร์แอปอะไรได้ปกติครับผม ใช้งาน 2 หน้าจอพร้อมกันได้เลยเลือกแอปเอาเลย
หน่วยความจำ 128GB พื้นที่ระบบกินไป 13GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 126 GB ครับ ส่วน RAM 6 GB ตัวนี้ใช่งานไป 2.9 ครับ เหลือใช้งานได้ 3.1 GB เหลือๆสบายๆ ส่วนแป้นพิมพ์ของเดิม Google มาใช้งานกันละกัน พิมพ์ไทยได้สบายครับ เป็นคีย์บอร์ดที่บอกในทุกรีวิวว่าค่ายไหนติดมาให้แบบนี้จะชอบมากๆเลยแหละ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้